- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 July 2016 17:55
- Hits: 520
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1530
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1492.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 59,275 ล้านบาท ตลาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1500 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1450 และ 1480 จุดขึ้นมาได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1530 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1480 จุด ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1500 และมีเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่บริเวณ 1530 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1480 จุดเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้น
กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1480 จุดขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง ทาให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1500 และ 1530 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1480 จุด
Asia Fund Flow : 19 กรกฎาคม 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 19 ล้านเหรียญ (20 ก.ค.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 549 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 61 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 21 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 111 ล้านเหรียญ (15 ก.ค.)
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
PTT ทดสอบแนวต้านที่ 330 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 350 แนวรับ 325 325 / 322 330 / 334
TRUE แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.00 เป้าหมาย 9.60 แนวรับสำคัญ 8.60 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 8.20 8.70 / 8.60** 9.00 / 9.10
ADVANC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 175 และ 180 170 / 168 174 / 175
KBANK สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 185 และ 188 180 / 178 184 / 185
EA สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 23.00 และ 23.50 22.50 / 22.20 22.80 / 23.00
JAS เคลื่อนไหวในกรอบ 5.40-5.70 5.50 / 5.40 5.60 / 5.70
CK แนวโน้มขึ้นทดสอบ 32.00 และ 34.00 31.00 / 30.50 32.00 / 32.50
BBL สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 175 และ 180 171 / 170 174 / 175
IVL เคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-31.00 30.00 / 29.50 31.00 / 31.50
SCB แนวโน้มขึ้นทดสอบ 155-157 แนวรับ 150 151 / 150 154 / 155
Kasikornbank (KBANK TB; THB 180.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 185 และ 188
แนวรับ : 180 และ 178
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานหลังจากทดสอบแนวต้านของรูปแบบสามเหลี่ยม ซึ่งเราคาดว่า น่าจะทะลุผ่านขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ KBANK โดยมีแนวรับที่ 180 และ 178 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 185 และ 188 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 176 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 170 เป็นจังหวะซื้อเพิ่ม
Minor International (MINT TB; THB 41.75) - ซื้อ
แนวต้าน : 44.00 และ 45.00
แนวรับ : 41.75 และ 41.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นลดลงค่อนข้างแรงในระยะสั้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 42.00 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งเรายังคงคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ MINT โดยมีแนวรับที่ 41.75 และ 41.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 44.00 และ 45.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 40.50 ลงไป
Top Trading Picks follow up แนวรับ แนวต้าน
