- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 August 2016 16:33
- Hits: 738
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เปิดตัวบวกเด่นทดสอบด่าน 1,540 จุด ผลักดันด้วยหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร, SCC ได้รับปันผลฟรี 8.50 บาท รวมถึง AOT เพื่อตอบรับเชิงบวกต่อผลการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ทะลุ 1,540 จุด มาอยู่ที่ 1,542.26 จุด บวก 23.57 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 76,292 ล้านบาท
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 6,888 ล้านบาท แม้ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 สูงถึง 13,095 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 เพียง 603 ล้านบาทก็ตาม
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยมากถึง 6,888 ล้านบาท
- ความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนก.ค. ทำระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน เพราะมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหนาแน่น
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดบวกเด่น 2.92% มาอยู่ที่ US$43.02/barrel แต่ค่าการกลั่นหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ ปรับฐานลงแรง ปิดต่ำกว่า US$3/barrel
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก
หลัง SET INDEX สามารถทำระดับปิดสูงสุดใหม่ของปีนี้ได้ที่ 1,542.26 จุด พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่หนาแน่น รวมถึงสถาบันภายในประเทศที่กลับมาซื้ออีกเช่นกัน เพื่อตอบรับในเชิงบวกต่อผการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา
เรามีความเห็นเป็นบวกต่อผลการลงประชามติเช่นกัน เพราะเชื่อว่าเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศจะแข็งแกร่งในช่วง 18 เดือนข้างหน้าจนถึงวันเลือกตั้ง และระหว่างทางช่วงนี้ รัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ที่รอการพิจารณาจะหยิบขึ้นมาสรุปผลและเซ็นสัญญากับภาคเอกชน เพื่อเริ่มเดินหน้าการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ หากเป็นไปตามคาด ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และภาคเอกชนจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศที่กลับมาขยายตัวได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อการไต่ระดับของ SET INDEX จากนี้ไป แนวต้านสำคัญทางเทคนิครอบนี้อยู่ระหว่าง 1,550-1,570 จุด ดัชนี SET50 Index ขยับขึ้นมาแล้ว 20.84% YTD เทียบกับ SET100 Index ที่ 21.12% ทำให้เราเชื่อว่าหุ้นรอง หรือ แถวสอง ของกลุ่ม Domestic Play จะเริ่มฟื้นตัวในรอบนี้ เม็ดเงินของนักลงทุนภายในประเทศที่ขายสุทธิกว่า 9 หมื่นล้านบาท YTD จะกลับเข้าตลาดอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน "เก็งกำไรหุ้นรองในกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก" ประเมินกรอบแกว่งวันนี้ 1,535-1,555 จุด
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร KTB : ราคาปิด 18.00 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นรองในกลุ่มธนาคารที่ยัง Laggard มีโอกาสขยับขึ้นตามหุ้นหลักในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นเด่นวานนี้ จากแรงซื้อของกองทุนในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ
b) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้น KTB ปรับตัวขึ้นเพียง +7.8% เทียบกับหุ้นหลักในกลุ่ม ได้แก่ BBL +14.4%, SCB +36.8%, KBANK +32.9% และ SETBANK +23.5%
c) เห็นการสะสมต่อเนื่องของ NVDR โดย MTD สะสม KTB รวม 810 ล้านบาทสูงสุดเป็นอันดับ 4 และเชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นบวกโดยตรงต่อ KTB เนื่องจากจะทำให้การเบิกสินเชื่อจากภาครัฐฯเพื่อลงทุนโครงการขนาดใหญ่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง และ Valuation ถูกซื้อขายที่ PER2559 เพียง 7.8 เท่า เทียบกับกลุ่มธนาคารที่ 10.1 เท่า
2. เก็งกำไร TPIPL : ราคาปิด 2.28 บาท ราคาเหมาะสม 2.85 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากความมั่นใจทางเศรษฐกิจ หลังการลงประชามติในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีมติรับร่างรัฐธรรมนูญ
b) ราคาหุ้นยัง Underperform ตลาด โดย YTD เพิ่มขึ้นเพียง +8.5% เทียบกับ SET INDEX +19.7% และ SCC +12.6%
c) มี Catalyst รออยู่ คือการนำลูกเข้าจดทะเบียน IPO ในช่วงต้น 4Q59 จะช่วยปลดล็อก Asset Value และซื้อขาย PBV2559 เพียง 0.8 เท่า เทียบกับ SCC ที่ 2.6 เท่า และ SCCC ที่ 3.3 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$434 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$616 ล้าน
ซื้อตลาดหุ้นไต้หวันและไทยหนาแน่น
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเลือกสะสมหุ้นรายตัวอย่างหนาแน่น
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 6,888 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 8,881 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นใกล้แตะระดับ 9.0 หมื่นล้านบาท เป็น 89,436 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 13,095 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 13,603 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 8,879 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาทยอยปิดสถานะ Long และกลับมามีสถานะ Short อีกครั้ง เพราะ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 3.17 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.12 จุด และทำให้ให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 8,320 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เพียง 603 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 16,538 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 52,034 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 2 ในอัตราเร่ง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากถึง 4.05bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.16bps ปิดที่ 2.094%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 871 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 985 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 23 เป็นลักษณะ Basket orders แต่เน้นกลุ่มธนาคารเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 5,282 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 830 ล้านบาท รวม 23 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 60,000 ล้านบาท เป็น 61,406 ล้านบาท โดยเป็นลักษณะซื้อสุทธิกระจายไปยังกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย เพียงแต่เน้นสะสมกลุ่มธนาคารสูงสุด 1,460 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
Donal Trump เตรียมเสนอหยุดพักการใช้หลักเกณฑ์ทางการเงินใหม่: กล่าวในงานปราศรัยด้านเศรษฐกิจที่เมืองดีทรอย ซึ่งเป็นความเห็นที่ต่างกับนาง Hillary Clinton เพราะการใช้หลักเกณฑ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยนาย Trump จะมุ่งเน้นไปที่หลักเกณฑ์ทีผ่อนคลายกับธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงอาจเสนอแผนลดหย่อนภาษีอสังหาฯ จากปัจจุบันที่เก็บ 40% สำหรับอสังหาฯ ที่มีมูลค่าเกินกว่า US$5.45 ล้าน สำหรับรายบุคคล และ US$10.9 ล้าน สำหรับคู่สมรส ส่วนภาษีนิติบุคคลจะเสนอที่ 15% พร้อมให้การสนับสนุนการปกป้องสิทธิทางปัญหา
ยุโรป
ผลผลิตภาคอุตฯ เยอรมันฟื้นตัว: เพิ่มขึ้น 0.8% mom ในเดือนมิ.ย. จากที่หดตัว 0.9% mom ในเดือนพ.ค. และดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ที่ 0.7% mom ส่วนผลผลิตโรงงาน เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.5% mom ผลักดันด้วยผลผลิตเพื่อการลงทุนที่ขยายตัวถึง 3.5% mom
กรอบการประชุมโอเปกเดือนหน้าอาจยังไม่สามารถตกลงเรื่องเพดานการผลิต: สมาชิกในกลุ่มโอเปก เตรียมหารือในที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการเดือนก.ย. ถึงแนวทางการกำหนดเพดานการผลิตที่ได้หารือไปในเดือนเม.ย. หรือการจำกัดการเพิ่มกำลังการผลิตที่หารือในเดือนมิ.ย. แนวโน้มกลุ่มโอเปกจะยังไม่สามารถตกลงในเงื่อนไขดังกล่าวได้ เพราะกำลังการผลิตอิหร่านยังไม่ขยับขึ้นมาเท่ากับก่อนหน้าถูกแทรกแซงทางเศรษฐกิจ
จีน
ตัวเลขการส่งออกของจีนยังไม่ฟื้นตัว:
การส่งออกเดือนก.ค. ลดลง 4.4% yoy ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ -3.5% yoy แต่เพิ่มขึ้น 2.9% yoy ในรูปสกุลเงินหยวน ทั้งนี้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 2.0% yoy ส่วนอียู หดตัว 3.2% yoy
การนำเข้าเดือนก.ค. หดตัว 12.5% yoy ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ -7.0% yoy เท่านั้น แต่ลดลง 5.7% yoy ในรูปสกุลเงินหยวน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ดุลการค้า เกินดุล US$5.23 หมื่นล้าน ในเดือนก.ค.
เอเชียแปซิฟิก
ยอดส่งออกไต้หวันขยายตัวครั้งแรกในรอบ 18 เดือน: เพิ่มขึ้น 1.2% yoy สำหรับเดือน ก.ค. จากเดือนก่อนที่หดตัว 2.1% yoy และสวนทางกับที่ Bloomberg Consensus คาดลดลง 2.1% yoy ได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ รวมถึงเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นำโดยการส่งออกไปจีนที่กลับมาขยายตัว 2.4% รวมถึงการส่งออกไปญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ขยายตัว 10.2%, 34.5% และ 37.4% yoy ตามลำดับ ด้านการนำเข้าลดลง 0.2% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ระดับ US$3.61 พันล้าน
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530