- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 August 2016 16:11
- Hits: 990
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ นำโดยกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง บวกกับราคาน้ำมันดิบที่บวกตลอ 5 วันทำการ ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,547.01 จุด บวก 15.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59,903 ล้านบาท
เม็ดเงินต่างชาติชะลอตัวชัดเจน ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 418 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 784 ล้านบาท และ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 9 อีก 890 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เม็ดเงินทุนต่างชาติชะลอตัวในทั้ง 3 ตลาดของไทย
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกกว่า 3% คืนวานนี้ ปิดที่ US$48.22/barrel
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนก.ค.ของไทย
ติดตามการเป็นองค์ปาฐกถาของประธานเฟด Janet Yellen ที่ Jackson Hole วันที่ 26 ส.ค.
คาดหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศเงินปันผลงวด 1H59
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง
แม้ว่า SET INDEX จะฟื้นตัวเด่นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แต่ก็ไม่สามารถปิดยืนเหนือ 1,550 จุด บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัวมากขึ้น ทำให้เราประเมินว่า SET INDEX ในช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนส.ค. จะแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,520-1,555 จุด หุ้นหลักอยู่ในช่วงของการพักฐาน เพราะหากพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับความเห็นของประธานเฟด Janet Yellen ที่ Jackson Hole คืนวันศุกร์ที่ 26 ส.ค. ต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจ/ การจ้างงาน / อัตราเงินเฟ้อ สหรัฐฯ เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ณ ปัจจุบัน ตลาดยังคงคาดการณ์การประชุมเดือนธ.ค.จะเป็นนัดที่เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ หากประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอความเชื่อมั่น และให้น้ำหนักกับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก / Brexit ย่อมกลายเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาอ่อนค่าชัดเจนมากขึ้น
สำหรับวันนี้ เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,540-1,555 จุด คาดหุ้นหลักขนาดใหญ่จะเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์มากขึ้น หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวจะมีความเด่นกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวม
Strategy of the Day
1. สะสม TPIPL : ราคาปิด 2.32 บาท ราคาเหมาะสม 2.85 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ คือการนำบริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจไฟฟ้า คือ TPIPP เข้าจดทะเบียนเพื่อเสนอขายหุ้น IPO ใน 4Q59
b) และจะเป็นการปลดล็อกมูลค่า Asset ที่สำคัญ และส่งผลให้ Overhang หมดไป เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะยกรายการส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ออกจากงบการเงิน เนื่องจากจะมีส่วนทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำลูกเข้า IPO
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านบาท และมี Upside Risk หากบริษัทยกเลิกรายการส่วนเกินทุนจะทำให้ค่าเสื่อมราคาตั้งแต่ปี 2559 ลดลงจากประมาณการถึงปีละ 1,300 ล้านบาท
2. เก็งกำไร IRPC : ราคาปิด 4.90 บาท ราคาเหมาะสม 5.40 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะ Outperform ตลาดในวันนี้ จาก Sentiment บวกของราคาน้ำมันดิบ NYMEX เมื่อคืนนี้ที่เพิ่มขึ้น +3.1% และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
b) คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะเติบโตเด่น qoq เนื่องจากจะเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้ประโยชน์จากโครงการ UHV ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GIM ได้อีก US$1.00- 1.50/barrel และความเสี่ยงของการขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง หลังราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ US$48.25/barrel เทียบกับสิ้น 2Q59 ที่ US$46.31/barrel
c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 8.7 เท่า และให้ Dividend Yield สูงถึง 5.7%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาหนาแน่น
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$451 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอตัวทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 418 ล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมของกระแสเงินทุนต่างชาติในตลาดเอเชียเกิดใหม่ รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,728 ล้านบาท และส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 106,208 ล้านบาท
