- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 August 2016 18:24
- Hits: 1914
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
เลือกสะสมหุ้น Earnings play ไว้เล่นสัปดาห์หน้า
เมื่อวาน คาดว่าดัชนีฯ จะเริ่มยืนก่อนจะรีบาวด์ พฤหัส-ศุกร์ แต่ปรากฎว่ารีบาวด์ไปก่อนเร็วกว่าคาด ทำให้โมเมนตั้มวันนี้ คาดบวกต่อ (แต่ลดช่วงบวกลง) คาดกรอบวันนี้ 1,500-1,512 +/- 3 จุด
สัปดาห์นี้ : คงแนะลดพอร์ตหุ้นที่ขึ้นแรง โดยเราคาด พุธบ่ายลุ้นยืน แล้วพฤหัส-ศุกร์ เด้ง (ไม่ไกล) ส่วนวันจันทร์หน้า ไม่ว่าผลลงประชามติออกมาอย่างไร เราแนะ Buy on dip สวนชาวบ้าน
แนวโน้มรายเดือน : คาดครึ่งแรกของเดือน สค.จะซิ๊กแซกขึ้น แนวต้าน 1,550 จุด ก่อนจะปรับฐานตามมา 3-5% เมื่อไม่ผ่านแนวต้าน ปัจจัยลบ คือ ดัชนีฯหุ้นไทยเข้าโซน PE +2SD (กำไรวิ่งตามราคาหุ้นไม่ทัน) ขณะที่ความไม่แน่นอนจากผลลงประชามติร่าง รธน. และ การรอดูท่าที FED ในงาน Economic symposium ที่ Jackson Hole 25-27 สค.นี้ รวมถึงรอดู BOJ ทำ “Comprehensive verification” ชะลอเพิ่ม QE เพื่อรอประเมินผล QE ที่ออกไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ฝรั่งชะลอแรงซื้อ บวกกับเข้าสู่ฤดูพักร้อนของกองทุนต่างประเทศ ส่วน MSCI รอบนี้ (กลางเดือน สค.) จับตาหุ้นมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าคำนวณ เช่น BJC TASCO พิจารณาจากปริมาณการซื้อขาย และมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำวันนี้ : MACO ดีล M&A ซื้อกิจการสื่อโฆษณา MTS.70% จบ กย.นี้ คาดหนุนกำไรโตมากกว่า Dilution effect จากการออก หุ้น PP 334 ล้านหุ้น เพื่อซื้อกิจการ กลยุทธ์ แนะซื้อสวนตลาด-กำไร 1H16 สะท้อน PE เพียง 25 เท่า ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่ม PE 35+ เท่า, TFG เล่น
ประเด็น Earnings play แนวรับ 3.22 บ.
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) IRPC รายงานกำไร 2Q16 ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%QoQ (แต่ลดลง 13%YoY) กำไรมากกว่าคาด 6% และมากกว่าตลาดคาด 60% หากตัดรายการพิเศษและอื่นๆออก กำไรหลักอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ลดลง 15%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 29%YoY แนวโน้ม 3Q16 เราคาดผลประกอบการหลักจะยังคงแข็งแกร่ง เพราะมาร์จิ้นที่ยังคงดี เพราะค่าการกลั่นดีเซลที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่โครงการ UHV ที่เริ่มเดินเครื่องแล้วจะเป็นปัจจัยหนุนให้มาร์จิ้นดีอย่างต่อเนื่อง เราคงประมาณการกำไร คาดกำไรหลักของบริษัทจะแข็งแกร่งราวไตรมาสละ 2 พันล้านบาท และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
(0) TVO คาดกำไร 2Q16 ที่ 705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY และ 51% QoQ และคาดกำไรหลักที่ 712 ล้านบาท, เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 60% QoQ กำไรที่เติบโตสูงเป็นเพราะราคาถั่วเหลืองที่ปรับตัวขึ้นส่งผลให้ยอดขายและมาร์จิ้นปรับตัวสูงขึ้น และจากกำไร 1H16 ที่ดีกว่าคาดการณ์เดิม จากมาร์จิ้นที่ดีกว่าคาด เราปรับกำไรปี 2016-17 ขึ้น 10% เป็น 2.11 และ 2.25 พันล้านบาท ตามลำดับ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 38 บาท (เดิม 32.5) คงคำแนะนำ ซื้อ
