- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 July 2016 18:45
- Hits: 2591
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"อาจแกว่งแต่ไม่หลุด 1480 ยังมีลุ้นไปต่อ"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BIG (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรง โดยปิด +18.03 จุดที่ 1510.03 หนุนโดย Fund Flow และความเชื่อว่าจะมีสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้นอีกหลังหลายประเทศมีแนวโน้มจะขยาย QE และใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม เช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 5.1 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 1.1 พันล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ
ความวิตกกังวล Brexit ลดลงหลังยังไม่เห็นผลกระทบที่มีนัยสำคัญในช่วงสั้น โดยตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษยังอยู่ในเกณฑ์ดีในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ แต่เมื่อมีรายงานตัวเลขของเดือนมิ.ย.59 เป็นต้นไปก็อาจกลับมากังวลอีกรอบได้ ( UK ทำประชามติ 23 มิ.ย.) สำหรับการประชุม ECB วันนี้ตลาดคาดว่าจะยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายแต่มีโอกาสจะขยายระยะเวลา QE (ที่จะสิ้นสุดมี.ค.60) ในการประชุมรอบหน้า ส่วนในประเทศ นอกเหนือจาก Fund Flow แล้วก็มีอีกปัจจัยกระตุ้นคือการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่จะทยอยออกมามากขึ้นจนถึงกลางเดือนส.ค.59 ซึ่งสิ่งที่ยากคือการหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมี Valuation จูงใจมากพอสำหรับการลงทุนใหม่ เพราะหุ้นที่เรารู้จักส่วนใหญ่ราคาก็ปรับขึ้นไปลอยอยู่ข้างบนแล้วทำให้ Upside เหลือไม่มาก และสิ่งที่ควรระวัง คือ การขายข่าว/Stories ที่ก็มีโอกาสความเป็นไปได้ทางบวกแต่ต้องใช้เวลาอีกนาน (ซื้อล่วงหน้าหลายปี) หรือไม่ก็มีโอกาสความเป็นไปได้ต่ำแต่เรื่องราวดูน่าสนใจมาก เพื่อดันราคาหุ้นให้ปรับขึ้นต่อ เพราะหุ้นพวกนี้เวลาตลาดวายราคามักจะลงแรงมาก สำหรับกำไร 2Q59 ของกลุ่มแบงค์ ส่วนใหญ่ที่ออกมาไม่ได้ Surprise ยกเว้น SCB ที่ดีกว่าที่ DBSV คาด 6% เพราะมีรายได้พิเศษเข้ามา หุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น CPF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งจากแรงขายทำกำไร การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1520, 1530 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1480 จุดควรตัดขายออกไปก่อน
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ BTS, CPF, JASIF, KAMART, TVT หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ CKP, HMPRO, TU, CPN, BCH, TVO หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ VIH, VIBHA, SCP, ANAN, LIT, TCAP หุ้นหลุด List เป็น AP
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
จับตา - ผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้
ในวันนี้ (21 ก.ค.59) มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งผลสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ECB จะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ แต่คาดกันว่าในการประชุมครั้งต่อไปอาจมีการขยายเวลาซื้อคืนพันธบัตร 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน (QE) ออกไปอีก โดยมาตรการนี้จะสิ้นสุดเดือนมี.ค.60
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ - ขยับขึ้นรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบจ.ใหญ่
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,595.03 จุด เพิ่มขึ้น 36.02 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 53.56 จุด หรือ +1.06% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 9.24 จุด, +0.43% ปัจจัยหนุนให้ตลาดบวกขึ้นคือ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน เช่น ไมโครซอฟท์ อิงค์, มอร์แกน สแตนลีย์ รวมทั้งการดีดขึ้นของราคาน้ำมันดิบก็ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย
+ ราคาน้ำมันดิบ - รีบาวด์หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐลดลงต่อเนื่อง
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 519.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 44.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 47.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำ - ร่วงลงจากแรงขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 13 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ระดับ 1,319.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและหลายประเทศยังไม่ถูกกระทบจาก Brexit ยังผลให้ความกังวลผ่อนคลายลง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ - กำไรสุทธิ 2Q59 ทยอยออกมา
