- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 August 2016 18:12
- Hits: 1395
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ไม่แน่ใจว่าจะขยาย QE กันอีกไหม
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ ตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากความไม่แน่ใจว่า BOJ อาจจะไม่ขยายมาตรการซื้อพันธบัตรอีกต่อไป แล้วจะให้มาตรการด้านการคลังของนายก Abe เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสิ้นสุดการพุ่งขึ้นของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำถ้าธนาคารกลางอื่นๆทำตามการปรับตัวขึ้นของบรรดาสินทรัพย์ทางการเงินจะชะลอตัวลง ภายในประเทศ ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้มีรายได้น้อยและ SMEs อีก ในขณะที่ชาวไทยเตรียมลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์
หุ้นเด่นวันนี้ : HMPRO (ราคาปิด 9.95 บาท; NR; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA 10.63 บาท)
บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งและพัฒนาบ้านและที่อยู่อาศัยในประเทศไทยโดยมีสาขาที่เปิดดำเนินการภายใต้แบรนด์โฮมโปร 77 สาขาทั่วประเทศ, ภายใต้แบรนด์เมกาโฮม 9 สาขาและหนึ่งสาขาในประเทศมาเลเซีย HMPRO ตั้งเป้าหมายจะเปิดเมกาโฮมให้ได้อีก 3-4 สาขาในปีนี้ ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลน่าจะช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงการจับจ่ายใช้สอยด้วย รายได้ของบริษัทปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วมากเพราะสาขาเปิดใหม่ 8 แห่งในปี 58 จะรับรู้รายได้และผลกำไรเต็มปีเป็นครั้งแรก และยังน่าจะดีขึ้นจากภัยแล้งที่บรรเทาลง ซึ่งจะช่วยให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวดีขึ้น กลยุทธ์ของ HMPRO ที่จะผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (house brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นด้วยเช่นกัน จากค่าเฉลี่ยของ IAA EPS ปีนี้น่าจะเติบโตได้ 17% ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีก 15% ในปี 60 Price Pattern ของ HMPRO ยังคงมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal มีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 10.30 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 11.50 บาท จุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 9.90 บาท (Resistance: 10.30, 10.60, 10.80; Support: 9.90, 9.65, 9.40)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมือง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ ใช้งบประมาณรวม 2.0 หมื่นลบ. ผ่านธนาคารออมสิน โดยหนึ่งในมาตรการดังกล่าวจะให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถมาขอกู้เงินจากธนาคารออมสินได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาการผ่อนชำระคืนภายใน 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ยปีแรก ส่วนปีที่ 2-5 คิดดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน (Bangkok Post) ความเห็น: เรามองว่าจะไม่เกิดผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยฯ ต่อ MTLS (18.90 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 26.00 บ.) และ SAWAD (37.75 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 57.00 บ.) เนื่องจากทั้งสองบริษัทปล่อยเงินกู้ให้กับตลาดที่ยังไม่มีใครเข้าถึง ซึ่งมักจะเป็นตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินและธ.พ. ได้
จัดโครงการเงินกู้สนับสนุนแก่ SMEs สมาคมธนาคารไทยเตรียมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการ สินเชื่อประชารัฐเพื่อ SME วงเงินรวม 1.0 หมื่นลบ. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือลงทุนในกิจการ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.00% ต่อปีในช่วง 2 ปีแรก และปีต่อไปเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR โดยพร้อมจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2559 (Bangkok Post) ความเห็น: เรามองว่าธนาคารใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ BBL (165.50 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 188.00 บ.) KBANK (191.00 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 203.00 บ.) KTB (17.20 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 20.00 บ.) และ SCB (155.00 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 179.00 บ.) จะได้รับประโยชน์จากการให้สินเชื่อจำนวนมากผ่านมาตรการดังกล่าว และน่าจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อในเชิงบวกในช่วงที่เหลือของปี
