- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 05 August 2016 16:33
- Hits: 7451
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"BOE ออกมาตรการกระตุ้นตามคาด"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในระหว่างวันและปิดทรงตัวที่ 1507.93 มูลค่าการซื้อขายอ่อนลงเป็นต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพราะนักลงทุน Wait & See ผลประชุม BOE ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ และผลทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 977 ล้านบาท (หลังขายสุทธิไปหลายวัน) ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
ผลการประชุม BOE ออกมาตามคาด โดยคณะกรรมการมีมติการลดดอกเบี้ยลง 0.25% (จากปัจจุบัน 0.50%) และกลับมาใช้ QE ที่ 6 หมื่นล้านปอนด์/เดือนเป็นเวลา 6 เดือนโดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน และนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า BOE จะลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 0% หรือติดลบในที่สุด ซึ่งส่วนนี้ตอกย้ำว่าภาวะดอกเบี้ยต่ำ/ติดลบในระบบจะเกิดขึ้นอีกนานพอควร ส่วนสหรัฐ เราคงประเมินว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วแม้ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.จะออกมาดีในวันศุกร์นี้ เพราะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง (มีผลกระทบจาก Brexit & ความเสี่ยงภาคธนาคารยุโรปเข้ามาด้วย) รวมทั้งการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐในยามนี้ ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นจึงมีความหวังจาก Fund flow ผนวกกับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q59 & เงินปันผลระหว่างกาล สำหรับเรื่องประชามติร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่าจะมีผลกระทบไม่มากถ้าสามารถมีเลือกตั้งได้ในปี 60 และแรงกระเพื่อมทางการเมืองไม่รุนแรง
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับและยังเหลือ Upside พอควร และถ้ามีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น BCP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ โดยยังปิดต่ำกว่า SMA10 และอยู่ในภาวะ Overbought + Divergence ทำให้ยังมีการแกว่งได้ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1510-1520, 1530 จุด แนวตัดขาดทุน/ลดพอร์ตตามคือ 1500 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นเทคนิคดีพบว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ ILINK, JMART, TACC, SMPC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ STEC, ASK, MCOT, ASIMAR, TIPCO, CENTEL หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit ได้แก่ AAV, MCS, GFPT, BJC, AP, SWC
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
อังกฤษ : BOE มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% และกลับมาทำ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
เมื่อวานนี้ (4 ส.ค.59) คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 0.50% เป็น 0.25% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 7 ปี และประกาศฟื้นโครงการ QE ในวงเงิน 6 หมื่นล้านปอนด์/เดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน (รวมทั้งหมด โดย BOE จะเข้าซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน (อังกฤษเคยทำโครงการ QE มูลค่า 3.75 แสนล้านปอนด์เมื่อปี 2552 และปิดโครงการไปในปี 2555)
/- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานชะลอตัวลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย และกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 1.5%MoM ในเดือนมิ.ย. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
สหรัฐ : วันนี้จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ค.59...ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 1.75 แสนตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.ค.59 ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐในปีนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 2.87 แสนตำแหน่งในเดือนมิ.ย.59
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดค่อนข้างทรงตัว
นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐซึ่งจะรายงานออกมาในคืนนี้ (เวลาไทย) ทำให้การซื้อขายไม่คึกคักแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีเพราะผลประชุม BOE ช่วยหนุน (BOE ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.25% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และใช้ QE 6 หมื่นล้านปอนด์ต่อเดือน) ปิดตลาดดัชนี DJIA ลดลง 2.95 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 6.51 จุด หรือ +0.13% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.46 จุด หรือ +0.02%
+ ราคาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 2
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 41.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 44.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาดที่ 3.3 ล้านบาร์เรล การผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลง 55,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 8.46 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ค.59...สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล โดยอุปทานเพิ่มขึ้นเพียงปานกลางขณะที่อุปสงค์ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบ 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรลไปจนถึงช่วงปลายปี 2560 แต่ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงปรับตัวลงในช่วง 2H59 แต่จะพุ่งแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2560
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้นอีกเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ระดับ 1,367.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ เศรษฐกิจไทย : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ค.59 ปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.59 อยู่ที่ 72.5 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 61.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 67.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่รายได้อยู่ที่ 88.7 โดยการปรับขึ้นของดัชนีมาจากปัญหาภัยแล้งคลี่คลาย ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ราคาน้ำมันต่ำ เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และรัฐบาลเร่งลงทุนใน 2H59 ส่วนปัจจัยที่ยังกังวล คือ การส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง ผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และราคาพืชผลการเกษตรที่แม้จะกระเตื้องขึ้นแต่ก็ยังต่ำ
+ BCP (ราคาปิด 36 บาท) : กำไรปี 59 เติบโตดี & นำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนใน SET ช่วง 4Q59
เป็นผู้ประกอบการด้านโรงกลั่น (กำลังผลิต 1.4 แสนบาร์เรล/วัน) ค้าปลีกน้ำมัน และโรงไฟฟ้าโซลาร์ & ไบโอออยล์ สำหรับค่าการกลั่นในปี 2559-2560 มีแนวโน้มลดลงเพราะกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามา โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลและ Jet แต่ได้รับการชดเชยจากกำไรส่วนน้ำมันค้าปลีกที่ดีขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดกำไรจากสต็อกโรงกลั่น (ในภาพรวมทั้งปี 2559) บริษัทได้ เข้าซื้อกิจการ SunEdison โรงไฟฟ้าโซลาร์ที่ญี่ปุ่น กำลังการผลิต 198 MW ดำเนินการแล้ว 13 MW เมื่อรวมกับโซลาร์ในประเทศ 118 MW จะเป็น 131 MW และคาดว่าจะขยายเพิ่มสู่ 500 MW ในปี 2563 (แต่ในประมาณการกำไรปี 2559-2561 ใช้กำลังการผลิต 131 MW ไว้ก่อน) ทาง DBSV คาดการณ์ว่าธุรกิจไฟฟ้าทำกำไรที่เป็น EBITDA ราว 3 พันล้านบาท/ปี คิดเป็น 22% ของ EBITDA รวมของบริษัท และจะนำบริษัทย่อย BCPG ที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้าจดทะเบียนใน SET (IPO 600 ล้านหุ้น เสนอขายก.ย.-ต.ค.59 โดยผู้ถือหุ้น BCP มีสิทธิจองซื้อในสัดส่วน 20 หุ้น BCP : 1 หุ้น IPO ขึ้น XB 16 ส.ค.59 เราแนะนำซื้อ BCP โดยให้ราคาพื้นฐาน 39 บาท โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 52% และประมาณการอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 5.5%
TMB (ราคาปิด 2.24 บาท) : แบงค์ปรับลดเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อ...แต่อยู่ในประมาณการ DBSV แล้ว
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร TMB เปิดเผยว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ภาคเอกชนยังไม่มีการลงทุนอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง ทำให้ธนาคารตัดสินใจปรับลดเป้าหมายสินเชื่อรวมในปีนี้ลงจากเดิมโต 8-10% เหลือ 6-8% หลังจากครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตเพียง 2%YTD
สำหรับ 2Q59 ธนาคารรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 2.2 พันล้านบาท (-5%YoY, +3%QoQ) โดยการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงได้รับการชดเชยจาก NIM ที่เพิ่มขึ้น (จากการบริหารต้นทุนการเงินได้ดี) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำลงเพราะมีการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ธนาคารมีกำไรก่อนสำรองฯในเกณฑ์ดีที่ 4.5 พันล้านบาท (+8%YoY และ +1%QoQ) สินเชื่อที่เป็น Performing loans สิ้นมิ.ย. +1.2%QoQ และ +2.0%YTD คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โดย NPL สิ้น 2Q59 ลดลง 7.8%QoQ และ 3.5%YTD และ NPL ratio ลดลงเป็น 2.87% จาก 3.11% ในสิ้น 1Q59 ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงต่อใน 2Q59 ที่ 1.36% ของสินเชื่อรวม ทำให้ Coverage ratio เพิ่มเป็น 143% (เพิ่มจาก 140% ในสิ้นมี.ค.59) ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง โดยมี CAR 18% (Tier 1 ratio และ CET 1 เท่ากับ 12.5% สำหรับทั้งปี 59 ทาง DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ TMB จะเติบโตเพียง 3% แล้วค่อยขยายตัวแกร่งขึ้นในปี 60 ที่ 18% ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 2.80 บาท มี Upside 25%
ITD (ราคาปิด 6.45 บาท) : คว้างานโรงไฟฟ้ากระบี่...แต่ยังไม่ชัดว่าโรงไฟฟ้าจะได้ก่อสร้างหรือไม่
ทางกฟผ.เปิดเผยว่ากลุ่ม ITD เสนอราคาสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ (ขนาด 800 MW) ต่ำสุดที่ 3.2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องเข้ากระบวนการเจรจารายละเอียดกับผู้เสนอราคาเปรียบเทียบต่ำสุดก่อน ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และต้องรอรายงาน EHIA ผ่าน & ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการจากรัฐบาลก่อนจึงทำโครงการได้ (ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี) ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกพอควร เพราะโรงไฟฟ้ากระบี่เป็นแห่งหนึ่งที่ถูกต่อต้านจากชุมชนและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมากในด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทั้งในส่วนที่ตั้งโรงไฟฟ้าและเส้นทางการขนส่งถ่านหินมายังโรงไฟฟ้า ซึ่งทางกฟผ.กล่าวว่าถ้ารายงาน EHIA ไม่ผ่านการพิจารณา และครม.ไม่อนุมัติโครงการ กฟผ.จะยกเลิกการประกวดราคาครั้งนี้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]