- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 July 2014 16:25
- Hits: 1975
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกอีกวัน 2.36 จุด มาอยู่ที่ 1,543.92 จุด โดย SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,550 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,764 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงอยู่กับไทย โดยกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,163 ล้านบาท แม้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,404 สัญญา คาดปิดสถานะ Long ทำกำไรที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ด้านตลาดตราสารหนี้ คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 20 อีก 12,506 ล้านบาท แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 3-5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ตาม
สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET ประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,538 – 1,550 จุด หุ้นใหญ่ ในกลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย จะยังเป็นกลุ่มประคอง SET INDEX ในรอบสั้นนี้ ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเด่นจะขยับขึ้นดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นโดยรวม
ด้านกลุ่มสายการบิน อาจเผชิญกับจิตวิทยาเชิงลบ หลังปีนี้มีเที่ยวบิน 4 เที่ยวประสบภัยทั่วโลก อาจทำให้การเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางระยะยาวจะได้รับผลกระทบ
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า MBKET ให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของไทย รวมถึงการประกาศงบ 2Q57 ของ SCC จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการผลักดัน SET INDEX ไต่ระดับสู่ด่านสำคัญ 1,580-1,600 จุด ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ การประชุม FOMC และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ เป็นตัวกำหนดบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสมหุ้น หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพราะเชื่อว่า SET INDEX รอบนี้จะทะลุ 1,550 จุด ขึ้นสู่กรอบ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” MACO / SIM
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM
Accumulative Buy: MACO /SIM
Technical View
แนวรับ 1535 / 1530 จุด แนวต้าน 1550 จุด ในช่วงสั้น ยังน่าติดด่านปะทะ 1550
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,550 จุด
คงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 3 พร้อมเป้าหมายรอบนี้ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์ ทยอยเข้าสะสมหุ้นหลักต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ เมื่อ HSBC Flash PMI ภาคการผลิตของจีนทำระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจีน
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,535 – 1,550 จุด ด่านสำคัญ 1,545 – 1,550 จุด เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนระมัดระวังต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT ขยับขึ้นเด่น เป็นตัวผลักดัน SET INDEX บวกกับการขยับขึ้นเด่นของ CK / CKP เป็นวันที่ 2 ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,543.92 จุด บวก 2.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,764 ล้านบาท
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.41 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อยในเช้านี้ เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด เป็นสัญญาณบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในญี่ปุ่น
MBKET คงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 3 หลัง SET INDEX ยังคงปิดยืนเหนือ 1,540 จุด บวกกับเงินทุนต่างชาติยังคงสดสมหุ้นหลัก ผ่านตลาด spot จากวันก่อนหน้าที่สะสมผ่าน SET50 Index Futures แม้ว่าด่านจิตวิทยาการลงทุน 1,545-1,550 จุด จะยังเป็นด่านที่ยาก แต่ MBKET เชื่อว่าท้ายที่สุด SET INDEX จะทะลุผ่าน ด้วยประเด็นเอื้อต่อการลงทุนในระยะสั้นได้แก่
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า ทั้งตัวเลขการส่งออก และภาพเศรษฐกิจการบริโภค / การลงทุน ภายในประเทศ ประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ คสช. เร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินจากจำนำข้าว ได้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว MBKET เชื่อมั่นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. จะส่งสัญญาณเชิงบวก
•แรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย MBKET เชื่อว่า โอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2557-2558 ขึ้นมีความเป็นไปได้สูงกว่า การปรับประมาณการปีนี้ ลง ซึ่งจะเป็นการเปิด Upside ให้แก่หุ้นหลัก และตลาดหุ้นไทย
•เงินทุนต่างชาติจะยังอยู่กับตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนกลุ่มนี้ ใช้กลยุทธ์ Arbitrage ระหว่างตลาด Spot และตลาด Futures เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้น นักลงทุนกลุ่มนี้ ก็จะขายตลาด spot และ Long futures แต่เมื่อ futures ขยับขึ้น นักลงทุนกลุ่มนี้ก็ปิดสถานะ เพื่อนำกำไรกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทางตรง ช่วยจำกัด downside risk แต่เป็นการผลักดัน SET INDEX ให้ขยับขึ้นทีละน้อย ในช่วงที่ภาวะการลงทุนขาดปัจจัยบวกใหม่ที่โดดเด่น
MBKET คงประเมินแนวรับสำคัญ 1,515-1,520 จุด จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง หลัง SET INDEX ปรับฐานลงในวันที่ 22 ก.ค.เพื่อเป็นการปิด Gap ที่เปิดไว้ก่อนหน้านั้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่รอความชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ไป เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET INDEX ซึ่งประเด็นด้านเศรษฐกิจ / การเมือง ที่รอความชัดเจนได้แก่
•การจัดตั้งสภาปฎิรูป และ การจัดตั้งรัฐบาล พร้อมนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในเดือนส.ค. หรือ ต้นเดือนก.ย. เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการปฎิรูป และการบริหารประเทศในช่วงการเตรียมความพร้อม
•รายละเอียดของ Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานในเดือนส.ค.
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ MBKET แนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลัก / หุ้นเป้าหมายที่ราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพื่อรอผลตอบแทนในระลอกนี้ราว 30-40 จุด ทั้งนี้หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q57 เติบโต โดดเด่น yoy และ qoq ได้แก่ SAMART, SIM, SPCG, KCE, TUF, GFPT, PTTEP, HMPRO อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจระยะ 2-3 สัปดาห์จากนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.IMF ลดประมาณการ GDP โลกลง: ล่าสุด IMF ปรับลดประมาณการ GDP ของโลกในปีนี้ลงจาก 3.6% ในประมาณการเดือนเม.ย. เป็น 3.4% โดยมีการปรับลด GDP ของจีน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐฯ ที่ถูกปรับลดจาก 2.8% เป็น 1.7%
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในเอเชียเกิดใหม่ แต่อาจต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐฯ / อียู ที่ส่งสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น เงินทุนอาจปรับน้ำหนักการลงทุนจากตลาดพัฒนาแล้ว สู่ตลาดเกิดใหม่อีกระลอก ก็เป็นไปได้เช่นกัน
2.ติดตามการเมืองในอินโดนีเซีย: ทนายของนาย Prabowo เตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาการเลือกตั้ง ซึ่งนาย Prabowo อ้างถึงการโกงการเลือกตั้งในครั้งทีผ่านมา
MBKET ประเมินว่า การเมืองในอินโดนีเซียที่ยังไม่นิ่ง แม้ว่าผลการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะสิ้นสุดลง โดยนาย Widodo ได้รับเสียงข้างมากเหนือ นาย Prabowo ราว 8.5 ล้านเสียง แต่การยื่นฟ้องดังกล่าว อาจทำให้ขั้นตอนการเข้ารับตำแหน่ง / การจัดตั้งรัฐบาล ไม่ราบรื่นได้
3.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เน้นตัวเลขเศรษฐกิจไทย:
•ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขการบริโภค / การลงทุน ภาคเอกชน MBKET เชื่อว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัว หลังเม็ดเงินโครงการจำนำข้าว เริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย.
•ติดตามผลการดำเนินงานใน 2Q57 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SCC ที่จะประกาศงบในวันที่ 30 ก.ค. รวมถึงการประกาศเงินปันผลระหว่างกาล
•ติดตามการประชุมเฟด วันที่ 29-30 ก.ค. Bloomberg consensus คาดลดวงเงิน QE อีก US$1.0 หมื่นล้าน เป็น US$2.5 หมื่นล้าน/เดือน
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการจ้างงานสหรัฐฯ – อียู, GDP ใน 2Q57 ของอังกฤษ, ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.23 13.29 15.20 13.27
PSE 19.39 16.80 19.38 16.81
JSE 16.48 14.03 16.48 14.03
KOSPI 10.34 9.00 10.35 9.01
TAIEX 15.56 14.28 15.53 14.25
Straits Time 14.78 13.53 14.74 13.49
SHCOMP 8.38 7.42 8.26 7.31
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SIM : ราคาปิด 3.34 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 290 – 300 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากแรงหนุนของยอดขายโทรศัพท์ Digital TV และ Smartphone ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เทคโนโลยี 3G
b)หากกำไร 2Q57 ออกมาใกล้กับที่คาด จะส่งผลให้กำไร 1H57 คิดเป็น 45.8% ของประมาณการทั้งปี ดังนั้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 ที่ 1,046 ล้านบาท +24.8% yoy และคาดว่ากำไร 2H57 จะดีขึ้นกว่า 1H57 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
c)ราคาหุ้นมี Valuation ที่ยังไม่แพง โดยซื้อขายระดับ PER 2557 เพียง 13.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ราว 15-16 เท่า
d) และคาดว่า Consensus จะตอบรับเชิงบวก จากการเข้าร่วมประชุม Analyst Meeting ในวันจันทร์นี้ (28 ก.ค.) และเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น เนื่องจากผลประกอบการ 2Q57 จะขยายตัวโดดเด่น
2.MACO : ราคาปิด 15.20 บาท ราคาเหมาะสม 16.60 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อ MACO และคาดว่ากำไรจะเติบโตแบบมั่นคงในระยะยาว เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในธุรกิจสื่อโฆษณา และการเปลี่ยนป้ายโฆษณาเป็นจอ LED จะช่วยเพิ่มทั้งพื้นที่โฆษณา, อัตรากำไร และอุปสงค์ของโฆษณายุค Digital
b)ได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H57 โดยคาดว่างบประมาณการใช้สื่อโฆษณาของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มอุปโภคและบริโภคจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ 1H57 ที่ค่อนข้างซบเซาจากผลกระทบเชิงลบจากปัจจัยการเมือง
