- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 August 2016 17:56
- Hits: 2835
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : Fund Flow หนุน
Stock of the town : THE S11
Company visit : WHA
หุ้นมีข่าว : PS LH PTT PTG CK SYNTEC COM7
SET วานนี้อ่อนตัวลงจากความกังวลเหตุการณ์วางระเบิดในหลายพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งกดดันต่อกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม อย่างไรก็ตามดัชนีปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,549.11 จุด (-3.53 จุด) Vol. 7.5 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +2,631 ลบ., TFEX Net -319 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ สศช.การันตีเศรษฐกิจไทยดีขึ้น GDP Q2/59 +3.5YoY จากปัจจัยหนุนทั้งใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-นักท่องเที่ยวขยายตัว คงเป้า GDP ปี 59 โต 3-3.5 ขณะที่ส่งออกหดตัวต่อเนื่องคาดติดลบร้อยละ 1.9
+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 45.6 US/Barrel จากข่าวรัสเซียกำลังหารือกับซาอุดิอาระเบีย และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯดีดตัวขึ้น จากแรงหนุนราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนส.ค. + 2 จุด สู่ 60 จุด
+ กกพ.เผยโซลาร์ราชการเฟส2 เปิดรับซื้อ519MWภายในปี59
- ธนารักษ์ล้มประมูลบ้านธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ หลังชุมชนต่อต้านหนัก เตรียมเจรจา "อารียา พรอพเพอร์ตี้ A" ผู้ชนะประมูล งดฟ้องร้อง
แม้จะมีเหตุการณ์ระเบิดในหลายพื้นที่ภาคใต้ แต่ SET ยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเป็น Net Buy 2 เดือนราว 6.9 หมื่นลบ. พร้อมกับค่าเงินบาแข็งค่าขึ้นเป็น 34.6 Bath/USD. อีกทั้งตัวเลข GDP ไทย Q2/59 ดีกว่าคาดโดย +3.5% YoY ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้น โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1,555 - 1,560 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy
- BLAND ซื้อหุ้นคืนจากตลท.ไม่เกิน 3.9 พันลบ.ไม่เกิน 10% เริ่ม 30 ส.ค.
- กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแรงล่าสุด 45.6 US/Barrel
- BANPU LANNA ราคาถ่านหินทรงตัวระดับสูงล่าสุด 67.6 US/Tons
- หุ้นที่จ่ายปันผลครึ่งปีเด่น INTUCH ADVANC KKP TCAP
Company Visit
WHA ราคาปิด 3.20 บาท ราคาเหมาะสม Consensus 3.50 บาท
Rebranding และจัดกลุ่มธุรกิจหลักเป็น 4 กลุ่มได้แก่ ธุรกิจ logistics เน้นทำเลถ.บางนา-ตราด กม. 8-23 ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในปท.มองศักยภาพพท.ใกล้สนามบินอู่ตะเภาและเวียดนาม ธุรกิจพลังงานตั้งเป้าเอาบ.ลูกเข้าจดทะเบียนในตลท. และธุรกิจดิจิตัลมุ่งเน้นทำดาต้าเซน
เตอร์ปจบ.มี 3 แห่งจะเพิ่มเป็น 5 แห่ง
2Q59 มีกำไรสุทธิ 334 ลบ.+48% 1H59 มีกำไรสุทธิ 454 ลบ.+105% เติบโตสูงจากการควบรวมกิจการกับ HEMRAJ และขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป
ปลายปีมีแผนจัดตั้ง HREIT มูลค่าไม่เกิน 8,690 ลบ.สินทรัพย์เป็นโรงงานและคลังสินค้าให้เช่านิคมฯเหมราช ยื่นไฟลิ่งแล้ว คาดเข้าตลาดราว 4Q59-1Q60
มีแผนลดคชจ.ดอกเบี้ยด้วยการลดหนี้จากการนำเงินสดที่ได้จากการจัดตั้งกอง REIT ตั้งเป้าลด D/E เหลือ 1 เท่าในปลายปี 63 จาก 2.54 เท่า ณ ปลายมิ.ย 59
หุ้นมีข่าว
PS (ราคาปิด 32 ซื้อ ราคาเหมาะสม consensus 32) 1H59 มีกำไร 3,139 +3%YoY ประกาศปันผลหุ้นละ 0.60 บาท XD 25 ส.ค. วันจ่าย 9 ก.ย. ผู้บริหารชี้แจงใน analyst meeting ว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 1H59 ที่ 32.2% ลดลงจาก 33.8% ใน 1H58 จากการโอนคอนโดฯที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำในสัดส่วนที่สูง โดยยังคงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีที่ระดับใกล้ 32.5 -33% backlog ที่มีคิดเป็น 74% ชองเป้ารายได้ทั้งปี 59 ที่ 5.3 หมื่นลบ. บริษัทอยู่ในระหว่างปรับโครงสร้างและปรับแผนกลยุทธ์มาผลิตโครงการแนวราบพรีเมี่ยมมากขึ้น คาดว่าบริษัทใหม่ที่เป็นโฮลดิ้งจะเริ่มซื้อขายได้ราวเดือนธ.ค.59 ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรปี 59-60 ลดลงเนื่องจากสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 34.4% สูงกว่าตัวเลขจริง
LH (ราคาปิด 10.10 ถือ ราคาเหมาะสม 10.30) 2Q59 มีกำไรสุทธิ 2,631 ลบ.+32%QoQ +54%YoY เติบโตสูงมากรับมาตรการภาครัฐและมีรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 1,240 ลบ. 1H59 มีกำไรสุทธิ4,626 ลบ.+52% ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.35 บาท XD 24 ส.ค. วันจ่าย 9 ก.ย. ผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 15% แต่คาดว่าเป้าเติบโต 13% ของยอดขาย presale ไม่น่าจะทำได้เนื่องจาก EIA ล่าช้า backlog ปลายมิ.ย. เท่ากับ 17,540 ลบ. เกือบ 6 พันลบ.มีกำหนดโอนภายในปีนี้ ทำให้ประมาณการรายได้ที่ 2.7 หมื่นลบ.ของฝ่ายวิจัยมี backlog รองรับ 74% จึงยังคงประมาณการรายได้เท่าเดิม แต่รายการพิเศษจากการขายที่ดินทำให้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิจาก 7.5 พันลบ.เป็น 8.5 พันลบ.
PTT (ราคาปิด 344 ราคาเหมาะสม 357) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 24,878 ล้านบาทต่ำกว่าที่เราคาดไว้ โดยเติบโต 5%YoY และ 5%QoQ โดยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรปี 59 ที่ 90,737 โดยในครึ่งปีหลังฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบของธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯ แต่ธุรกิจโรงกลั่นผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากค่าการกลั่นที่ลดลงและอาจมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบเข้ามากดดันเพิ่มเติม
PTG (ราคาปิด 27.75 ราคาConsensusสูงสุด 24.00) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 313 ล้านบาทเติบโต 86%YoY และเติบโต 6%QoQ โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกคิดเป็น 56 %ของประมาณการ โดยฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีมุมมองว่าการอุปโภคน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูงหลังราคาน้ำมันปรับตัวลงซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของบริษัท
CK (ราคาปิด 32.75 ราคาเหมาะสม 32 กำลังทบทวนประมาณการ) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 1,027 ล้านบาท เติบโต 236% แต่ลดลง37%YoY เนื่องจากมีการรับรู้งานส่วนเพิ่มจากเขื่อนไซยะบุรีส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20,681 ล้านบาท เติบโต 143%YoY โดยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 55%ของประมาณการที่ 2,421 ล้านบาท
SYNTEC (ราคาปิด 5.75 ราคาเหมาะสม 5.60) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 199 ล้านบาทเติบโต 89%YoY แต่ลดลง 14%QoQ เนื่องจากในไตรมาส 2 มีมีจำนวนวันทำงานลดลงจากวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวที่ 17% ใกล้เคียงไตรมาส 1 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมงานต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 83%ของประมาณการที่ 520 ล้านบาท ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการเพราะผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นและมูลค่าเงินลงทุนใน BEM ปรับตัวขึ้น (คิดเป็นมูลต่อหุ้น SYNTEC 0.375 บาทต่อหุ้น)
COM7 (ราคาปิด 10.70 ราคาConsensusเฉลี่ย 11.12) รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 80 ล้านบาทเติบโต 31%YoY แต่ลดลง 10%QoQ โดยกำไรครึ่งปีคิดเป็น 43%ของประมาณการ โดยฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 59 ที่ 391 ล้านบาทเนื่องจากผลดีของการซื้อไอโฟนโดยตรงจากแอปเปิ้ลช่วยลดต้นทุน และการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ช่วงเดือนกันยายนจะช่วยหนุนผลประกอบการในครึ่งปีหลัง
EPCO ออกวอร์แรนต์ไม่เกิน 95.7 ล้านหน่วย ให้ฟรีผถห.เดิม 8:1,เพิ่มทุนรองรับ
FOCUS เข้าซื้อกิจการ"วีก (ไทยแลนด์)"จากผถห.ฝรั่งเศส รุกธุรกิจบริหารจัดการขยะ รวมถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ
SF เผย MAJOR เตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนที่ 6.20 บ./หุ้น เพื่อเข้าถือเพิ่มเป็น 49% จาก 24.89%
MK เข้าร่วมทุน TICON พัฒนาคลังสินค้า-โรงงานให้เช่าใน"บางกอกฟรีเทรดโซน"
กรมธนารักษ์สั่งบมจ.อารียาฯ (A) ยกเลิกโครงการบ้านประชารัฐเชียงใหม่จากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ให้หาพื้นที่ใหม่ทำแทน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : +59.58 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,636.05 จุด เพิ่มขึ้น 59.58 จุด หรือ +0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,262.02 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ +0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,190.15 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด หรือ +0.28% หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2.8% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค. โดยปัจจัยเหล่านี้ได้ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี S&P500 และดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดน้ำมัน NYMEX : +1.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังหารือกันเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ที่ประเทศแอลจีเรีย
Analyst : วิลาสินี บุญมาสูงทรง
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์
ชัยยศ จิวางกูร