กสทช. วางแผนประมูลคลื่นอีก 11 ใบอนุญาตในช่วง 5 ปีข้างหน้า ได้แก่คลื่น 2.6 กิกะเฮิร์ตซ์ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ 850 เมกะเฮิร์ตซ์และ 700 เมกะเฮิร์ตซ์ กสทช. กล่าวว่าน่าจะนำคลื่น 2.6 กิกะเฮิร์ตซ์มาจัดสรรได้จำนวนไม่ต่ำกว่า 70 เมกะเฮิร์ตซ์จากทั้งหมด 190 เมกะเฮิร์ตซ์ โดยจะจัดสรรให้แก่ธุรกิจโทรคมนาคมได้ในปี 60 (The Nation) ความเห็น: เราเชื่อว่าการประมูลแรกน่าจะเป็นตอนปลายปี 60 ก่อนที่จะถึงจุดนั้น DTAC (31.25 บาท, ถือ, ราคาเป้าหมาย 31 บาท) น่าจะถูกกดดันสุดจากการจัดสรรคลื่นความถี่ที่ยืดเยื้อเพราะ DTAC คว้าน้ำเหลวในการประมูลที่ผ่านมาทั้งคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์
จำนวนผู้โดยสารทะลักครึ่งแรกปี 59 จำนวนผู้โดยสารรวมของครึ่งแรกปี 59 พุ่งขึ้น 12.5% เทียบปีก่อนไปสู่ 61.07 ลบ. ตามตัวเลขจาก AOT เป็นเพราะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศรวมถึงเสถียรภาพที่มากขึ้นของประเทศด้วย (Bangkok Post) ความเห็น: รัฐบาลน่าจะเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานสนามบินภายในประเทศโดยเฉพาะสุวรรณภูมิเฟส 2 เพื่อรอบรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต่างประเทศ
นักลงทุนเกรงว่าบีโอเจจะไม่ขยายการรับซื้อพันธบัตร พันธบัตรญี่ปุ่นถูกเทขายมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีเมื่อวันอังคารเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะไม่ขยายโครงการรับซื้อพันธบัตรและปล่อยให้เป็นเรื่องของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร หลังจากที่ญี่ปุ่นเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งทำให้ความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นมากที่สุดโดยแตะที่ระดับ 2.332% สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ก่อนที่จะถอยมาปิดที่ระดับ 2.300% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 วันอยู่ที่ 1.573 % แต่ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.544% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันอังคาร โดยได้รับแรงกดดันจากความคาดหวังว่า Fed อาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประกาศอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดไว้ในสัปดาห์ก่อน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดลบ 0.7% อยู่ที่ 95.048 จุด หลังจากที่ก่อนหน้าลดลงอยู่ที่ 95.0031 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 24 มิ.ย. (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันอังคาร โดยแต่ละดัชนีหลักต่างลดลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากการประกาศตัวเลขจีดีพีในสัปดาห์ก่อนที่ต่ำกว่าคาดยังคงกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ลดลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยที่นักลงทุนดูเหมือนจะไม่ให้ความสนใจต่อข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคและยอดขายของบริษัทรถยนต์ที่แข็งแกร่ง (Reuters)
ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมาส่วนมากสูงกว่าที่คาดการณ์ จากจำนวน 353 บริษัทที่ใช้ในการคำนวณดัชนี S&P500 ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานจนถึงช่วงเช้าของวันอังคาร มี 71% ที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/59 คาดว่าจะลดลง 2.6% ดีขึ้นกว่าการคาดการณ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ว่าจะลดลง 4.5% (Reuters)
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. เป็นการชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาส 3/59 โดยยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.ค. การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.4% MoM ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับเดือนพ.ค. นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.3% (Reuters)
ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 17.88 ล้านคันต่อปีในเดือนก่อน สูงสุดนับแต่เดือน พ.ย. 58 จากที่ระดับ 16.74 ล้านคัน จากข้อมูลของ Autodata นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 17.3 ล้านคันต่อปี มีการปรับตัวขึ้นของยอดขายรถยนต์แม้ว่าบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) รายงานยอดขายลดลง 2% และฟอร์ด มอเตอร์ รายงานยอดขายลดลง 3% ในเดือนก่อน (Reuters)
มีสัญญาณเงินเฟ้อเล็กน้อยใน มิ.ย. ดัชนีราคาของการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไม่รวมองค์ประกอบที่ผันผวนสูงคืออาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ใน มิ.ย. หลังงานเพิ่ม 0.2% ใน พ.ค. สำหรับในรอบ 12 เดือนถึง มิ.ย. PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.6% เพิ่มขึ้นเป็นส่วนต่างเท่ากับตอน มี.ค. PCE พื้นฐานเป็นตัวชี้วัดที่ Fed เลือกใช้และยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งกำหนดไว้ที่ 2% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลงและระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ นำซึ่งยังคงกดดันจากหุ้นกลุ่มธ.พ. โดยเฉพาะในแง่ของสถานะเงินทุนสำรองในปัจจุบันและแนวโน้มผลการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์ดอกเบี้ยติดลบ (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่น: ในวันอังคารที่ผ่านมา ครม.ของนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ประเทศญี่ปุ่น อนุมัติงบประมาณ 13.5 ล้านล้านเยน (132 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในการออกมาตรการทางการคลังมากระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธนาคารกลางก็ต่อสู้กับการเก็งกำไรในตลาดเงิน โดยเตรียมเบรคการกระตุ้นทางการเงิน สำหรับญี่ปุ่นที่ระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก แพคเกจนี้แยกเป็น 7.5 ล้านล้านเยนในการใช้จ่ายของรัฐบาลแห่งชาติและระดับท้องถิ่น และอีก 6.0 ล้านล้านเยนสำหรับงบลงทุนและสินเชื่อโครงการ ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งเมื่อรวมแพคเกจการกระตุ้นครั้งนี้ จะมีมูลค่าสูงราว 28.1 ล้านล้านเยน ซึ่งรวมถึงความร่วมมือภาครัฐและเอกชนและจำนวนเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายทางตรงของรัฐบาล จึงอาจจะไม่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ในทันที (Reuters)
จีน: ราคาบ้านในจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่ที่สุด แต่อาจจะพีคสุดในเมืองทางตอนใต้ของเซินเจิ้น ราคาบ้านใหม่ใน 100 เมือง เพิ่มขึ้น 12.39% YoY ในเดือน ก.ค. เพิ่มเร็วกว่าในเดือน มิ.ย.ราคาบ้านโดยเฉลี่ยของ 100 เมือง ในเดือน ก.ค. เป็น 12,009 หยวน (1,807 ดอลลาร์) ต่อ ตร.ม. เพิ่มขึ้น 1.63% mom เมื่อเทียบ กับการเพิ่มขึ้น 1.32% ในเดือนมิ.ย. แต่ในเซินเจิ้นที่ค่าใช้จ่ายของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดของประเทศปีนี้ ราคาพีคที่ 69,843 หยวน (10,509.03 ดอลลาร์) ต่อ ตร.ม. ในสัปดาห์แรกของเดือน แล้วลดลงมากกว่า 27% (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันปิดต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐวันอังคารเป็นครั้งแรกนับแต่เดือน เม.ย. จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่องน้ำมันล้นเกินทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นแล้ว รวมถึงราคาหุ้นสหรัฐที่ร่วงหักล้างผลจากดอลลาร์อ่อนค่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าได้ร่วง 55 เซนต์ (-1.4%) ที่ 39.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ล่วงหน้าปรับลง 34 เซนต์ (-0.8%) ปิดที่ 41.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบสี่สัปดาห์วันอังคาร เพราะหุ้นยุโรปและสหรัฐร่วง และเงินดอลลาร์อ่อนลงต่ำสุดในรอบกว่า1เดือน จากตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์ที่แล้วอ่อนลง ลดการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.9% ปิด 1,365.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. บวก 1% ปิด 1,372.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094
0000000000000000000
? 2016 PricewaterhouseCoopers. All rights reserved.