- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 August 2016 17:33
- Hits: 2503
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ผันผวน
SET Idex: 1546.43 ช่วงเช้าดัชนีแกว่งผันผวน หลัง SET ไม่ผ่านแนวต้าน 1555 จุด ขณะที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเหนือบริเวณ 1540 จุด เรายังมองการเคลื่อนไหวของตลาดยังผันผวนในกรอบ 1540-1560 จุด อย่างไรก็ตาม หาก SET หลุด 1540 จุด มีแนวโน้มจะลงมาปิด gap บริเวณ 1520 จุด
แนวต้าน : 1550 และ 1555
แนวรับ : 1542 และ 1532
KTB = 18.80 / 19.30, ADVANC = 175.50 / 180, TRUE = 8.55 / 9.00, BLAND = 1.64 / 1.73, CPALL = 58.50 / 61.00
The Erawan Group (ERW TB; THB 4.88) - ซื้อ
แนวต้าน : 5.00 และ 5.15
แนวรับ : 4.86 และ 4.82
ราคาหุ้นฟื้นตัว หลังปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคายังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 4.80 บาท คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิม
RSI ยังเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ ERW โดยมีแนวรับที่ 4.86 และ 4.82 และมีแนวต้านที่ 5.00 และ 5.15 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.76 ลงไป
The Lanna Resources (LANNA TB; THB 12.50) - ซื้อ
แนวต้าน : 13.00 และ 13.70
แนวรับ : 12.40 และ 12.20
ราคาหุ้นรีบาวด์ หลังปรับลงแรงในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว คาดราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อ หากราคายังแกว่งเหนือ 12 บาท และวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้น
RSI เริ่มฟื้นตัวเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ LANNA โดยมีแนวรับที่ 12.40 และ 12.20 และมีแนวต้านที่ 13.00 และ 13.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 12.00 ลงไป
Analysts :
Pornvilai Santusatharom +662 657-9230 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...หุ้นเล็กกลุ่มค้าปลีกและอื่นๆ
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ขึ้นแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ต้นปีและมีแรงหนุนจากการปรับเพิ่มประมาณการณ์ EPS และราคาเป้าหมายมากที่สุด คือกลุ่มค้าปลีก รองลงมาคือกลุ่มผลิตอาหารและที่โยงท่องเที่ยว เหตุของการปรับน่าจะมาจากผลการดำเนินงาน Q2/16 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ หุ้นในกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างแรง บางตัวขึ้นไปถึงราคาเป้าสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้กัน ดังนั้นอาจต้องรอให้นักวิเคราะห์มาปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่ หรือเลือกลงทุนหุ้นที่ราคายังขึ้นไปไม่มาก สำหรับหุ้นขนาดเล็กในกลุ่มค้าปลีก ที่ยังน่าสนใจในการเก็งกำไร ผ่านการประเมิน P/E 12 เดือนล่วงหน้ากับ Earning momentum สูงๆ คือ BIG และ KAMART (ดูรูปด้านซ้าย) เนื่องจากค่า P/E ต่ำแต่ให้ค่า Earning momentum สูง แต่ราคาหุ้น KAMART ขึ้นมาสูงเกินไป
หลังผลการดำเนินงาน Q2/16 ค่อยๆ ทยอยประกาศ ปรากฏว่าค่า Earning revision ratio หรือ Momentum ratio ของตลาดหุ้นไทย กลับทะยานขึ้นมาใกล้แดนบวกมากขึ้น ตรงนี้น่าจะมาจากนักวิเคราะห์มีมุมมองในเชิงบวกกับกำไรของตลาดหุ้นไทยในอนาคต โดยเฉพาะหุ้นที่โตจากภายในประเทศ ส่วนหุ้นที่อิงกับวัฎจักรเศรษฐกิจอย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี สินค้าโภคภัณฑ์และเกษตร ผลการดำเนินงานที่ออกมาเริ่มทรงตัวและดีขึ้น ส่วนกลุ่มธนาคาร ผลการดำเนินงานที่ออกมายังประคับประคองตัว ที่โตได้จะเป็นธนาคารขนาดเล็กที่อิงการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อขนาดเล็ก
