- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 August 2016 16:56
- Hits: 1460
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
การเมืองนอกสภา หรือผู้ก่อการร้ายต่างชาติ
คาดหุ้นไทยร่วงวันนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดีจากสหรัฐและจีน และข่าวเลวร้ายเหตุระเบิดใน 3 จังหวัดท่องเที่ยวแนวหน้าของไทยในภาคใต้ ตลาดโดยรวมน่าจะปรับตัวลงอยู่แล้วก่อนเหตุระเบิดเพราะตลาดหุ้นไทยบวกไปแล้ว 21% ตั้งแต่ต้นปี กลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีโอกาสลงแรง เหตุการณ์ดังกล่าวชัดเจนว่ามุ่งทำลายการท่องเที่ยวไทยและในสุดท้ายก็คือเศรษฐกิจไทยโดยรวม แต่ตลาดจะลงมากน้อยและนานเพียงไรขึ้นกับรัฐบาลจะสามารถนำตัว ผู้วางระเบิดมาจัดการได้เร็วแค่ไหนระหว่างนี้แนะนำนักลงทุนออกจากหุ้นท่องเที่ยว และเข้าหุ้นที่มีเงินปันผลสูงและ Beta ต่ำ สภาพัฒน์ฯมีกำหนดการจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 วันนี้ คาดจะออกมาดี
หุ้นเด่นวันนี้ : SCC (ราคาปิด 530.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 571.08 บาท; ราคาเป้าหมาย IAA 596.00 บาท)
เราเลือกบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งโดดเด่น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังน่าสนใจที่จะดึงดูดความสนใจกระแสเงินทุนต่างชาติที่กำลังเข้ามาหาผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจไม่เพิ่มมาตรการการเข้าซื้อพันธบัตร เรามองว่า SCC ไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของตลาดในประเทศเท่านั้นแต่ยังรวมถึงตลาดในภูมิภาคเช่นกัน โดยเรายังคงเห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงสะท้อนมาจากส่วนต่างราคา (Spread) HDPE-Naphtha ที่สามารถยืนเหนือระดับ 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้อย่างยาวนานและมั่นคง โดยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้ถูกสะท้อนในผลประกอบการงวด 1H59 ที่มีการประกาศออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสามารถชดเชยกับผลกาดำเนินงานที่ซบเซาของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามสถานการณ์ภัยแล้งในประเทศเริ่มคลี่คลายลงอย่างเป็นลำดับ ประกอบกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุมัติและดำเนินการอย่างมีความก้าวหน้าจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศนับจากนี้ไป โดยเฉพาะในปีหน้า จากประมาณการกำไรของ IAA consensus คาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปีนี้และปีหน้าจะเติบโตต่อเนื่องอีก 10% YoY และ 5% YoY มาอยู่ที่ 41.43 บ. และ 43.36 บ. ตามลำดับ จากระดับสูงสุดเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ โดยให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอีกราว 3.5% ในส่วนของ Price Pattern ของ SCC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, และ Monthly Buy Signal และเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCC ได้บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 548 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 586 บาท ตามลำดับ โดย SCC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 502 บาท (แนวต้าน: 532.00, 534.00, 540.00; แนวรับ: 528.00, 526.00, 520.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
กฎหมายใหม่สหรัฐฯ อาจสร้างแรงกดดันต่อภาคการส่งออกไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยถึงความกังวลว่าภาคการส่งออกไทยอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคในการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ใหม่ที่ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเห็นชอบให้มีการห้ามนำเข้าสินค้าที่ผลิตโดยผู้ที่มีความผิดหรือมีการจ้างแรงงานที่ไม่ถูกต้อง (Bangkok Post) ความเห็น: ถือเป็นประเด็นลบต่อภาคการส่งออกไทยเนื่องจากสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยใหญ่เป็น 3 อันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังจะเห็นแนวทางการแก้ปัญหาในที่ประชุมร่วมระหว่างผู้ส่งออกไทยและการทรวงพาณิชย์รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากรัฐบาลเพื่อคิดกลยุทธ์และร่วมกันหาแนวทางเพื่อพัฒนาภาคการส่งออกไทย โดยมีกำหนดจัดประชุมในเดือนหน้า
ก.พาณิชย์เปิดเผยแผนและกลยุทธ์การเติบโต ภายใต้แผน "พาณิชย์ 4.0" โดยมุ่งการพัฒนาการค้าบริการ รวมถึงมีแผนจะผลักดันเกษตรกรไทยสู่เกษตรกร 4.0 พัฒนาความสามารถในการประกอบการด้านการค้าแก่เกษตรกรไทยในระยะยาว (Bangkok Post)
เปิดตัว TFF ต้นปี 60 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คาดว่าจะเปิด IPO ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ในต้นปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกรอบเวลาที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่บางโครงการต้องการเงินทุนพอดี โครงการทางด่วนพระราม 3 ดาวคะนองวงเงิน 2 หมื่น ลบ. น่าจะเป็นสินทรัพย์แรกที่ใช้เงินทุนจาก TFF (Bangkok Post)
TRUE (9 บาท) ปฏิเสธข่าวลือว่า TRUE เจรจากับ DTAC (37.50 บาท, ขาย, ราคาเป้าหมาย 31.00) ว่าจะเข้าซื้อหุ้นของ DTAC อย่างไรก็ดีหากเทเลนอร์ต้องการจะขายหุ้น DTAC ให้แก่ผู้ที่สนใจ TRUE ก็พร้อมจะพิจารณาเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท (The Nation) ความเห็น: ข่าวนี้ทำให้หุ้น DTAC พุ่งสามวันติด เราคาดว่าราคา DTAC อาจจะย่อลงในวันนี้
ต่างประเทศ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อวันศุกร์ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศล่าสุดเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของสหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.15% เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินอยู่ที่ระดับ 95.725 จุด หลังจากลดลงที่ 95.254 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในช่วง 1 สัปดาห์ อีกทั้งลดลง 0.77% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 101.19 เยน และลดลง 0.20% เทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ 1.1159 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ หลังการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งอ่อนแอกว่าที่คาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงต่ำสุดนับแต่วันที่ 1ส.ค. อยู่ที่ระดับ 1.48% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี แตะระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 5 ส.ค. อยู่ที่ระดับ 2.21% (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดทั้งบวกและลบเมื่อวันศุกร์ จากความกังวลเกี่ยวกับตลาดดูแพงเกินไปในช่วงนี้และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ขยับลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสและในวันศุกร์ ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ขยับขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ซึ่งประกาศการเติบโตของยอดขายรายไตรมาสมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี (Reuters)
ยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนก.ค. ทรงตัว MoM ผิดคาด บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 3 อาจชะลอตัวลง ยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้น 0.8% อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.3% YoY นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% (Reuters)
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. ลดลงเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนมี.ค. และลดลงมากที่สุดนับแต่เดือนก.ย. 58 ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนก.ค. PPI ลดลง 0.2% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับแต่เดือนธ.ค. 58 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาถึงเดือนมิ.ย. (Reuters)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐคงที่ในต้นเดือน ส.ค. ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยมิชิแกนสำหรับ ส.ค. ออกมา 90.4 เทียบกับคาดการณ์เฉลี่ย 91.5 และของเดือน ก.ค. ที่ 90.0 (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์มีการอ่อนตัวลงหลังจากปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยราคาหุ้นกลุ่มสินแร่ที่อ่อนตัวลงถูกชดเชยกับการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นที่รายงานผลประกอบการออกมาแข็งแกร่ง เช่น A.P. Moller-Maersk (Reuters)
เอเชีย :
เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวในไตรมาส 2/59: เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 2/59 ขยายตัวเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน แต่เป็นอัตราที่ช้าลงมากจากการส่งออกและงบลงทุนที่อ่อนแอ ผลเบื้องต้นของ GDP ออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาดการณ์ ที่ 0.7% ตามมาด้วยการปรับตัวเลขการเติบโตในไตรมาส 1/59 เป็น 2.0% ถ้าเทียบบนฐาน QoQ แล้ว GDP นับว่าทรงตัวด้วยการเจริญเติบโตที่ 0.2% ตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ (Reuters)
ข้อมูล CPI ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย: รัฐบาลญี่ปุ่นเก็บข้อมูลราคาผู้บริโภคหลังจากเปลี่ยนปีฐานสำหรับการคำนวณดัชนี ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลส่วนใหญ่อยู่ในแนวเดียวกันกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ นำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในดัชนีราคาผู้บริโภค หลักประจำปี สำหรับเดือน มิ.ย. ซึ่งแสดงผลออกมาลดลง 0.4% แทนที่จะลดลง 0.5% ดัชนีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน มีลักษณะคล้ายกับดัชนีหลักที่ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5% YTD ในปีนี้ถึงเดือน มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.4% (Reuters)
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงในเดือน ก.ค. จากการลงทุนที่โตน้อยกว่าคาดในช่วงศตวรรษนี้ การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของจีนลดลง 8.1% ในเดือน ม.ค. ถึงเดือน ก.ค. นับเป็นการเจริญเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2542 และลดลงจาก 9% ในช่วงเดือน ม.ค. ถึงเดือน มิ.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 8.8% (Reuters)
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เตรียมความพร้อมสำหรับ ตลาดเซินเจิ้น ฮ่องกง ซึ่งจะเปิดตัวโครงการในปีนี้ ผู้วางกฎได้กล่าวว่าเมื่อวันศุกร์ ตลาดเซินเจิ้น ฮ่องกง เป็นโปรแกรมการลงทุนข้ามพรมแดน หลังจากตลาดเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกงเปิดตัวในเดือน พ.ย. 2557 และเปิดโอกาสให้นักลงทุนจีนแผ่นดินใหญ่ซื้อหุ้นฮ่องกงได้ในทางกลับกัน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกราว 2% วันศุกร์ เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากสุดนับแต่ เม.ย. เพราะมีการปิดสถานะชอร์ตจากความเห็นของ รมว.น้ำมันของซาอุฯ ในช่วงวันก่อนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะช่วยพยุงตลาด Brent ล่วงหน้าปรับขึ้น 93 เซนต์ ปิดที่ 46.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลหลังแตะ 47.05 ดอลลาร์สหรัฐจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 1 ดอลลาร์สหรัฐปิดที่ 44.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะจุดสูงสุดนีบแต่ 22 ก.ค. ที่ 44.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองปรับลดลงเล็กน้อยเพราะค่าเงินดอลลาร์บวกน้อยลงวันศุกร์ เพราะนักลงทุนทำกำไรหลังทองพุ่งกว่า 1% ตามตัวเลขค้าปลีกสหรัฐที่ออกมาคงที่ในเดือน ก.ค. ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.3% ปิดที่ 1,334.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รายสัปดาห์บวก 0.04% (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094