แม้ว่า SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 9 เหลือเพียง 890 สัญญา รวม 9 วันทำการ Short สุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 27,741 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 8,879 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้ปิดสถานะ Long และกลับมามีสถานะ Short เพิ่มขึ้น ภายใต้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ที่กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 4.63 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.40 จุด ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเพิ่มเป็น 22,458 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ลดลงเหลือ 784 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 25,492 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยที่เริ่มทรงตัวเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 0.71bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 3.49bps ปิดที่ 2.122%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 661 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 871 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 30 ขณะที่ขาย INTUCH เด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเพียง 238 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 901 ล้านบาท รวม 30 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 70,000 ล้านบาท เป็น 73,065 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่า NVDR ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT โดดเด่น ขณะที่สะสมกลุ่มธนาคาร และพลังงานเป็นหลัก
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
อดีตประธานเฟดคาดการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้: นายอลัน กรีนสแปน คาดว่าเฟดจะไม่สามารถคงอัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบันได้นาน เฟดควรเริ่มการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดกับความรวดเร็วในการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิด Stagflation ส่วนประเด็นอียู อลันกรีนสแปนเชื่อว่าท้ายที่สุดจะเกิดการยกเลิกการรวมกลุ่ม เพราะเป็นแนวทางที่ไม่สามารถทำงานได้ดี
ประธานเฟดสาขา San Francisco คาดขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.: นาย John Williams ประเมินว่าการประชุมเฟดในเดือนก.ย.จะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ต้องการรีบร้อนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม แต่การไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใน 1 ปี หรือยาวนานกว่านั้น สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจได้เช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.62 แสนตำแหน่ง สูงกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 2.65 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.66 แสนตำแหน่ง
- ดัชนีชี้นำ เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด +0.2% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.3% mom โดยราคาหุ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ และน่าจะต่อเนื่องถึงเดือนส.ค.
ยุโรป
ยอดค้าปลีกอังกฤษสูงกว่าที่ตลาดคาด: เดือนก.ค. ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 1.45 mom สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 0.2% mom และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นถึง 5.9% yoy
จีน
Moody's ปรับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนปีนี้และปีหน้าขึ้น: เป็น 6.6% ในปีนี้ จากเดิม 6.3% และปีหน้า คาดเศรษฐกิจเติบโต 6.3% จากเดิม 6.1% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านนโยบายการเงินและการคลัง สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความไม่สมดุลย์ทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ลดลง และน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่เศรษฐกิจจีนจะไม่ใช่ปัญหาสำคัญในการฉุดเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และต่อเนื่องในปีหน้า
ราคาบ้านใน 70 เมืองหลักของจีนเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งสูงสุดในรอบ 2 ปี: ราคาบ้านเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7.9% yoy ในเดือนก.ค. เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.3% yoy และ 6.9% yoy ในเดือนพ.ค. ถือเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2557 ทั้งนี้ ราคาบ้านในปักกิ่ง เพิ่มขึ้น 20.7% เร่งขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ 20.3% ส่วนเซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้น 27.35% กระโดดจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.3%
เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ขยายตัวดีกว่าคาดใน 2Q59: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ใน 2Q59 เติบโต 7% yoy โดยมีสาเหตุจากระดับการลงทุนที่ดี บวกกับอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดคาดการณ์เพียง 6.6% และเป็นการเติบโตในอัตราเร่งจาก 1Q59 ที่ขยายตัว6.8% ด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางยังคงจับตาดูนโยบายและโครงการใหม่ๆ ของประธานาธิบดีดูเตอร์เต ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคาร
อัตราการว่างงานออสเตรเลียลดลง: อัตราการว่างงาน เดือนก.ค. เท่ากับ 5.7% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.8% และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 5.8% โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้น 26,200 ตำแหน่งจากเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่ม 10,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามจำนวนพนักงานเต็มเวลากลับจ้างลดลง 45,400 ตำแหน่ง ส่วนพนักงานชั่วคราวกลับจ้างเพิ่มขึ้นถึง 71,600 ตำแหน่ง ทั้งนี้สัดส่วนจำนวนผู้อยู่ในตลาดแรงงานคิดเป็น 64.9% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530