- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 July 2016 17:45
- Hits: 390
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลัง SET บวกมาพอควรและเข้าใกล้เป้าหมาย น่าแบ่งขายเพื่อรอซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังขยับบวกต่อขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ใกล้ๆ 1500 จุดที่เป็นระดับดัชนีเป้าหมายที่ FSS ประเมินไว้ และยังมีแรงขายกดดันให้แกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาดัชนีไต่ระดับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงพอควร โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุน เราจึงเตือนให้ระวังการพักตัวลงด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ถึงแม้ว่าในช่วงวันหยุดของ SET ต้นสัปดาห์นี้(18-19 ก.ค.) ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงขยับบวกได้ดี แต่ก็มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงบ้างในบางแห่ง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐแม้จะปิดเป็นบวกต่อเนื่องได้ทั้ง 2 วัน จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังดูดีแต่กรอบบวกก็เริ่มแคบ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปยังมีจังหวะปรับย้อนลบ หลังตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปิดเป็นลบทั้ง 2 วัน จากคาดการณ์ที่ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงว่าบริษัทน้ำมันในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดใช้งานแท่นขุดเจาะอีกครั้ง รวมทั้งช่วงก่อนหน้านี้ SET ก็ขยับขึ้นมามากพอควรแล้วด้วย ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ตลาดย้อนลบไว้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อเพิ่มช่วง SET ปรับลงดีกว่า โดยในช่วงบวกน่าจะแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไร เพื่อรอซื้อช่วงปรับลงอีกครั้ง
แนวรับ 1490-1485 , 1483-1480 จุด
แนวต้าน 1493-1495 , 1498-1500 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ALT, GLOW, THAI(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$890ล้าน นำโดยไต้หวัน US$549ล้าน และเกาหลีใต้ US$255ล้าน ส่วนไทยปิดทำการ แต่วันศุกร์ก่อนปิดทำการมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดไทยหนาแน่น US$111ล้าน และทั้งกลุ่ม TIP มีเม็ดเงินไหลเข้าตลอดที่ไทยปิดทำการรวม US$96ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าจากสภาพคล่องในตลาดที่ยังมีาก แต่อาจเบาบางลงหลัง IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้และปีหน้าลงจากความเสี่ยงสูงขึ้นหลัง Brexit
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) IMF ลดคาดการณ์ GDP โลก เหลือ 3.1% ปีนี้ (จาก 3.2%) และ 3.4% ปีหน้า (จาก 3.5%) หลัง Brexit แต่ยังคงคาดการณ์ GDP ใน ASEAN ที่ 4.8% และ 5.1%
(0) ECB น่าจะคงนโยบายในการประชุมพรุ่งนี้ด้วยเหตุผลเดียวกับ BOE คือมีตัวเลขเศรษฐกิจออกมาน้อยเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ได้ ทิศทางของธนาคารกลางหลักๆของโลกไปในทางผ่อนคลายทางการเงินชัดเจน เงินทุนจึงมีทิศทางไหลเข้าเอเชีย ทั้งนี้ ติดตามผลประชุมรมว.คลัง G20 ที่เตรียมออกแถลงการณ์กระชับความร่วมมือในสัปดาห์นี้
(0) พลังงานทดแทน ศุกร์นี้กกพ.จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้ ซึ่งรับซื้อไม่เกิน 36 MW แต่มีผู้ยื่นทั้งหมด 593.5 MW สูงกว่าปริมาณรับซื้อ 16 เท่า การแข่งขันสูงมาก การเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้จึงต้องระมัดระวัง ราคาพื้นฐานของ TPCH 19.50 บาทและ GUKUL 5.50 บาท ไม่ได้รวมโครงการนี้ เรายังชอบ TPCH มากสุดในกลุ่ม
(+) KKP กำไรสุทธิ 2Q16 น่าประทับใจ +17.2% Q-Q, +73.1% Y-Y ดีกว่าคาดมาก แม้ NPL จะเพิ่มเป็น 6.1% จาก 5.7% ใน 1Q16 ไม่น่ากังวล เพราะเกิดจากการชั้นหนี้ในสินเชื่อในธุรกิจอสังหาฯ แต่ NPL ในธุรกิจเช่าซื้อดีขึ้น เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 18% เป็น +41% Y-Y (เดิมคาด +19% Y-Y) เพราะใน 2H16 จะมีรายได้จากการขาย KK Trade และจากการเป็นที่ปรึกษาการเงิน TFF ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 61 บาทจาก 48 บาท และคาดปันผลระหว่างกาล 1 บาท/หุ้น (Yield 2%) แนะนำซื้อ
