- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 August 2016 16:13
- Hits: 1012
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : BCPG (IPO), SAPPE, SAWAD
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
คาดว่ายังต้องระวัง SET ปรับลงอีก ดังนั้นน่ารอเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ขยับกลับขึ้นมาแกว่งตัวด้านบวกได้ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพอควร หลังนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดอาจจะยังชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนในการประชุมเดือน ก.ย. เนื่องจากยังมีความเห็นไม่ตรงกันในกลุ่มของกรรมการเฟด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบโลกก็ยังขึ้นได้ดีต่อเนื่องอย่างไรก็ตามในช่วงท้ายตลาดยังมีแรงขายทำกำไรช่วงบวกออกมากดดันให้SET ผันผวนอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าคาด รวมทั้งยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่บวกต่ออีกกว่า 3% ขานรับรายงานของ EIA ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ แต่กรอบบวกส่วนใหญ่ยังค่อนข้างแคบ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็เปิดบวกกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีจังหวะผันผวนอยู่ คาดว่าแรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากความไม่มั่นใจต่อการตัดสินใจของที่ประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.ดังนั้น FSS คาดว่า SET จะมีกรอบบวกจำกัดเช่นกัน และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อได้อีกตามคาดเดิม
กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมในช่วง SET ปรับตัวลงดีกว่า
แนวรับ 1545-1540 , 1530-1527 จุด
แนวต้าน 1550-1554 , 1556-1558 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RML, BKD, AP(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นขึ้น US$451ล้านนำโดยเกาหลีใต้ US$205ล้าน ไต้หวัน US$148ล้าน ส่วนไทยมีเงินไหลเข้าUS$12ล้าน ขณะที่ยังคงไหลออกจากฟิลิปปินส์ และเวียดนามที่ละ US$11ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าหลังจากตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed น้อยลง สภาพคล่องที่มีอยู่จำนวนมากในตลาดโลกพร้อมไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) แนวโน้มบาทยังแข็งค่าจนถึงก่อนประชุมแจ็คสันโฮล รายงาน Fed Minutesเมื่อคืนชี้ว่าประธานเฟดหลายสาขามีความเห็นต่าง แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้านี้มากกว่า ตลาดน่าจะหันไปสนใจการประชุมประจำปีของ Fed ที่ JacksonHole 26 ส.ค. ค่าเงินบาทในระยะนี้จึงมีโอกาสแข็งค่าก่อนที่นักลงทุนจะระมัดระวังการซื้อขายอีกครั้งปลายสัปดาห์หน้า
• (0) ราคาน้ำมันเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 จากข่าวเดิมเรื่องการเจรจาของ OPEC และNon-OPEC 26-28 ก.ย. เพื่อตรึงกำลังผลิต แต่เราเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่การเจรจาจะล้มเหลวเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาและทำให้ราคาน้ำมันร่วงกลับลงมาอยู่ที่ระดับ US$43-44 เท่ากับช่วงก่อนที่จะปรับขึ้นไป
• (+) SAPPE เราปรับราคาพื้นฐานเป็น 32 บาท จากเดิม 26 บาท จากความชัดเจนของการเติบโตในจีนและการซื้อธุรกิจใหม่แบรนด์ All Coco ที่มีแนวโน้มสดใส สำหรับการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่ในจีน คาดแล้วเสร็จปีนี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จะกลับมาเท่าที่เคยทำได้ในอดีตตั้งแต่ 1Q17 ซึ่งอยู่ในประมาณการของเราอยู่แล้ว ส่วนการซื้อหุ้น 40% ในบจ.โคโคนัทแฟคตอรี่ (CCF) จะแล้วเสร็จ 1 ต.ค. และสามารถซื้อหุ้นเพิ่มได้ในอนาคต แม้ว่า2 ปีนี้ (2016-17) CCF จะขาดทุนเพราะเพิ่งเริ่มผลิต แต่เราคาด SAPPE รับรู้ขาดทุนเพียงปีละ 5-8 ล้านบาท เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ +24.5% Y-Y ปีหน้า +16% Y-Y ยังแนะนำซื้อ ทั้ง SAPPE และ TACC เป็นหุ้นที่เราชอบที่สุดในหุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม
• (+) MTLS-SAWAD เราปรับราคาพื้นฐานของ SAWAD ไปเป็นปี 2017 ที่ 53 บาท และคงคำแนะนำซื้อ และปรับ Loan growth เพิ่มขึ้นเป็น 40% แต่ยังคงกำไรปีนี้ที่ 1.77พันล้านบาท +32% Y-Y และปีหน้าที่ 2.2 พันล้านบาท +25% Y-Y เพราะ Loan yieldเริ่มอ่อนตัวลงจากการแข่งขันสูงขึ้น และบริษัทเริ่มโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น เรายังคงชอบ MTLS (ราคาพื้นฐาน 28 บาท) มากกว่าในแง่ของ Loan growth ที่สูงกว่า เราคาดมากกว่า 50% ต่อปีเพราะยังมีพื้นที่ในการขยายสาขาอีกมาก ทำให้กำไรในช่วง 2 ปีนี้ (2016-17) โตเฉลี่ย 36% ขณะที่ SAWAD โตเฉลี่ย 27% แม้ MTLS จะมีPE ปีหน้า 26 เท่า แพงกว่า SAWAD ที่อยู่ที่ 18.4 เท่า แต่เทียบกับการเติบโต MTLS มีPEG เพียง 0.5 เท่า ขณะที่ SAWAD 1.5 เท่า
• (+) CK จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรายังมีมุมมองที่สดใสในแง่ทั้งผลประกอบการและ Backlog ที่ปัจจุบันมี 7.9 หมื่นล้านบาท บวกกับโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก 2.4แสนล้านบาท คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม เหลือง และชมพู มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ถ้าอิง Success rate 20-25% จะเพิ่มBacklog ให้อีก 4.8-6 หมื่นล้านบาท และถ้า BEM สามารถเจรจาลงนามงานสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายได้ในปีนี้ จะเพิ่ม Backlog อีก 2.5 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้จะรองรับรายได้ได้อีก 3-4 ปีข้างหน้า เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 44 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ส.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประขุม
- ไต้หวัน: 2Q16 GDP
20 ส.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ค.)
23 ส.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.), ดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
24 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +1.1% Q-Q ลดลงจากคาดการณ์
ครั้งแรกที่ +1.2%), การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
31 ส.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้เล็กน้อยจากราคาน้ำมันที่ยังปรับขึ้น ขณะที่นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อตัวเลขเศรษฐกิจและ Minute การประชุมของ FED
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้แข็งแกร่งโดยตอบรับเชิงบวกต่อรายงานการประชุม FED รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น รวมถึงแรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.65 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.22 ดอลลาร์/บาร์เรล บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6หลังสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง รวมถึงความหวังเรื่องการตรึงเพดานการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในการประชุมเดือนหน้า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,357.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลัง Minute การประชุมFED บ่งชี้ว่ายังไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยในระยะนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research