- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 August 2016 18:36
- Hits: 2044
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาดลงต่อเป็นวันที่ 3
วันนี้คาดดัชนีฯ ปรับฐานต่อเป็นวันที่ 3 แนวรับ 1,484 จุด แนวต้าน 1,506 จุด (เมื่อวานหลุด stop loss สั้นดัชนี 1,510 จุด) ยังคงแนะกระชับพอร์ตถือเงินสด ไปรอซื้อคืน
ระยะสัปดาห์ เมื่อวันอังคาร ดัชนีฯหลุด Stop loss 1,510 จุด กลยุทธ์ คงแนะลดพอร์ตหุ้นที่ขึ้นแรง คาดว่าตลาดจะซึมลงต่อในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยคาด พุธบ่ายลุ้นปิดเสมอตัว พฤหัส-ศุกร์ เด้งไม่ไกล และ มีโอกาสสูงที่สัปดาห์นี้จะปิดแถว 1,480/1,470 จุด และในวันจันทร์หน้า ไม่ว่าผลลงประชามติออกมาอย่างไร เราแนะ Buy on dip สวนชาวบ้าน
แนวโน้มรายเดือน คาดครึ่งแรกของเดือน สค.จะซิ๊กแซกขึ้น แนวต้าน 1,550 จุด ก่อนจะปรับฐานตามมา 3-5% เมื่อไม่ผ่านแนวต้าน ปัจจัยลบ คือ ดัชนีฯหุ้นไทยเข้าโซน PE +2SD (กำไรวิ่งตามราคาหุ้นไม่ทัน) ขณะที่ความไม่แน่นอนจากผลลงประชามติร่าง รธน. และ การรอดูท่าที FED ในงาน Economic symposium ที่ Jackson Hole 25-27 สค.นี้ รวมถึงรอดู BOJ ทำ “Comprehensive verification” ชะลอเพิ่ม QE เพื่อรอประเมินผล QE ที่ออกไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ฝรั่งชะลอแรงซื้อ บวกกับเข้าสู่ฤดูพักร้อนของกองทุนต่างประเทศ ส่วน MSCI รอบนี้ (กลางเดือน สค.) จับตาหุ้นมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าคำนวณ เช่น BJC TASCO พิจารณาจากปริมาณการซื้อขาย และมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำวันนี้ สะสม TASCO (1) ราคาหุ้นลงสะท้อน Earning downward ไปหมดแล้ว คงคาด 2Q16 เป็นไตรมาสที่ Bottom out ก่อนจะโตแรงตั้งแต่ 3Q16 เป็นต้นไป (2) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลงรอบนี้ (3) เป็นหุ้นที่ฝรั่งลดพอร์ตไปมากก่อนหน้า ซึ่ง MS เพิ่งออกรายงาน แนะเลือกซื้อหุ้นที่ ฝรั่ง Under own positions
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) AAV คาดกำไร 2Q16 ที่ 408 ล้านบาท, เพิ่มขึ้น 98% YoY แต่ลดลง 60% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล โดยคาดกำไรหลักที่ 407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% YoY แต่ลดลง 60% QoQ กำไรที่คาดโตสูง YoY มาจาก 1) จำนวนผุ้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 2) น้ำมันลง 3) ผลประโยชน์ทางภาษี และคาดกำไรจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 3Q16 จาก จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้โดยสารรายงานจาก AOT ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 14%YoY ซึ่งเรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังคงหนุนราคาหุ้นต่อไป เราคงคำแนะนำ ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 8 บาท โดย roll over ไปอิงปี 2017 ที่ ปัจจุบันหุ้นเทรดบน P/E 13.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 27 เท่า
(+) BLS ออกรายงานกลยุทธ์ คาดการหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรอบนี้ คาดว่า 60% ของ บจ.ที่เรา Cover จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (ที่เหลือจะจ่ายเต็มปี) โดยมองว่า 3 ใน 4 ของ 60% จะจ่ายเงินปันผลได้เพิ่มขึ้น y-y โดยหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลให้ผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ KKP กลุ่มโรงไฟฟ้า และ Utilities กลุ่มบ้าน เช่น PS / เรามองว่าการประกาศ และ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจะของ บจ.ไทย จะเป็นตัวช่วย จำกัดความเสี่ยงขาลงของดัชนีฯ
