WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ทิศทางตลาด
  Sideway? แต่คาดยังคงมีความผันผวนอยู่ มีโอกาสเคลื่อนไหวทั้ง + / - ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่ยังคงมีความเห็นแตกต่างกัน
  ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาด Sentiment กลับมาเป็นบวก จากการกลับมาซื้อซื้อสุทธิของต่างชาติ กว่า 1,300 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นสูงเกือบ 106,000 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
รวมถึงในระยะกลาง – ยาว คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ
  โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด


  และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
  (5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC   แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท

SET SET50 SET100
1,531.63 -5.89 976.90 -4.94 2,187.35 -9.58

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +21.92, NASDAQ +1.55, S&P +4.07,FTSE -34.77, CAC -42.76 และ DAX -138.98
หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อ 26 – 27/7/59 โดยกรรมการเฟดยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บางส่วนระบุว่า เฟดควรจะรอให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ก่อนจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อีกส่วนหนึ่งมองว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้
  ขณะที่ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และยังอยู่ระหว่างรอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26/8/59 โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่คาดอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป มีการขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนที่เฟด จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$0.21 อยู่ที่ US$46.79ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 521.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ และอยู่ระหว่างรอการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 26-28 ก.ย. นี้ ที่ประเทศแอลจีเรีย โดยคาดที่ประชุมอาจเห็นชอบให้ตรึงกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันและรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะยาว
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.46 1.95 3.09

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 60,261.74
สถาบัน -4,550.60
บัญชีหลักทรัพย์ 877
ต่างประเทศ 1,309.78
ในประเทศ 2,363.83

  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$8.1 อยู่ที่ US$ 1,348.8ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่เฟด จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,310 ล้านบาท สะสม YTD +105,790 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 18 - 19 ส.ค.  2559       
18/8/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   ผลสำรวจดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติกเดือนส.ค.
   ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค.

19/8/59 : ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
  (7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%  
  (8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
  (9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.56% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.45 อยู่ที่ 12.19
  หุ้นแนะนำ : PTTGC

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!