- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 August 2016 17:04
- Hits: 6764
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับลง? โดยคาดได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ทิ่สวนทางกับความคาดหมาย นอกจากนี้คาดได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มสถานการณ์ในประเทศ ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ที่คาดมีผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และอาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามคาดเป็นเพียงระยะสั้น
ขณะที่อยู่ในช่วงสุดท้ายการประกาศผลการดำเนินงาน - 2Q/59 และเงินปันผลที่คาดอาจมี Sell on Fact
อย่างไรก็ตามต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง ล่าสุด เกือบ 4,600 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม สูงกว่า 102,000 ล้านบาท คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าภูมิภาค รวมถึงไทยต่อเนื่อง ภายใต้การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลายประเทศและคาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับในระยะกลาง – ยาว
ยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
SET SET50 SET100
1,552.64 +4.51 990.71 +4.13 2,219.43 +6.09
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -37.05, NASDAQ +4.50, S&P -1.74, FTSE +1.31, CAC -3.76 และ DAX -29.41
หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดสวนทางกับที่คาด โดย (1) ยอดค้าปลีก - ก.ค. ทรงตัวจากเดือนมิ.ย. จากที่ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งทำให้คาดการใช้จ่ายผู้บริโภคใน 3Q/59 อาจชะลอตัว หลังจากเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.2% เมื่อ 2Q/59 และอาจส่งผลต่อ GDP ใน 3Q/59 และ (2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) – ก.ค. ลดลง 0.4%MoM ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และลดลงมากที่สุดนับแต่ก.ย.’58 รวมถึงสวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26/8/59 โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่คาดอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกบ้างจากตัวเลข GDP – 2Q/59 ของ EU เพิ่มขึ้น 0.4%qoq และเพิ่มขึ้น 1.8%yoy
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$1.00 อยู่ที่ US$44.49 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยหนุน หลังนายคาลิด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย ได้เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศอื่นๆ จะมีการหารือในเรื่องของภาวะตลาด รวมถึงมาตรการที่จำเป็นในการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาน้ำมัน ระหว่างการประชุมที่จะมีขึ้นอย่างไม่เป็นทางการวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ ที่กรุงอัลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรีย
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
23.35 2 3.05
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 76,995.35
สถาบัน -1,013.95
บัญชีหลักทรัพย์ 247.71
ต่างประเทศ 4,556.01
ในประเทศ -3,789.76
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$6.8 อยู่ที่ US$ 1,343.2ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +4,556 ล้านบาท สะสม YTD +102,778 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 15 ส.ค. 2559
15/8/59 : สภาพัฒน์ฯ ประกาศ GDP – 2Q/59 (คาดเพิ่มขึ้น 3.2%yoy อัตราเดียวกับที่ขยายตัวเมื่อ 1Q/59)
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท (7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% (8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
(9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.06 อยู่ที่ 1.51% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.13 อยู่ที่ 11.55
หุ้นแนะนำ : SCC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788