(0) BR เราคาดจะพลิกกลับมาเป็นขาดทุน 30 ล้านบาทในไตรมาส 2/59 เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายทางภาษีก้อนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งมีคำตัดสินเอื้อกรมสรรพากรสำหรับกรณีการคำนวณภาษีบีโอไอ (100 ล้านบาท) ที่จะมีการบันทึกเข้ามาในไตรมาส 2/59 อีกทั้งยังมีรายการ Inventory write-off อีกราว 15 ล้านบาท ในแง่กำไรหลักเราประเมินที่ 85 ล้านบาท ลดลง 32% YoY และ 5% QoQ เราเชื่อว่าไตรมาส 2/59 นี้คงเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของปี แต่อย่างไรก็ดีคงจะไม่มีรายการพิเศษที่จะมาสร้างความกังวลในอนาคตอีก ราคาหุ้นตอนนี้คาดสะท้อนผลประกอบการที่แย่ไปแล้ว และยังเทรดอยู่ในแนวรับ worst-case ที่เรามองคือราว 5.80 บาท ผนวกกับมุมมองของการฟื้นตัวในระยะยาวจากการรุกตลาดใหม่และเพิ่มสัดส่วนธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
(0) กลุ่มสื่อฯ เราคาดบริษัทที่จะมีกำไรเติบโตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 2/59 คือ MONO และ MAJOR โดย MONO จะพลิกกลับมาเป็นกำไรไตรมาสแรกหลังจากขาดทุนมาเกือบ 2 ปี MAJOR มีแรงหนุนจากภาพยนตร์ต่างชาติและภาพยนตร์ไทยที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ หลวงพี่แจ๊ส 4G ในขณะที่ WORK กำไรคาดเติบโตโดดเด่น QoQ แต่ลดลง YoY เนื่องจากปีที่แล้วมีละครเวทีโหมโรง เราประเมินว่า RS จะพลิกกลับมาขาดทุนในไตรมาส 2/59 ในขณะที่ GRAMMY ยังคงขาดทุนแต่น้อยลงทั้ง YoY และ QoQ สำหรับมุมมองในไตรมาส 3/59 เม็ดเงินโฆษณาน่าจะมีการฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทต่างๆจะใช้โฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี เราคาดบริษัทที่จะเติบโตโดดเด่นที่สุดคือ WORK และ MONO
(0) THREL รายงานกำไร 2Q16 ที่ 106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ลดลง 5% QoQ เป็นไปตามคาด กำไรที่ดีขึ้น YoY มาจากค่าเบี้ยที่เติบโตขึ้น 10%YoY และสัดส่วน commission ratio เพิ่มขึ้นเป็น 37.6% (จาก 28.6% ใน 2Q15) เราคาดแนวโน้ม 3Q16 บริษัทจะมีกำไรเติบโต 35%YoY จากผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนที่ดีขึ้น (ROI) และสัดส่วนการสูญเสียที่ลดลง เราคงประมาณการกำไร และคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) Earnings play: เราแนะนำ เก็งหุ้นที่จะประกาศงบอาทิตย์หน้า คาดกำำไรจะพุ่งขึ้นแรงหรือพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร ได้แก่ SUPER IFEC TPCH SMT MILL MONO TWZ WHA GUNKUL / ส่วนหุ้นที่กำไร 2Q16 ลง แต่เป็นไตรมาสที่ Bottom out โดยกำไรจะดีขึนในครึ่งปีหลัง ได้แก่ TASCO BA (เชื่อว่าราคาหุ้นลงมารับข่าวนี้ไปมากแล้ว) (ที่มา BLS research)
(-) ค่าใช้จ่ายพิเศษจาก BOI ย้อนหลัง กดดันกำไรหุ้นไม่ดีอย่างคาด: BR BA กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนฯ นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ (ที่มา BLS research)
(+) TPCH วันศุกร์ 5 สค. กกพ.คาดว่าจะสามารถ เปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค โรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้ 36 MW (ที่มา กกพ. อินโฟเควส)
(+) TKS SYNEX บริษัทย่อย TBSP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.75 บ. XD 15 สค.นี้ (ที่มา ตลท.)