(0) VGI รายงานกำไรไตรมาส 1/59 (เม.ย. – มิ.ย.) ที่ 313 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% YoY และ 26% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักในไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 6% QoQ ซึ่งกำไรที่ออกมาเป็นไปตามที่เราประมาณการ เรามองว่ากำไรของ VGI จะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยคาดจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 2/59 (ก.ค. – ก.ย.) จากการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาทั้งบนระบบขนส่งมวลชนและตึกอาคารสำนักงาน รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจาก MACO อย่างไรก็ตามราคาหุ้นคาดสะท้อนข่าวดีไปแล้วและเทรดอยู่ที่ระดับ PEG 1.8 เท่า ซึ่งสูงกว่า คู่แข่งสื่อนอกบ้านรายอื่นที่ 1.6 เท่า เราแนะนำ wait-and-see เพื่อรอพัฒนาการและการขยายการเติบโตอื่นๆในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ ถือ (กลยุทธ์แนะ switching เข้าซื้อ MACO ที่ รายงานกำไร 2Q16 แข็งแกร่งและประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.018 บาท/หุ้น XD 16/8 และ เทรดบน trailing P/E เพียง 25 เท่า ถูกกว่าค่ากลุ่มที่เทรด P/E ราว 40-50 เท่า)
(+) SAT เราคาดกำไรในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 120 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 84% YoY เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้น จากไตรมาส 2/58 ที่มีลูกค้าบางรายปรับรุ่นใหม่ ทำให้ยอดสั่งซื้อชะลอตัว เรามองว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/59 จะปรับตัวลดลง YoY จาก 1) คำสั่งซื้อที่ล่าช้าจากลูกค้าใหญ่รายหนึ่ง ย้ายฐานการผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะไปที่จังหวัดปราจีนบุรี และ 2) บูกค้าบางรายชะลอคำสั่งซื้อจากภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตามคาดไตรมาส 4/59 ยอดคำสั่งซื้อจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากคำสั่งซื้อของ Kubota ทีจะเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรขึ้นจาก การบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการผลิตของค่ายรถยนตร์ที่ฟื้นตัวในครึ่งปีหลังตามภาพเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
(+) EGCO (earnings prelim.) เบื้องต้นคาดกำไร 2Q16 จะเติบโต QoQ (จากโรงไฟฟ้า ขนอม4 ที่ COD ไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา) แต่ลดลง YoY (เพราะฐานสูงเมื่อปีที่แล้ว) อย่างไรก็ดีเรายังคงมั่นใจว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรของบริษัทในปีนี้ เราคงคำแนะนำ ซื้อ และคาดมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการเจรจาขายหุ้น 50% ในโครงการ GIDEC (ในปีนี้) คาดมีกำไรพิเศษ และมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มเงินปันผลทั้งงวดระหว่างกาล และทั้งปี
(0) TCAP จากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารมองว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่เคยตั้งเป้าไว้ 0-2% น่าจะไม่เป็นไปตามเป้าโดยคาดทั้งปีอาจชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากการชะลอตัวของยอดขายรถยนตร์และการจ่ายคืนเงินกู้ก้อนใหญ่จากสินเชื่อบริษัท โดยยอดการเติบโตของสินเชื่อ 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 3.7% YTD ผู้บริหารมอง NIM ทั้งปีอยู่ที่ 2.7% ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วและประมาณการของเรา อย่างไรก็ตามกำไรของบริษัทมีโอกาสที่จะดีกว่าคาดจากโอกาสของ LLP ที่ต่ำกว่าประมาณการของเรา เนื่องจาก loan-loss-coverage ที่สูงและการบริหาร NPL ที่ดี เราคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5% และ 5.3% สำหรับปี 2559 และ 2560 เรายังคงคำแนะนำ ถือ ซึ่งแม้การเติบโตของสินเชื่อจะชะลอแต่ยังให้อัตราเงินปันผลที่สูงและราคายังถูกที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดย เทรด PBV ปี 2559 ที่ 0.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.2 เท่า
