WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่ต่ำกว่า 1530'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้พักฐานต่อ ปิดตลาดลดลง 11.59 จุดที่ 1537.52 โดยมีการ Take profit หุ้น Big Cap ในกลุ่มแบงค์ใหญ่, สื่อสาร, วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง, อาหาร ฯลฯ หลังราคาหุ้นปรับขึ้นรับข่าวดี & จบรายงานผลประกอบการ 2Q59 แล้ว นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 911 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิมากที่ 3.2 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน ด้านรายย่อยสวนซื้อสุทธิ 4.1 พันล้านบาท
    ตลาดหุ้นโลกได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องเฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกครั้งหลังประธานเฟดนิวยอร์กและแอตแลนตามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมากพอที่จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว ขณะเดียวกันตลาดก็สิ้นสุดปัจจัยกระตุ้น คือรายงานผลประกอบการ 2Q59 รวมทั้งมีการ Take profit on fact ด้วย ทั้งนี้ตัวเลขกำไรตลาดหุ้นไทยงวด 2Q59 ออกมาที่ 2.48 แสนล้านบาท เติบโต 15%YoY และ 5%QoQ และงวด 1H59 เท่ากับ 4.84 แสนล้านบาท คิดเป็น 51% ของประมาณการเรา ดังนั้นเราจึงคงให้ SET Index target ของปี 59 ไว้ที่ 1570 จุด (Median+1SD)
     ปัจจัยที่จับตา คือ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 26-27 ก.ค.59 ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ (เวลาสหรัฐ) และติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ด้วย กลยุทธ์การลงทุน : ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยังเหลือ Upside พอควร, มีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น PTTGC
      การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบโดยยังอยู่ภายใต้ภาวะ Overbought + Divergence แต่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการรีบาวด์ ซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวกและเมื่อ SET ไม่ต่ำกว่า 1530 จุด แต่ถ้าต่ำกว่าก็รอรับที่แนวเด้ง 1500+/- จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1540-1550, 1560 จุด หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี ประกอบด้วย TTCL, BLAND, PTTGC, ASEFA, M
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ ; ประธานเฟดนิวยอร์กประเมินว่ามีโอกาสที่สหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนก.ย.นี้
นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยเห็นว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2H59 ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีการสร้างงานเพิ่มมากขึ้น เรากำลังเข้าใกล้ถึงจุดที่มีความเหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.59" นอกจากนั้นนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดแอตแลนตาก็มีความเห็นใกล้เคียงกันด้วย โดยกล่าววว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น และเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่เหมาะสม"

/+ สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนก.ค.ทรงตัว MoM การผลิตภาคอุตสาหกรรรมเพิ่มดีกว่าคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ +0.7%MoM ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.57 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +0.3% ปัจจัยจับตา คือ รายงานการประชุม FOMC ประจำวันที่ 26-27 ก.ค. ซึ่งจะเปิดเผยวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนั้นยังติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ด้วย

- ตลาดหุ้นสหรัฐ : พักฐานจากการขายทำกำไร & กังวลว่าดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นเดือนก.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,552.02 จุด ลดลง 84.03 จุด หรือ -0.45% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,227.11 จุด ลดลง 34.91 จุด หรือ -0.66% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,178.15 จุด ลดลง 12.00 จุด หรือ -0.55% ปัจจัยกดดัน คือ ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐที่กลับมาหลังประธานเฟดนิวยอร์กและแอตแลนตามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมากพอที่จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว

+ ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 46.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 49.23 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดคาดหวังว่าการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มโอเปกในเดือนก.ย.อาจเห็นชอบให้ตรึงกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันและรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะยาว

+ ราคาทองคำ ; ปรับขึ้น 0.7%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 1,356.9 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 2% ทำให้ความวิตกเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไม่รุนแรงมาก

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กำไร 2Q59 ของบจ.อยู่ที่ 2.48 แสนล้านบาท (+15%YoY, +5%QoQ)
กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 2.48 แสนล้านบาท (+15%YoY และ 5%QoQ) เนื่องจากกลุ่มพลังงานมีกำไรจากสต็อกเข้ามาช่วยหนุน ขณะที่ภาคธุรกิจปรับตัวด้วยการขยายสาขา & ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน และ CLMV หลายบริษัทมีการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและโรงงาน รวมทั้งลดต้นทุนดำเนินงาน & โลจิสติกส์เพื่อให้มีอัตรากำไรสูง รวมทั้งมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เข้ามา นอกจากนั้นยังมีการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการด้วย สำหรับกำไร 1H59 อยู่ที่ 4.84 แสนล้านบาท (+7%YoY) และคิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี 59 ของเราที่ 9.4 แสนล้านบาท (+35%YoY)
เราไม่ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิบจ.ที่ทำการวิเคราะห์ (คิดเป็นประมาณ 70% ของ Market Cap ตลาดหุ้นไทย) อย่างมีนัยสำคัญ และคงประมาณการกำไรปีนี้ไว้ดังข้างต้น ณ ระดับ SET Index ปัจจุบันมี Forward P/E ปี 59 ที่ 16.1 เท่า ส่วนเป้าหมาย SET Index ยังให้ไว้ที่ 1570 จุด เทียบเท่ากับ Forward P/E ปี 59 ที่ 16.4 เท่า (Median+1SD)
กลยุทธ์การลงทุน - ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยังเหลือ Upside, มีหุ้นอยู่ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว เพราะตลาดที่อยู่ในโซน Valuation แพงจะอ่อนไหวต่อข่าวลบและปรับลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!