(+) ครม.อนุมัติ แพคเกจ สนับสนุนให้สิทธิประโยชน์ ยกเว้นภาษีนำเข้า ให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับพัฒนาการตลาดรถยนต์ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในอีก 20 ปี ข้างหน้า
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(-) MS ออกรายงานกลยุทธ์ แนะลดพอร์ตหุ้นไทย (ขายหุ้น High Beta และหุ้นที่ขึ้นแรง หันมาเข้าหุ้น Foreign under own position) รับความไม่แน่นอนจากผลการลงประชามติฯ โดยอิงจากพื้นฐานที่หุ้นไทยแรลรี่ขึ้นมารอบนี้ จน PE เทรดสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3-5 ปี ราว 17-24% แล้ว และมองว่ากำไร บจ. 2Q16 ที่จะออกมารอบนี้ มีโอกาสต่ำกว่าคาด ทำให้มี Earning risk ในปี 2016-17 ราว 3-6% / มุมมองนี้สอดคล้องกับ BLS โดยเรามองว่ามีโอกาสที่ดัชนีฯจะปรับฐานราว 3-5% ในรอบนี้ และแนะนำลดพอร์ต เพื่อไปรอซื้อคืนเมื่อปรับฐานเสร็จ
(-) ตลาดหุ้นจีนเตรียมเปิดทำการซื้อขายหุ้นถูกปลดล็อก มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น โดยมูลค่าการซื้อขายดังกล่าว ต่ำกว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 2.16 หมื่นล้านหยวน ตามกฎเกณฑ์ของตลาดจีนนั้น ผู้ถือหุ้นที่ถูกแช่แข็งจะต้องล็อกหุ้นของตนเองไว้เป็นเวลา 1-2 ปี ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้ซื้อขายในตลาดได้ (ที่มา อินโฟเควส)
(-) คาดปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน จะมาจาก ความไม่แน่นอนจากผลลงประชามติฯ โดยเรามองว่าแม้จะมีข่าวดี กรณีรับร่างฯ ตามโพลคนรับร่างฯล่าสุด ยังคงทิ้งห่างคนไม่รับฯ แต่เราเชื่อว่า Upside ดัชนีจะเริ่มจำกัดเมื่อเข้าใกล้บริเวณ 1,550 จุด ซึ่งเทียบเป็น PE +2SD และ ดัชนีฯไม่เคยผ่านจุดนี้ไปได้ไกล โดยเราคงคาดว่าหุ้น Low beta/หุ้น Cheap value จะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดจากนี้ไป เพราะกองทุนในและต่างประเทศมีโอกาสจะหมุนเงินมาพักในกลุ่มดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับฐานของดัชนีฯ โดยมองการปรับฐานรอบนี้ไม่หลุด 1,500/1,470 จุด (คิดเป็น 3-5% จากระดับ 1,550 จุด) และ ลงมาจะเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นรอบใหม่ (ที่มา BLS Research)
(0) เมื่อวาน อังคาร ประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ลดดอกเบี้ยลงเหลือ 1.50% จาก 1.75% ตามคาด (ที่มา Bloomberg)
(0) พุธ ประชุม กนง. คาดคงดอกเบี้ย 1.50%, รายงานการประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุ่น, US ISM ภาคบริการคาด 56 จาก 56.5, EU area PMI composite คาด 52.9 คงที่(ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US initial jobless claim, ประชุม ธนาคารกลางอังกฤษ คาด ลดดอกเบี้ย ลงเหลือ 0.25% จาก 0.50% และคงวงเงิน QE ที่ 3.75 แสนล้านปอนด์(ที่มา Bloomberg)
(-) ศุกร์ US Nonfarm payrolls (กค.) คาด 1.8 แสนราย ลดลงจาก 2.87 แสนราย, US unemployment คาด 4.8% จาก 4.9%, มาเลเซีย ส่งออกเดือน มิย.คาด -3% จาก -0.9% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
0000000000000000000
? 2016 PricewaterhouseCoopers. All rights reserved.