c)การจับมือกับ VGI เป็นการร่วมมือแบบ win-win เนื่องจากจะสามารถขายโฆษณาแบบเป็น Package ได้มากขึ้น และส่งผลบวกต่อ Utilization Rate และความสามารถในการกำหนดราคา โดยเราคาดว่าจะเริ่มเห็น Synergy ดังกล่าวอย่างชัดเจนในปี 2558
d)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +14% yoy เป็น 198 ล้านบาท และเร่งตัวขึ้น +26.2% yoy เป็น 250 ล้านบาท เนื่องจากปี 2558 จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการทำธุรกิจร่วมกับ VGI
e)Valuation มีระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 18.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อที่ราว 22 เท่า ขณะที่ PEG อยู่ที่ระดับ 0.7 เท่า เทียบกับ VGI ที่ 0.8 เท่า
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิ US$246 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$85 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 53.1 Closed 11,128.6 9,188.0
KOSPI 173.0 73.1 5,382.8 4,875.1
JSE 32.0 44.0 4,938.8 -1,806.4
PSE -1.4 -9.0 1,018.6 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.6 0.7 296.3 263.2
SET INDEX 36.6 -24.0 -651.3 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,163 -763
SET50 Index Futures (สัญญา) -3,404 +937
SSF (สัญญา) -745 +1,071
Metal Futures (สัญญา) -97 -351
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +12,506 +17,417
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,163 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลือ 21,867 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,404 สัญญา เทียบกับตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 5,402 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long สุทธิ เมื่อ S50U14 ขยับขึ้นระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แม้ว่า S50U14 จะปิดต่ำกว่า SET50 Index ทรงตัวที่ 7.48 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 7.46 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short เป็นวันที่ 4 เล็กน้อย 97 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 1,488 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้าทั้งจำนวน และกลับมามีสถานะ Short สุทธิเล็กน้อย เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกจะแกว่งแคบ US$1,300-1,310 ตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 20 มากถึง 12,506 ล้านบาท รวม 20 วันทำการซื้อสุทธิ 170,100 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเป็นวันที่ 2 ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 2.45bps ปิดที่ 3.637%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 547 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 338 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ITD 82.42 7.91% 5.53
SCB 64.88 15.77% 182.77
CK 51.63 1.27% 24.29
ADVANC 44.36 2.70% 205.27
CPF 37.73 1.46% 28.75
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 23 คงการสะสมแบบ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 23 อีก 1,156 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,189 ล้านบาท รวม 23 วันทำการ ซื้อสุทธิ 38,514 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มพลังงาน ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 371 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 107 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 325 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 605 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 188 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 205 ล้านบาท
2.กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 83 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิ 23 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ (ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 175.76 59.46 SPALI -67.33 26.49
PTTGC 160.98 29.80 THCOM -62.02 6.02
PTT 151.66 21.21 DTAC -52.48 34.59
SCC 126.42 52.82 AP -34.21 11.76
BANPU 97.22 4.19 BCP -17.75 9.77
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong