WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1530'
     หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SEAFCO SPF (จากซื้อเป็นถือ), IMPACT (จากถือเป็น Fully Valued)
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้อ่อนลงเล็กน้อย 3.53 จุดปิดที่ 1549.11 โดยการอ่อนตัวลงของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวไม่ได้รุนแรง เนื่องจากตลาดประเมินว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ได้ นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อ 2.7 พันล้านบาท (แผ่วลงไปบ้างเพราะบางส่วนรอดูสถานการณ์บ้านเมืองก่อน) พอร์ตบล.ซื้อสุทธิเล็กน้อย 346 ล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิทั้งสองกลุ่ม
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้าง Mixed ในช่วง 3Q59 โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นแต่ประสิทธิภาพแรงงานชะลอตัวลง ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น ดัชนีภาคการผลิตลดลงต่อเนื่องในเดือนก.ค.-ส.ค.59 แต่ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยแข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่น ยังคงซบเซาต่อและการแข็งค่าของเงินเยนหลัง Brexit เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว ด้านสหภาพยุโรปมีความท้าทายเรื่องปัญหาภาคธนาคารที่มี NPL สูงขึ้น และเศรษฐกิจเติบโตช้า สำหรับไทย GDP งวด 2Q59 เติบโต 3.5%YoY (เพิ่มจาก 3.2%YoY ใน 1Q59) เพราะการบริโภคที่เติบโตดีขึ้น รัฐบาลเร่งลงทุน และภาคท่องเที่ยว & บริการที่ขยายตัวดี สำหรับปัจจัยจับตา คือ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 26-27 ก.ค. (จะออกมาพุธนี้) สถานการณ์บ้านเมืองไทย และผลประกอบการ 2Q59 โค้งสุดท้าย (จากตัวเลขเบื้องต้นพบว่ากำไรตลาดงวด 2Q59 เติบโตได้ดีกว่าคาด คือ เป็นเลขสองหลักที่ประมาณ 13-15% เทียบ YoY) กลยุทธ์การลงทุน : ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยังเหลือ Upside พอควร, มีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น PTT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ และยังอยู่ภายใต้ภาวะ Overbought + Divergence การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวกและเมื่อ SET ไม่ต่ำกว่า 1530 จุด แต่ถ้าต่ำกว่าก็รอรับที่แนวเด้ง 1500+/- จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1560, 1570 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High หุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น ASEFA, AAV, PTTGC, STA, SCN ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ XO, PACE, KAMART หุ้นที่หลุด List ได้แก่ LH, SEAFCO, TPOLY และหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร คือ CENTEL, JMART

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงต่อในเดือนส.ค.59
ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนส.ค.ร่วงลงสู่ระดับ -4.2 (จาก 0.55 ในเดือนก.ค.) โดยลดลงต่อเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ภาคการผลิตลดการจ้างงาน แต่คำสั่งซื้อใหม่ขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนส.ค. และการขนส่งพุ่งสู่ระดับ 9 จากระดับ 0.7 ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ดัชนีที่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงการหดตัว

+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค.
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 60 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ และตัวเลขในตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง แต่ดัชนีต่ำกว่าเมื่อส.ค.ปีก่อนที่ 61 สำหรับดัชนีย่อยด้านสภาวะยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 65 ในเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 67 ทั้งนี้ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

+ ญี่ปุ่น : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ขยายตัว 2.3% สูงกว่าประมาณการเบื้องต้น
ทางการญี่ปุ่นปรับเพิ่มการประมาณการผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนมิ.ย.59 เป็น +2.3% เพิ่มขึ้นจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุไว้ที่ +1.9% ซึ่งสะท้อนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับผลิตเครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นปิดบวกหลังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,636.05 จุด เพิ่มขึ้น 59.58 จุด หรือ +0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,262.02 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ +0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,190.15 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด หรือ +0.28% โดยทั้ง 3 ดัชนีทำ All time high ปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น สำหรับปัจจัยที่ตลาดจับตา คือ การเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

+ ราคาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นหลังมีข่าวรัสเซียและซาอุฯหารือรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.25 ดอลลาร์ หรือ +2.8% ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.59 ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ +2.9% ปิดที่ 48.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.59 ทั้งนี้กระแสข่าวว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังหารือกันเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันช่วยหนุน โดยกลุ่มโอเปกมีกำหนดประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย

+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ระดับ 1,347.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หนุนโดยเงินสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/+ ไทย : GDP งวด 2Q59 เติบโต 3.5% เพิ่มจาก 3.2% ใน 1Q59
เศรษฐกิจ 2Q59 เติบโต 0.8%QoQ สภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP ประจำ 2Q59 ของไทยว่าขยายตัวได้ 3.5% เร่งขึ้นจากที่ขยายตัว 3.2% ใน 1Q59 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเติบโตจาก 1Q59 แรกราว 0.8% (QoQ-SA) สำหรับ 1H59 เศรษฐกิจเติบโต 3.4% ปัจจัยหนุนการเติบโต คือ การขยายตัวที่ดีขึ้นของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน (+3.8% เพิ่มจาก +2.3% ใน 1Q59 โดยปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส) ภาคบริการ และการลงทุนภาครัฐ (+10.4%) แต่การส่งออกสินค้ายังลดล (-3.1% จาก -1.4% ใน 1Q59) และการลงทุนภาคเอกชนเติบโตลดลง (+0.1% จาก +2.1% ใน 1Q59)
สภาพัฒน์คงคาดการณ์การเติบโตของ GDP ทั้งปี 59 ไว้ที่ 3.0-3.5% (ค่ากลาง 3.3%) โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวในระดับกรอบบน เพราะผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและ Brexit ต่อเศรษฐกิจในปี 59 ยังไม่มาก และ IMF ไม่ได้ปรับลดคาดการณ์ Global GDP Growth มากนัก (โดยปรับลงจาก +3.2% เป็น +3.1%)
ประเมินภาคท่องเที่ยวเติบโตได้ดีในปีนี้ โดยคาดว่าในปี 59 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่ากับ 33.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 29.9 ล้านคนในปี 58 หรือ +12.1% สร้างรายได้ 1.7 ล้านล้านบาท หรือ +13.9%
อัตราเงินเฟ้อไม่เป็นแรงกดดัน คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดูไบปี 59 จะอยู่ในช่วง 35-45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอำนาจซื้อที่แท้จริงของภาคครัวเรือน และลดต้นทุนภาคธุรกิจ รวมทั้งไม่เป็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
การส่งออกยังฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก และค่าเงินบาทใน 2H59 มีแนวโน้มจะแข็งค่ากว่าช่วง 2H58 และ 1H59 ซึ่งทำให้รายได้และอัตรากำไรจากการส่งออกรูปเงินบาทชะลอตัวลงลง

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!