หุ้นมีประเด็น
(-) THCOM พล อ.อ.ประจิน เผยรัฐบาลมีแนวคิดให้ THCOM เพิ่มช่องสัญญาณภาครัฐใช้งานสาธารณะ ทดแทนค่าสัมปทานที่หายไป 20.50% ชี้จ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 5.75% ทำให้รัฐมีรายได้น้อยลง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนที่ ICT เจรจาข้อสรุปภายใน 90 วัน นับจาก 27 พค.ที่ผ่านมา / คาดการรอความชัดเจนเรื่อง ค่าใบอนุญาติ ดาวเทียมดวงใหม่ จะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไป โดยข่าวที่จะให้รัฐบาลใช้ช่องดาวเทียมดวง 7-8 นั้นเรามองว่าเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นแน่นอน แต่ก็ยังดีกว่ากลับไปจ่ายเป็ฯค่าสัมปทาน (ที่มา มติชน / BLS Research)
(+) Earnings play: เราแนะนำ เก็งหุ้นที่จะประกาศงบอาทิตย์หน้า คาดกำำไรจะพุ่งขึ้นแรงหรือพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ได้แก่ SUPER IFEC TPCH SMT MILL MONO TWZ WHA GUNKUL / ส่วนหุ้นที่กำไร 2Q16 ลง แต่เป็นไตรมาสที่ Bottom out โดยกำไรจะดีขึนในครึ่งปีหลัง ได้แก่ TASCO BA (เชื่อว่าราคาหุ้นลงมารับข่าวนี้ไปมากแล้ว) (ที่มา BLS research)
(+) MACO ประกาศปันผลระหว่างกาล 0.018 บาท/หุ้น XD 16 สค. และ แจ้งขาย PP เพิ่มทุน 1.28 บาท 334 ล้านหุ้นให้กลุ่ม Ashmore เพื่อรองรับการซื้อธุรกิจสื่อโฆษณา (ที่มา ตลท.)
(-) ค่าใช้จ่ายพิเศษจากภาษี BOI ย้อนหลัง กดดันกำไรหุ้นไม่ดีอย่างคาด: BR BA กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนฯ นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ (ที่มา BLS research)
(+) TPCH วันศุกร์ 5 สค. กกพ.คาดว่าจะสามารถ เปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค โรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้ 36 MW (ที่มา กกพ. อินโฟเควส)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(-) คาดปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน จะมาจาก ความไม่แน่นอนจากผลลงประชามติฯ โดยเรามองว่าแม้จะมีข่าวดี กรณีรับร่างฯ ตามโพลคนรับร่างฯล่าสุด ยังคงทิ้งห่างคนไม่รับฯ แต่เราเชื่อว่า Upside ดัชนีจะเริ่มจำกัดเมื่อเข้าใกล้บริเวณ 1,550 จุด ซึ่งเทียบเป็น PE +2SD และ ดัชนีฯไม่เคยผ่านจุดนี้ไปได้ไกล โดยเราคงคาดว่าหุ้น Low beta/หุ้น Cheap value จะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดจากนี้ไป เพราะกองทุนในและต่างประเทศมีโอกาสจะหมุนเงินมาพักในกลุ่มดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับฐานของดัชนีฯ โดยมองการปรับฐานรอบนี้ไม่หลุด 1,500/1,470 จุด (คิดเป็น 3-5% จากระดับ 1,550 จุด) และ ลงมาจะเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นรอบใหม่ (ที่มา BLS Research)
(0) เมื่อวาน พุธ ประชุม กนง. คงดอกเบี้ย 1.50% ตามคาด, US ISM ภาคบริการ 55.5 ต่ำกว่าคาดที่ 56 จาก 56.5, (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US initial jobless claim, ประชุม ธนาคารกลางอังกฤษ คาด ลดดอกเบี้ย ลงเหลือ 0.25% จาก 0.50% และคงวงเงิน QE ที่ 3.75 แสนล้านปอนด์(ที่มา Bloomberg)
(-) ศุกร์ US Nonfarm payrolls (กค.) คาด 1.8 แสนราย ลดลงจาก 2.87 แสนราย, US unemployment คาด 4.8% จาก 4.9%, มาเลเซีย ส่งออกเดือน มิย.คาด -3% จาก -0.9% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค