- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 July 2016 19:09
- Hits: 2923
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1% จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
+ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1% จากแรงหนุนของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ซึ่งคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ (ณ วันที่ 15 ก.ค.) ปรับลดลงกว่า 2.3 ล้านบาร์เรล เป็นสัปดาห์ที่ 9ติดต่อกัน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย สู่ระดับ 519.5 ล้านบาร์เรล โดยการปรับลดลงเป็นผลมาจากอัตราการกลั่นที่สูงขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 64.1 ล้านบาร์เรล
- อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ (RBOB) ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หลังจาก EIA รายงาน ปริมาณน้ำมันเบนซินในคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 241 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะคงที่ โดยการปรับขึ้นดังกล่าวสร้างความประหลาดใจต่อตลาด เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ จะปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ
-/+ ท่าส่งออกน้ำมันดิบ Hariga ของลิเบีย ซึ่งมีความสามารถในการส่งออก 120,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังจากก่อนหน้านี้ การส่งออกต้องชะงักลงหลังจากเกิดเหตุชุมนุมประท้วงของกลุ่มผู้รักษาความปลอดภัยเนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงไว้ อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันที่บ่อผลิตน้ำมัน Sarir ทางภาคตะวันออก ที่มีความสามารถในการผลิตราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติจากเหตุความไม่สงบดังกล่าว
+/- นาย Alexander Novak รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียกล่าวว่ารัสเซียไม่มีแผนการเจรจาที่จะร่วมมือกับกลุ่มโอเปกเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบ และไม่สามารถตกลงที่จะลดกำลังการผลิตลงได้ เนื่องจากรัสเซียไม่มีกลไกและแผนที่จะรองรับข้อตกลงดังกล่าว นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียจะปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10.8 – 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ที่ 10.73 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 58 ทั้งนี้ นาย Novak มีแผนที่จะพบปะกับนาย Khalid al-Falih รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันคนใหม่ของซาอุดิอาระเบียในการประชุมที่ประเทศ Algeria ในเดือน ก.ย. นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบโลก
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลที่อ่อนตัวลงในช่วงฤดูมรสุมของภูมิภาคเอเชียใต้ รวมถึงฤดูกาลห้ามจับปลาในประเทศจีน นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนที่อยู่ในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 26-27 ก.ค. นี้ ว่า Fed จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมประจำเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ เนื่องจากยังคงเฝ้าระวังผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่สหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป
กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกประจำปี 2559 และ 2560 โดย IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2559 และ 3.4% ในปี 2560 ซึ่งปรับลดลง 0.1% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 3.2% และ 3.5% ตามลำดับ
ระดับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ระดับต้นทุนการผลิตที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ผลิตบางรายในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิต โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง