- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 July 2016 17:50
- Hits: 855
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
มุมมองบวกอย่างระมัดระวัง
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อวันนี้ ตามทิศทางของหุ้นสหรัฐ และในตลาดภูมิภาค รวมทั้งมีลุ้นเพิ่มมากขึ้นว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากธนาคารกลางและรัฐบาลประเทศชั้นนำ ความต้องการหลีกหนีความเสี่ยงก็ลดลง ราคาน้ำมันที่กลับมาฟื้นตัวน่าจะเป็นบวกต่อหุ้นพลังงานอย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นน่าจะถูกจำกัด หลังจากเมื่อวานหุ้นไทยขึ้นแรง อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักต่อตลาด
หุ้นเด่นวันนี้ : KTC (Bt116.00; BUY; AWS 16TP: Bt131.00)
แม้ว่า KTC จะลงทุนและใช้จ่ายในการบุกตลาดอย่างหนัก เพื่อขยายฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล แต่กำไรสุทธิยังพุ่งตัวแบบก้าวกระโดด 25% โตในไตรมาสที่ 2/59 และโต 17% ในครึ่งแรกของปี 59 ผลการดำเนินงานดังกล่าวเหนือกว่าเป้าของผู้บริหารที่ตั้งไว้ว่าจะไม่มีการเติบโตของกำไรในปีนี้เป็นอันมากซึ่งสะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นเป็นอันมาก อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 43.7% ในครึ่งแรกของปี 59 จาก 43.1% ในครึ่งแรกของปี 58 KTC ออกรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องกับร้านค้าและร้านอาหาร ร้านสัตว์เลี้ยง และร้านหนังสือ ระดับสูง ในไตรมาสที่ 2/59 ยอดขายในธุรกิจบัตรเครดิตขยายตัว 10% และยอดขายในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโตแรง 17% สูงกว่าเป้าทั้งปีที่อยู่ที่ 9% และ 15% ตามลำดับ เราปรับประมาณการกำไรขยายตัวขึ้นเป็น14.5% สำหรับปี 59 และ 12.9% สำหรับปี 60 เป้าหมายราคาใหม่สำหรับปี 2016 ที่ 131 บาท คำนวณจากอัตราส่วน PBV ปี 59 ที่ 3.3 เท่า และ ROE ที่ 25% สะท้อนการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นขึ้นได้อีก 13% ณ ราคาหุ้นปัจจุบันค่า PER ปี 59 อยู่ที่ 12.6 เท่าเท่านั้น และค่า PEG ก็อยู่เพียง 0.87 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่า KTC ยังมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน นอกจากนั้นอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ 3.1% สำหรับปี 59 ยังไม่อาจมองข้ามไปได้
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
รฟท. ทบทวนปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างทบทวนอัตราค่าเช่าที่ดินเพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของที่ดินและหาผู้ร่วมทุนรัฐ-เอกชนเพื่อพัฒนาที่ดินตามแนวเส้นสายสีแดงและรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา ประธานกรรมการ รฟท. กล่าวว่ามันไม่ง่ายที่จะทำกำไรจากบริการเดินรถไฟ แต่กำไรส่วนใหญ่จะมาจากการพัฒนาที่ดินตลอดแนวเส้นรถไฟฟ้า (Bangkok Post)
เตรียมใช้ ม.44 เร่ง EEC กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกคณะทำงานโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า EEC จำเป็นต้องมี ม.44 เพื่อจัดการอุปสรรคที่มีอยู่เพื่อพัฒนาโครงการนี้ (Bangkok Post)
EGCO (ราคาปิด 200.00 บ.) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ ในประเทศอินโดนีเซีย กำลังการผลิตติดตั้ง 227 เมกะวัตต์ ที่บริษัทถือหุ้น 20% นั้น ล่าสุดทางโครงการได้เจรจาขอปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้ากับทางการไฟฟ้าประเทศอินโดนีเซีย และได้รับอนุมัติอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยมีผลให้อัตราค่าไฟฟ้าปรับสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 40% และทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในทันทีจากการลงทุนในโครงการนี้ (SET) ความเห็น: ด้วยขนาดการลงทุนที่ถือว่าเล็กโดยเปรียบเทียบกับโครงการโรงไฟฟ้าหลักของบริษัทฯ เราประเมินผลกระทบเชิงบวกดังกล่าวจะไม่ได้มีนัยฯ โดยจะช่วยให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1%
ต่างประเทศ
นักลงทุนกลับมาคาดการณ์ว่า Fed จะใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้นส่วนธนาคารกลางอื่น ๆ จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย มีความเห็นเพิ่มมากขึ้นว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (political events) ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ มีความคาดหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 28-29 ก.ค. นี้ สำหรับการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ล่าสุดตลาดมองว่า ECB จะยังไม่ดำเนินการใด ๆ เพิ่มเพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงิน การอ่อนค่าของเงินยูโรก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติซึ่งหมายถึงว่า ECB สามารถรอดูผลต่อไปได้ (Reuters)
รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G20 จะเผชิญกับความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้า ในการประชุมที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ การประชุมครั้งนี้น่าจะให้ความสนใจในเรื่องของผลกระทบจาก Brexit และการใช้นโยบายต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และจะมีเรื่องของการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเรื่องของนโยบายกีดกันทางการค้าเป็นหลัก หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันปี 2559 อย่างเป็นทางการ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อวันพุธ จากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดที่ 97.323 สูงสุดนับแต่วันที่ 10 มี.ค. ล่าสุดดัชนีปิดที่ 97.073 เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.77% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.01เยน สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ส่วนเงินยูโรทรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.1018 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอีกทั้งมีมุมมองที่เพิ่มขึ้นว่า Fed อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลง 6/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.578% เพิ่มขึ้นจาก 1.558% เมื่อวันอังคาร (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจาก ผลประกอบการของบริษัทไมโครซอฟท์ที่แข็งแกร่งจากการเติบโตอย่างมากของธุรกิจ cloud computing ได้กระตุ้นตลาดและเป็นสัญญาณล่าสุดว่าฤดูกาลการประกาศผลประกอบการนี้อาจไม่แย่อย่างที่ผู้คนกลัวกัน (Reuters)
กำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ของบริษัทที่อยู่ในการคำนวณดัชนี S&P500 ตอนนี้คาดว่าจะลดลง 3.8% YoY น้อยกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะลดลง 4.5% จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส I/B/E/S (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากบริษัท SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และบริษัท ASML ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักให้กับตลาดผลิตภัณฑ์สารกึ่งตัวนำต่างรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้บริษัทจดทะเบียนในยุโรปจนถึงตอนนี้ต่างรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่ดีกว่าคาดทั้งสิ้น (Reuters)
เอเชีย :
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวางแผนที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างน้อย 20 ล้านล้านเยน หรือ 186.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจพ้นจากภาวะเงินฝืดและขจัดผลกระทบของ Brexit Kyodo รายงานในวันพฤหัสบดี รัฐบาลของ Shinzo Abe จะขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้ (Reuters)
ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน ก.ค. แต่ถูกคาดว่าจะเลวลงเป็นศูนย์ในสามเดือนถัดไป ตามผลสำรวจของรอยเตอร์ จากความอึมครึมของผลกระทบ Brexit ที่มีผลต่อแนวโน้มการส่งออกเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่พึ่งพาเศรษฐกิจโลก (Reuters)
Sinopec ของจีนได้ปิดส่วนงานของท่อส่งก๊าซ เสฉวน - ภาคตะวันออกของจีน ในตอนกลางของประเทศ หลังจากที่ถูกผลกระทบจากดินถล่มและไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิต 2 คน สถานการณ์ไฟถูกควบคุมได้ และบริษัทกำลังฟื้นฟูให้ดำเนินการส่งก๊าซธรรมชาติจากจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเสฉวนไปยังภาคตะวันออกของจีนได้อีก (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวก 1% วันพุธ หลัง US EIA รายงานถอนน้ำมันดิบออกจากสต็อกเป็นสัปดาห์ที่เก้าติดต่อกัน ลดความกังวลในตลาดเกี่ยวกับน้ำมันล้นเกิน Brent ล่วงหน้าปรับขึ้น 51 เซนต์ (+1%) ปิดที่ 47.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าปรับขึ้น 29 เซนต์ (+0.7%) ปิดที่ 44.94 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนต่างระหว่าง Brent กับ WTI กว้างสุดนับแต่สิ้น เม.ย. (Reuters)
ถอนน้ำมันออกจำนวนมาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วง 2.3 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์ถึงวันที่ 15 ก.ค. ใกล้กับคาดการณ์นักวิเคราะห์ว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล นับเป็นการถอนออกเก้าสัปดาห์ติด (Reuters)
ราคาทองร่วงแตะจุดต่ำสุดรอบสามสัปดาห์วันพุธ เพราะหุ้นเป็นบวกและดอลลาร์สหรัฐแตะจุดสูงสุดรอบสี่เดือนตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งเพิ่มการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี ราคาทองคำตลาดจรร่วง 1.05% ปิด 1,317.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองล่วงหน้าร่วง 1% ปิด 1,319.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094