- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 August 2016 17:42
- Hits: 784
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Commodities WoW
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target 1650
SET ยังปรับลงอีกได้ แต่คาด...ลงเพื่อขึ้นใหม่ จึงเลือกหุ้นทยอยซื้อได้ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีจังหวะปรับพักตัวลงแรงพอควรในช่วงบ่ายวานนี้ถึงแม้ว่าช่วงแรกจะยังมีแรงซื้อหนุนให้ขยับบวกขึ้นทำ New High ได้ต่อ คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยง หลัง SET ขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ หนุนเพิ่ม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวลงต่อได้อีกตามคาด หลังตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ส่วนใหญ่ปิดเป็นลบ เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหนัก เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจต่อผลสำรวจ stress test ที่ ECB จัดทำขึ้นนอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังกลับมาปรับตัวลงต่อเนื่องอีกกว่า 3%ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐก็ผันผวนในด้านลบต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังปิดเป็นลบเพียงเล็กน้อยได้อยู่ ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อวานนี้ก็ออกมาอ่อนแอกว่าคาดด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมาเคลื่อนไหวด้านลบอีกครั้งเช่นกัน นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนอาจต้องการรอดูความชัดเจนของการเมืองไทย หลังการทำประชามติร่าง รธน.ในวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค.นี้ก่อนอย่างไรก็ตาม FSS คาดว่า SET จะพักตัวเพียงระยะสั้น โดยเราขยับเป้าหมายดัชนีตามพื้นฐานปีนี้ขึ้นไปไว้ที่ 1650 จุด หลังแนวโน้มกำไรของ บจ.ดูดีขึ้นรวมทั้งให้น้ำหนักกับ Fund Flow ที่ยังไหลเข้าต่อเนื่องด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงตลาดปรับลงเช่นเดิม
แนวรับ 1510-1508 , 1505-1497 จุด
แนวต้าน 1516-1520 , 1522-1526 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : DCC, J, CPN(buy back)
Fund Flow วานนี้เงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$855ล้าน นำโดยไต้หวัน US$421ล้าน เกาหลีใต้ US$258ล้าน และอินโดนีเซีย US$140ล้านส่วนไทยมีเงินไหลเข้า US$22ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนามประเทศเดียวเพียง US$0.5ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามสภาพคล่องในตลาดการเงินที่สูงขึ้น แต่วันนี้กลุ่มพลังงานอาจกดดันตลาดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ดิ่งลงกว่า 3% เมื่อคืนหลังรายงานว่ากลุ่มโอเปกได้ผลิตน้ำมันแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ความกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยกลับมาใหม่หลังนายดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ GoldmanSachs มองว่ามีความเป็นไปได้ 65% ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ และปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลกลงใน 3 เดือนข้างหน้าเพราะปรับขึ้นมาเร็วไปจนแพง
• (0) FSMART สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเพิกถอนการเป็นตัวแทนขายตั๋วบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเซีย รอบ 3 (5 Matches) เพราะระบบของ FSMART ไม่สามารถรองรับความต้องการการซื้อตั๋วของแฟนบอลได้ เป็น sentiment ลบกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาจากประมาณ 15 บาทก่อนมีข่าวดังกล่าว แต่ไม่กระทบประมาณการของเราเพราะเชื่อว่ารายได้และกำไรจากงานนี้ไม่มากอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นโอกาสในการต่อยอดสำหรับงานข้างหน้า เรายังมองเป็นโอกาสซื้อหากราคาหุ้นปรับฐาน เพราะกำไร 2Q16 จะออกมาดี ยังคงราคาพื้นฐาน 17.70 บาท
• (+) BEM วันนี้บอร์ดรฟม.จะประชุมวันนี้เรื่องการแก้สัญญารถไฟฟ้าสายสีนำเงินส่วนต่อขยายกับสายสีน้ำเงินเดิมให้จบพร้อมกัน ซึ่งอาจใช้เวลา 15-30 วัน คาดว่าประมาณต้นเดือน ก.ย. รฟม.จะสรุปได้และเริ่มเจรจากับ BEM เรายังคงราคาพื้นฐานที่ 12 บาทบนสมมติฐานว่า BEM ได้ต่อสัญญาสายสีน้ำเงินเดิมอีก 15 ปี เพื่อให้จบพร้อมกับสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่คาดว่า BEM จะได้สัญญา 25 ปี โดยคาดว่าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ปี 2019 เรายังคงแนะนำซื้อ
• (+) รมว.ท่องที่ยวคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 7M16 +14% Y-Y ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูง และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีเป็น 33 ล้านคน +10% Y-Y สูงกว่าเป้าเดิมคือ 32 ล้านคน โดย 1H16 มาได้ครึ่งทางแล้วคือ 16.6 ล้านคน เราชอบ ERW (ราคาพื้นฐาน 5.50 บาท) มากสุดในกลุ่มโรงแรม เชื่อว่า ERW จะสามารถสร้างกำไรได้ในขณะที่ low season ของทุกปีจะขาดทุน ส่วน MINT และ CENTEL ราคาหุ้นเต็มมูลค่า ในกลุ่มสายการบินเราชอบ AAV (ราคาพื้นฐาน 8 บาท) มีแนวโน้มว่ากำไร 2Q16 จะดีกว่าตลาดคาด ส่วน AOT ราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่าที่ 410 บาท
• (0) เราคาดกนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.50% ในการประชุมพรุ่งนี้ แม้ว่า Yield curve ของตราสารระยะสั้นจะปรับลง 1.5-2bps แต่เป็นเพราะคาดการณ์ว่า Fed ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าในเอเชีย มากกว่าจะเป็นการเก็งกำไรว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลง และแม้ว่าเงินเฟ้อทั่วไป 7M16 จะหดตัว 0.07% Y-Y แต่หากดูเป็นรายเดือน เป็นบวกติดต่อกัน 4 เดือนและมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น จึงไม่น่ามีการปรับลดดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ส.ค. - ไทย: ครม.พิจารณามาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย,บอร์ดรฟม.ประชุมแก้สัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
3 ส.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ก.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ค.)
4 ส.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
- อังกฤษ: BOE ประชุม
5 ส.ค. - ไทย: กกพ.ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้
- อินโดนีเซีย: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +5% Y-Y)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ก.ค.)
7 ส.ค. - ไทย: ลงประชามติรับ/ไม่รับร่างรธน.
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบ โดยมีปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมัน และ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจหลังตัวเลข ISM เดือนก.ค.ที่ต่ำกว่าคาด
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยมีแรงขายหนาแน่นในหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อผล Stress test นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากตัวเลข PMI เดือนก.ค. และ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นโลกและ ราคาน้ำมัน
(0) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.73-34.79 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดลบ 1.54ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 40.06 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดยังกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด หลังรายงานระบุปริมาณการผลิตน้ำมันจากโอเปกสูงขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.10ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,359.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอกว่าคาด
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research