# TISCO (ราคาปิด 52.25 บาท) - กำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 1.2 พันล้านบาท (+20%YoY, -4%QoQ) เป็นไปตามคาด โดยในปีนี้ธนาคารเน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งของงบดุลแต่การตั้งสำรองค่าเผื่อฯปีนี้จะน้อยกว่าปี 58 เพราะทำไปมากในปีก่อน ยังผลให้กำไรจะเติบโตได้ กำไร 1H59 คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี 59 แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 46 บาท
# TCAP (ราคาปิด 39.75 บาท) - กำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 1.5 พันล้านบาท (+5%YoY และ +9%QoQ) เป็นไปตามคาด โดยการเติบโตมาจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นและตั้งสำรองค่าเผื่อฯน้อยลง รวมทั้งอัตราภาษีจ่ายต่ำเพียง 4% (ณ สิ้นมิ.ย.59 ยังเหลือผลขาดทุนจากการชำระบัญชี SCIB เอาไปหักภาษีได้ 3.7 พันล้านบาทหากคำนวณด้วยอัตราภาษีจ่าย 20%) จุดเด่น คือ NPL ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 8 ไตรมาส งบดุลแข็งแกร่งขึ้น และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 126% ในสิ้นมิ.ย.59 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 42 บาท
# TMB (ราคาปิด 2.34 บาท) - กำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 2.2 พันล้านบาท (-5%YoY, +3%QoQ) เป็นไปตามคาด โดยการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงได้รับการชดเชยจาก NIM ที่เพิ่มขึ้น (จากการบริหารต้นทุนการเงินได้ดี) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ต่ำลงเพราะมีการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารมีกำไรก่อนสำรองฯในเกณฑ์ดีที่ 4.5 พันล้านบาท (+8%YoY และ +1%QoQ) ด้าน NPL ratio ลดลงเป็น 2.87% ในสิ้น 2Q59 และมี Coverage ratio สูงขึ้นสู่ระดับ 143% แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 2.80 บาท
# SCB (ราคาปิด 153.50 บาท) - กำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 12.8 พันล้านบาท (-3%YoY, +22%QoQ) ดีกว่าที่ตลาดและเราคาดการณ์ไว้ 9% และ 6% ตามลำดับ เนื่องจากมีการกลับรายการสำรองฯของ SCB Life มาเป็นรายได้ 4.3 พันล้านบาทและมีกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาช่วยหนุนด้วย ด้าน NPL ratio เพิ่มเป็น 2.77% ในสิ้นมิ.ย.59 แต่ธนาคารตั้งสำรองฯสูงในไตรมาสนี้ทำให้ Coverage ratio เพิ่มเป็น 130% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 165 บาท
+ CPF (ราคาปิด 28.75 บาท) - คาด Core profit 2Q59 แข็งแกร่งขึ้นมาก
ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์กำไรหลัก 2Q59 ของ CPF จะออกมาดีมากเป็น 3 พันล้านบาท เทียบกับ 2Q58 ที่เป็นขาดทุน 53 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 41.5%QoQ ซึ่งโดยปกติแล้วไตรมาส 2-3 ผลการดำเนินงานจะดีเพราะเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาลทั้งในส่วนการส่งออกและธุรกิจกุ้ง นอกจากนั้นมาร์จิ้นก็ดีขึ้นเมื่อเทียบ YoY ด้วยซึ่งเป็นผลจากราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ต่ำลง สำหรับรายการพิเศษ 2 รายการ ที่รอการพิจารณา คือ อาจมีการบันทึกกำไรจากการขายหุ้น CPALL ออกไประหว่างไตรมาส และอาจต้องบันทึกค่าใช้จ่ายภาษีเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการดำเนินการกับภาษีจากส่วนขาดทุน (tax losses) ซึ่งทาง BOI และสรรพากรมีข้อโต้แย้งกันอยู่ แนวโน้มกำไรหลักใน 2H59 ยังไปได้ดี จากราคาเนื้อสัตว์บกในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี มีวัตถุดิบต้นทุนต่ำในสต็อกพอสมควร และธุรกิจกุ้งฟื้นตัวต่อเนื่อง ทาง DBSV แนะนำซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 33.00 บาท
KTC (ราคาปิด 116 บาท) - กำไรเติบโตดีกว่าคาด
กำไร 6 เดือนแรกปีนี้เติบโต 17%YoY เป็น 1.2 พันล้านบาท จากรายได้ที่เติบโตทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรายได้งวด 6M59 ขยายตัว 13%YoY เป็น 7.5 พันล้านบาท ด้าน NPL ratio รวมอยู่ที่ 1.91% ลดลงจาก 2.06% ในสิ้นปี 58 และจาก 2.00% ในสิ้น 1Q59 ซึ่งเป็นส่วนของบัตรเครดิตลดลงเหลือ 1.37% จาก 1.42% ของสินเชื่อรวม แต่สินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้นเป็น 1.04% จาก 1.02% ของสินเชื่อรวม
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาตอบรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งไปแล้ว โดยราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 116 บาท ใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายใน IAA Consensus ที่ 115 บาท (Average) และ 117 บาท (Median)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]