- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 August 2016 18:57
- Hits: 4343
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งไม่หลุด 1530 ยังมีลุ้นไปต่อ'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TASCO (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้บวกขึ้นต่อ 5.95 จุดปิดที่ 1548.21 และการซื้อขายยังคงสูงประมาณ 7 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q59 และปันผลระหว่างกาลมากขึ้น พร้อมกันนั้นมองว่าความเสี่ยงด้านการเมืองไทยลดลง และ Fund flow ยังจะช่วยหนุนตลาดหุ้นต่ออีกระยะหนึ่ง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5.4 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือขายสุทธิ
สำหรับ วันนี้ เห็นว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับผลประกอบการ 2Q59 และการประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลของบจ.ที่ออกมา ซึ่งหลายบริษัทมีกำไรออกมาดีกว่าคาดเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ซบเซาต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบจ.ขยายการลงทุนและตลาดไปในต่างประเทศมากขึ้น มีการปรับปรุงประสิทธิภาพทำให้ต้นทุนดำเนินงานลดลง ขณะเดียวกันภาคค้าปลีกยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง และกลุ่มพลังงานมีกำไรจากสต็อกช่วยหนุน อย่างไรก็ดี เราต้องระมัดระวังเรื่อง Sell on fact ด้วยถ้าราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาก่อนประกาศงบฯ & ปันผลอย่างมากแล้ว กลยุทธ์การลงทุน : ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับและยังเหลือ Upside พอควร, มีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น GFPT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก โดยดัชนีปิดเหนือเส้น SMA10 ได้ แต่ยังควรระวังแกว่งจากภาวะ Overbought + Divergence การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1550-1560, 1570 จุด แนวตัดขาดทุน/ลดพอร์ตตามคือ 1530 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นเทคนิคดีพบว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TPOLY, PACE, KAMART ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ CENTEL, JMART, XO, LH, SEAFCO หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit ได้แก่ TMT, VIBHA
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
จีน : ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 1.7%YoY แต่เพิ่ม 0.2%MoM
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงานลดลง 1.7%YoY ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตามดัชนี PPI เดือนก.ค.ปรับตัวลงน้อยกว่าเดือนมิ.ย.ที่ร่วงลงถึง 2.6%YoY และขยับขึ้น 0.2%MoM เพราะราคาสินค้าอุตสาหกรรมพวกเหล็กชนิดต่างๆ เพิ่มขึ้น
EU : ยอมเว้นค่าปรับให้สเปนและโปรตุเกสหลังขาดดุลงบประมาณเกินเกณฑ์ไปมาก
สหภาพยุโรป (EU) ได้ให้ความเห็นชอบเรื่องการยกเว้นการจัดเก็บค่าปรับประเทศสเปนและโปรตุเกส แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะขาดดุลงบประมาณเป็นจำนวนมหาศาล โดยยอดขาดดุลของสเปนอยู่ที่ 5.1% ของจีดีพี ส่วนยอดขาดดุลของโปรตุเกส อยู่ที่ 4.4% ซึ่งภายใต้กฎเกณฑ์ของ EU นั้นประเทศสมาชิกจะต้องไม่ขาดดุลสูงกว่า 3% ของจีดีพี แต่ EU กำหนดเส้นตายใหม่ให้กับทั้ง 2 ประเทศโดยสเปนจะมีเวลาจนถึงปี 2561 ที่จะลดยอดขาดดุลลงมาให้ต่ำกว่า 3% ส่วนโปรตุเกสจะมีเวลาจนถึงสิ้นปี 2560 เพื่อที่จะลดยอดขาดดุลลงมาให้อยู่ที่ 2.5%
-/ อังกฤษ : เศรษฐกิจหดตัวชัดเจนหลังมี Brexit
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) ได้เผยแพร่แถลงการณ์ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงสู่ระดับ 0.3% ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนจนถึงเดือนก.ค.59 จากไตรมาส 2 ที่ 0.6% โดยมีการหดตัวแรงในเดือนก.ค.หลังผลประชามติ Brexit ทาง NIESR คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 59 และขยายตัว 1% ในปี 60 อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมค้าปลีกอังกฤษ (BRC) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.2%YoY สวนทางกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่ากิจกรรมของผู้บริโภคจะชะลอตัว ภายหลังอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
- สหรัฐ : ผลิตภาพแรงงานนอกภาคการเกษตรลดลง 0.5% ใน 2Q59 แต่ต้นทุนแรงงานเพิ่ม 1.2%YoY
กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผย ศักยภาพด้านการผลิตนอกภาคการเกษตร (วัดชั่วโมงการทำงานต่อแรงงาน) ว่าลดลง 0.5%YoY ในช่วงเม.ย.-มิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งแย่กว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าจะหดตัว 0.4%YoY ด้านต้นทุนแรงงานต่อหน่วยปรับขึ้น 1.2%YoY ใน 2Q59 จากที่เพิ่ม 0.7%YoY ใน 1Q59
สหรัฐ : สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.3%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.ได้รับการทบทวนให้ขยายตัว 0.3% และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค.ทบทวนให้ขยายตัว 0.2% จากการประเมินก่อนหน้านี้ที่ขยายตัว 0.1%
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดทรงตัว
ดัชนี DJIA ปิด +3.76 จุด ดัชนี NASDAQ ปิด +12.34 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิด +0.85 จุด โดยนักลงทุนมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐแต่ก็กังวลกับ Valuation ของตลาดที่เพิ่มขึ้นหลังดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนก็กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ปัจจัยจับตา คือ การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 42.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 44.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐในปี 60 ขึ้นสู่ระดับ 8.31 ล้านบาร์เรล/วัน จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.ที่ระดับ 8.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดย EIA ประมาณการว่าการใช้น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มสูงกว่าปริมาณการผลิตอยู่ประมาณ 170,000 บาร์เรล/วันในปี 60 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดือนก.ค.ที่ 10,000 บาร์เรล/วัน สำหรับการประชุมไม่เป็นทางการของโอเปกในวันที่ 26-28ก.ย.59 ตลาดยังไม่ได้คาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตของกลุ่มนัก
+ ราคาทองคำ : กลับมาบวก 0.4%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 1,346.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กลุ่มที่พักอาศัย : สินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 59 เติบโตในอัตราชะลอตัวลง
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูลย์ ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปี 2559 ยังเติบโตแต่โตในอัตราชะลอตัวอยู่ที่ 5-7% จากปี 2558 ที่เติบโต 9% โดยปัจจุบันมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างราว 3.1 ล้านล้านบาท ส่วนแนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยใน 2H59 จะยังมีกระตุ้นการเติบโตจากมาตรการบ้านประชารัฐ มาตรการบ้านผู้สูงอายุ มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี เป็นต้น รวมถึงผู้ประกอบการแข่งจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคและระบายสต๊อก รวมทั้งความชัดเจนทางการเมืองหลังจากผ่านการลงประชามติ
ทางด้านนายอลงกต บุญมาสุข เลขาธิการสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อธุรกิจขนาดย่อม KBANK เปิดเผยว่าในช่วง 1H59 ภาพรวมสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยที่ขอกู้ไม่ผ่านขยับขึ้นเป็นประมาณ 50% ของจำนวนรายที่ยื่นขอกู้เข้ามาทั้งหมด ซึ่งมากขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน : ทาง DBSV เห็นว่ากลุ่มที่พักอาศัยจะมีการเติบโตค่อนข้างจำกัดในปี 59-60 เนื่องจากกำลังซื้ออ่อนลงและธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ อย่างไรก็ตาม มีหลายบริษัทที่ยังมี Backlog สูงและมียอดขายบ้านแนวราบที่ดี ทำให้กำไรสุทธิจะเติบโตได้ต่อในปี 60 เช่น AP (ราคาพื้นฐาน 9 บาท), ANAN (ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท), LH (ราคาพื้นฐาน 12.90 บาท), SPALI (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) และ Dark Horse เป็น PACE (Not Rated)
RATCH : สนใจร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู
RATCH ปรับแผนธุรกิจ โดยมีความสนใจประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูด้วย เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มดีที่สามารถทำให้บริษัทมีการเติบโตของรายได้และกำไร รวมทั้งประกาศลงทุนด้านพลังงานในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตการผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ สำหรับกำไร 6 เดือนแรกปี 59 ทำได้ 2.36 พันล้านบาททรงตัว YoY ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV มีมุมมองที่เป็นบวกกับบริษัท และให้ราคาพื้นฐาน 60 บาท โดยคาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ไว้ที่ 4.5% และปี 60 เท่ากับ 5.0%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]