CNT ซื้อที่แนวรับ 4.14 หลังทดสอบแนวต้านที่ 4.30 STOp LOSS ถ้าหลุด 4.00 ลงไป 4.08 / 4.04 4.20 / 4.30
SPCG แนวโน้มขึ้นทดสอบ 23.00 และ 23.50 แนวรับสำคัญ 21.60 22.20 / 22.00 23.00 / 23.50
AQUA ซื้อที่แนวรับ 0.84 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 0.92 และ 0.97 0.84 / 0.83 0.88 / 0.90
PYLON แนวโน้มขึ้นทดสอบ 12.00 และ 12.50 แนวรับสำคัญ 10.50 11.00 / 10.80 11.50 / 12.00
BBL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 175 และ 180 171 / 170 174 / 175
BLA STOP LOSS ถ้าหลุดแนวรับสำคัญ 37.00 ลงไป แนวรับถัดไปที่ 35.50 37.50 / 37.00** 38.50 / 39.00
EA สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 23.00 และ 23.50 22.50 / 22.20 22.80 / 23.00
CSS สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 3.90 และ 4.00 3.68 / 3.64 3.80 / 3.90
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...เน้นเก็งรายตัว
ช่วงเวลาที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยหยุดยาว 2 วัน ตลาดหุ้นในต่างประเทศยังไม่ผันผวนอะไรมากมาย แต่มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างหลังขึ้นมาติดต่อทั้งสัปดาห์ โดยตลาดหุ้นสหรัฐสามารถสร้างสถิติสูงสุดเกือบทุกวัน แต่อัตราการขึ้นค่อยๆ ลดลง ซึ่งตอนนี้ตลาดให้ความสำคัญกับการประกาศผลการดำเนินงาน Q2/16 ที่กำลังทยอยประกาศ นอกนั้นต่างรอดูการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีมาตรการอะไรเข้าพยุงความเชื่อมั่นในกลุ่มยูโร โดยตลาดยังคาดว่าที่ประชุม ECB คงยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา จนกว่าจะถึงเดือน ส.ค.ส่วนของญี่ปุ่นคาดจะเกิดในปลายเดือนนี้
หลังตลาดคาดว่าธนาคารกลางหลักอย่าง ECB BoJ และ BoE จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นใจว่าสภาพคล่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีกับตลาดหุ้นทั่วโลก จึงมีแรงซื้อหุ้นคืนทั่วโลก อย่างไรก็ตามแรงคาดการณ์ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังเกิดในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังขึ้นไปสร้างสถิติสูงสุด ท่ามกลางความกังวลเรื่องอัตราการทำกำไรของแต่ละตลาดยังไม่สูงพอ รวมทั้งการลดประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกลง ของ IMF เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 15 เดือน
เม็ดเงินที่ไหลเข้าเอเชีย ถือเป็นปัจจัยบวกกับตลาด โดยเหตุผลมาจาก มองกันว่าตลาดหุ้นเอเชีย จะได้รับผลกระทบไม่มากกับ Brexit อัตราการเติบโตของตลาดยังพอไปได้และได้รับผลด้านบวก หากสหรัฐยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ที่สำคัญที่สุด คือ ตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ยังไม่แพง หากดูจากค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้า (รูปด้านซ้าย) ตลาดที่มีเม็ดเงินไหลเข้ามากที่สุดตอนนี้คือ ญี่ปุ่น รองลงมาคงเป็นตลาดในเอเชียเหนืออย่าง ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวันหรือแม้แต่จีน
รอบนี้ตลาดหุ้นในอาเซียน ดูเหมือนจะ Laggard กว่าตลาดหุ้นเอเชียเหนือ ในบรรดาตลาดหุ้นอาเซียนที่ขึ้นแรงที่สุด คือตลาดหุ้นสิงคโปร์ ส่วนที่เหลือขึ้นในสัดส่วนที่ไม่แรง สำหรับการขึ้นของตลาดหุ้นไทย จากผลของเม็ดเงินไหลเข้า เรามองว่า เม็ดเงินที่ไหลเข้ามา ยังคงไม่มากโดยเปรียบเทียบ เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถูก คือ ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าขึ้นไปเล่นที่จุดสูงสุดที่ 14.5 เท่าในรอบ 15 ปี (รูปขวา) แต่หากเม็ดเงินไหลเข้ามาจากความเชื่อมั่นทางการเมือง ว่า ผลการลงประชามติผ่านร่างรัฐรรมนูญ เม็ดเงินอาจจะมีมากและดัชนี SET จะขึ้นยืนเหนือ 1500 จุดได้
สภาพดัชนีที่กำลังขึ้นมาใกล้ 1500+/- จุด จากแรงหนุนหุ้นหลัก ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร โยงท่องเที่ยว ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ เป็นผลโดยตรงจากสภาพคล่องที่ไหลจากต่างประเทศ ผ่านแรงซื้อของต่างชาติ โดยดัชนีในระดับ 1500+/- จุด เรามองว่ายังคงผ่านได้ไม่ง่าย จนกว่าผลการดำเนินงาน Q2/16 หุ้นในกลุ่มหลักจะออกมาหมด นอกจากนั้นยังมองว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้า น่าจะเริ่มชะลอตัว หลังหุ้นใหญ่เริ่มมี gap ในการขึ้นน้อยลง
กลยุทธ์การลงทุน ยังแนะนำ ให้เล่นเก็งกำไรหุ้นรายตัว จนกว่าผลการดำเนินงาน Q2/16 หุ้นใหญ่จะออกมาหมดรวมทั้งรอดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้มองดัชนีจะขึ้นไปแตะ 1500+/- แต่คงยังไม่ผ่าน โดยมองแนวต้านที่ 1498-1503 จุด ส่วนแนวรับที่ 1485-1480 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร STEC ITD TTCL CPF และ IVL
Analysts :
Kiatkomg Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: สภาพดัชนีที่กำลังขึ้นมาใกล้ 1,500+/- จุด จากแรงหนุนหุ้นหลัก ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร โยงท่องเที่ยว ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และอื่นๆ เป็นผลโดยตรงจากสภาพคล่องที่ไหลจากต่างประเทศ ผ่านแรงซื้อของต่างชาติ โดยดัชนีในระดับ 1,500+/- จุด เรามองว่ายังคงผ่านได้ไม่ง่าย จนกว่าผลการดำเนินงาน Q2/16 หุ้นในกลุ่มหลักจะออกมาหมด นอกจากนั้นยังมองว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้า น่าจะเริ่มชะลอตัว หลังหุ้นใหญ่เริ่มมี gap ในการขึ้นน้อยลง กลยุทธ์การลงทุน ยังแนะนำ ให้เล่นเก็งกำไรหุ้นรายตัว จนกว่าผลการดำเนินงาน Q2/16 หุ้นใหญ่จะออกมาหมดรวมทั้งรอดูผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันนี้มองดัชนีจะขึ้นไปแตะ 1,500+/- แต่คงยังไม่ผ่าน โดยมองแนวต้านที่ 1,498-1,503 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,485-1,480 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร STEC ITD TTCL CPF และ IVL
Themes play :
TOP : เราแนะนำ ซื้อ TOP โดยมีราคาเป้าหมาย 75.00 บาท เราคาดว่าหลังจากค่าการกลั่นอ่อนตัวใน 1Q16 เพราะต้นทุนน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นและสเปรดดีเซล-ดูไบตกต่ำ TOP จะมีค่าการกลั่นทรงตัว qoq ที่ระดับ5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลใน 2Q16 โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) premium น้ำมันดิบของ Murban-Dubai ทรงตัว qoq ที่ 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 2) เสปรดน้ำมันเบนซิน-ดูไบที่ลดลงมีปัจจัยช่วยชดเชยจากสเปรดน้ำมันดีเซล-ดูไบที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นจะมีกำไรอ่อนตัว (จากช่วงที่ค่าการกลั่นสูงสุดในปี 2015) แต่เรามองว่า TOP จะยังรายงานกำไรแข็งแกร่งในปี 2016-18 จากการดำเนินกลยุทธ์ที่ดีในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจไฟฟ้าและการขยายกิจการไปยังธุรกิจปลายน้ำด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ ในระยะสั้นเราให้ TOP เป็น top pick เพราะคาดว่ากำไรไตรมาส 2/59 อาจออกมาดีกว่าตลาดคาดโดย Bloomberg consensus คาดกำไรประมาณ 7 พันล้านบาท ดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq
ประเด็นในสัปดาห์
21 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Existing Home Sales เดือนมิ.ย. โดยตลาดคาด 5.46 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.53 ล้านยูนิต
21 ก.ค. : การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.000%
22 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Markit US Manufacturing PMI เดือนก.ค. โดยตลาดคาด 51.4 จากเดือนก่อนหน้าที่ 51.3
Fundamental Stock :
JASIF : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท )
MAKRO : Company Note (คำแนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท )
KKP : Company Note (คำแนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมาย 44 บาท )
TCAP : Company Note (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 39 บาท )
Technical Pick:
SET Index แนวโน้มทดสอบแนวต้านระยะสั้น 1500 จุด แนวรับ 1485-1480 จุด
Kasikornbank (KBANK TB; THB 180.00) - ซื้อ
Minor International (MINT TB; THB 41.75) - ซื้อ
SET Index : แนวต้านระยะสั้น 1500
Retail Research Team