ทิศทางกำไรของตลาดที่ค่อยๆ ดีขึ้น น่าจะเป็นตัวหนุนดัชนี SET ในช่วงสั้นนี้ แต่ประเด็นสำคัญหลังจากนี้ จะมีปัจจัยอะไรที่จะสนับสนุนการขึ้นของดัชนี SET หากดูจากความรู้สึกของตลาด จะมองเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นใจว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ส่วนประเด็นภายนอกคือ FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ประโยชน์ที่จะได้จากการใช้ QE อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกยังทรงตัวในระดับต่ำและสุดท้ายราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น ในทางกลับกันหากมองในแง่ของความถูกความแพงผ่านค่า P/E ตลาดน่าจะยังไปไม่ได้ไกล คือจะต้องมีบางช่วงต้องย่อลงเพื่อลดแรงเสียดทานทางเทคนิคและค่า P/E
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงดัชนีขึ้นมาใกล้ 1550-1560 จุด น่าจะยังเน้นไปที่หุ้นรายตัวที่ผลการดำเนินงาน Q2/16 ออกมาดีหรือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมฟื้นตัวหรือหุ้นที่ยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าตลาดหรือฝากเงิน (ค่อนข้างเหลือไม่มาก) ซึ่งที่กล่าวมาทั้ง 3 ประเภท เริ่มหาได้ยากขึ้นหลังดัชนีขึ้นมาสูง โดยหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักผลประกอบการส่วนใหญ่ทยอยประกาศไปเกือบหมดแล้ว จะเหลือจะเป็นหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก ดังนั้นการขยับตัวของดัชนี SET จะมีไม่มาก เว้นแต่หุ้นพลังงานจะมีแรงซื้อเข้ามาหนักๆ
สำหรับหุ้นที่ทยอยประกาศงบเมื่อวานนี้ แล้วออกมาดีเกินคาด คือ CK (134.62%) STA (18.87%) CHG (10%) และ SIRI (7.5%) ส่วนที่ออกมาต่ำกว่าคาดมากๆ คือ STEC (-31.5%) BJC (-27.3%) SEAFCO (-20%) BEC (-16.7%) UNIQ (-14.9%) และ PTT (-9.4%) วันนี้มองทิศทางดัชนี SET จะยัง Sideway ขึ้นจากแรงหนุนของดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาค ตัวเลข GDP Q2/16 ออกมาดีกว่าคาดที่ 3.5% (YoY) และราคาน้ำมัน แต่อาจจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรช่วงสั้น PTT หลังผลการดำเนินงานออกมาต่ำกว่าคาด วันนี้มองกรอบแนวต้านที่ 1556-1560 จุด ส่วนแนวรับที่ 1542-1538 จุด หุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร คือ CK MALEE CHG BIG
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,546.43 จุด ลดลง 2.68 จุด (-0.17%) มูลค่าการซื้อขาย35,675.99 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวน โดยมีแรงขายทำกำไรออกมา หลังดัชนีไม่ผ่านระดับ 1555 จุด ตลาดถูกกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสาร และวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ แม้จะมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานเข้ามา
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย มีโอกาสปรับฐาน ระยะสั้น SET เกิดสัญญาณ Bearish Divergence ทั้งในระดับรายวันและรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนก่อนการปรับฐานในทุกรอบๆ ซึ่งโดยปกติจำเป็นต้องลดพอร์ตลงตามก่อน โดยการจะเป็นการปรับฐานใหญ่หรือย่อย แรงขายของกองทุนในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์ โดยหากปรับฐานย่อยก็น่าจะเห้นการย่อต่อลงมาที่ระดับ 1520 - 1536 จุด แต่หากปรับใหญ่จะมองกันที่ระดับ 1500 - 1512 จุด ส่วนแนวต้านยังอยู่ที่ระดับ 1555 จุด
Technical Pick (PM) ...
The Erawan Group (ERW TB; THB 4.88) - ซื้อ
The Lanna Resources (LANNA TB; THB 12.50) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]