(-) THANI กำไร 2Q16 ไม่เซอร์ไพร้ส์ +3% Q-Q, +13% Y-Y ส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ทำให้กำไร 1H16 เป็น 51% ของกำไรทั้งปีที่เราคาด คงราคาพื้นฐาน 4.46 บาท ราคาหุ้นเกินมูลค่าแล้ว ลดคำแนะนำเป็นขายทำกำไร จากเดิมซื้อ
(+) TACC แนวโน้มกำไร 2Q16 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เราคาด +12.5% Q-Q, +17.4% Y-Y จากการเพิ่มขึ้นของร้าน All Café ยอดขายที่ดีของเครื่องดื่มโถกด และการส่งออกชาเขียวไปกัมพูชาที่โดดเด่น แนวโน้ม 2H16 จะดีขึ้นและมี upside จากสินค้าใหม่ เรามีแนวโน้มปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้นจากที่คาด +75% Y-Y แนะนำซื้อเก็งกำไร
(+) CPALL แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q16 ทรงตัว Q-Q ตามฤดูกาล แต่คาดโตดี +28.5% Y-Y จากธุรกิจ 7-11 ที่ทำได้ดี แนวโน้มกำไร 2H16 ดีกว่าครึ่งปีแรกเพราะเป็น High season เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +14.8% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 60 บาท
(+) TOP เราคาดกำไรสุทธิ 2Q16 +48% Q-Q, +12% Y-Y จาก Stock gain ถึง 3.7 พันล้านบาท แต่กำไรปกติชะลอเพราะ GRM ลดลงแต่ downside หลังจากนี้จำกัด ราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับลงมาสะท้อนค่าการกลั่นแล้ว แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 70 บาท
(+) PT แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q16 สดใส เราคาด +10% Q-Q, +140% Y-Y แนวโน้ม 2H16 โดดเด่นเพราะ high season และได้ประโยชน์จากการลงทุนรองรับระบบ Prompt Pay ปัจจุบันมี PE 10 เท่า ต่ำสุดในกลุ่ม แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 13.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ก.ค. - ไทย:ยอดรถ (มิ.ย.)
21 ก.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- สหรัฐ:ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ยอดขายบ้านเก่า (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: ECBประชุม
22 ก.ค. - ไทย:กกพ.ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ก.ค.)
24 ก.ค. - ไทย: ดุลการค้า (มิ.ย.)
26-27 ก.ค. - สหรัฐ: FOMCประชุม
26 ก.ค. - เกาหลีใต้: 2Q16 GDP
- สหรัฐ:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.),ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.), ดัชนีราคาบ้าน S&P/CaseShiller Index (พ.ค.)
27 ก.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มิ.ย.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้อีกเล็กน้อยจากตัวเลขการสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯที่พุ่งสูงสุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมออกมาค่อนข้างน่าพอใจ
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบหลังดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีจากความกังวลเรื่องผลกระทบของ Brexit
(0) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นที่เริ่มมีการปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุม ECB และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
(0) ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าเล็กน้อยหลังจากแข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างเร็วในสัปดาห์ก่อน ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.98-35.08 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.59 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.65 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามเริ่มพลิกกลับมาบวกได้เช้านี้หลังมีรายงานว่าต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,332.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นยุโรปร่วงต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch