- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 July 2014 14:38
- Hits: 2266
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐาน แต่ยังไม่หลุดแนว 1,515-1,520 จุด ปิดที่ 1,520.81 จุด ลบ 17.74 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 68,573 ล้านบาท โดยมี Big Lot รายการหลัก ได้แก่ TRUEIF 314 ล้านบาท, TRUE 207 ล้านบาทแ ละ AQUA 175 ล้านบาท
เป็นที่น่าสนใจว่า เงินทุนต่างชาติกลับเข้าลงทุนในไทยหนาแน่นทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 11 อีก 1,716 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures 4,465 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 18 มากถึง 23,635 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าราว 4-5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
หลัง SET INDEX ปรับฐานสู่แนว 1,515-1,520 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้ โดยกองทุนภายในประเทศขายสุทธิกว่า 2.0 พันล้านบาท อาจเป็นการปิดกองทุน Trigger Fund บางแห่ง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง ในมุมมองของ MBKET กลับเป็นบวกต่อการปรับฐาน SET INDEX วานนี้ และประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยรอบนี้มีโอกาสดีดตัวทะลุ 1,550 จุด สู่ด่านถัดไป 1,580-1,600 จุด ผลักดันโดยเงินทุนต่างชาติที่สนใจการลงทุนในหุ้นหลักของไทย บวกกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จะทยอยขึ้น XD เดือน ส.ค.-ก.ย.
ด้านการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอินโดนีเซีย พบว่า นาย Widodo ครองเสียงข้างมาก 53.15% เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองอีกประเทศในเอเชีย จับตาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่นาย Widodo ต้องการเน้นการลงทุน Infrastructure เช่นเดียวกับนาย Modi ผู้นำอินเดีย และ คสช. ของไทย
เมื่อ SET INDEX เกิดการปรับฐาน MBKET คาด SET INDEX วันนี้จะแกว่งในกรอบแคบ 1,515 – 1,530 จุด นักลงทุนอาจ “ทยอยสะสมหุ้นหลัก” ที่ผลการดำเนินงานใน 2Q57 เติบโตโดดเด่น ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC / INTUCH / DTAC ยังไม่น่าสนใจลงทุน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาแล้ว และทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงขึ้นก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” BLAND / SAMART
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Accumulative Buy: BLAND/ SAMART
Technical View
แนวรับ 1515 / 1510 จุด แนวต้าน 1530 จุด ถอยลึกลงมาบริเวณแนวรับ มีสิทธิเกิดแรงดีดตัว
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐาน แต่ไม่หลุด 1,515-1,520 จุด
ปรับเพิ่มมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” หลัง SET INDEX ปรับฐานย่อยวานนี้
กลยุทธ์ ทยอยเข้าสะสมหุ้นหลัก
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ HSKI ปิดบวกเด่น 1.69% ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ปิดลบทุกตลาด จากประเด็นภายในของแต่ละตลาด
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดไต่ระดับขึ้นต่อ แต่ยังไม่ผ่านด่าน 1,545 จุด ก่อนเกิดแรงขายหนักในหุ้นหลักกลุ่ม ICT นำโดย TRUE และ ADVANC ทำให้เสียบรรยากาศการลงทุน อีกทั้งตลาดหุ้นใน TIP ปรับตัวลงทุกตลาด กดดันให้เกิดจิตวิทยาเชิงลบ หุ้นหลักอื่น PTT/ SCCC / KBANK / AOT ปรับฐานลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม SET INDEX ย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 1,515-1,520 จุดที่ให้ไว้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,520.81 จุด ลบ 17.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 68,573 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดลบแรงสุดได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -2.93%, กลุ่ม ICT -2.61% และกลุ่มขนส่ง -2.19% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.29%, กลุ่มพลังงาน -1.10% และกลุ่มอสังหาฯ -1.02%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อยเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า และสอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ที่ปิดฟื้นตัวเล็กน้อยเช่นกัน
MBKET ขยับมุมมองการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” วันแรกในรอบ 6 วันทำการ จากเดิมที่ “กลาง” หลัง SET INDEX ปรับฐานลงสู่แนว 1,515-1,520 จุด วานนี้ ซึ่งทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง และเชื่อว่าเป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ ส่งผลให้ SET INDEX ในรอบนี้ มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นทดสอบด่าน 1,550 จุด และทะลุสู่แนวต้านสำคัญด้านจิตวิทยาการลงทุน 1,600 จุดในรอบนี้ เพียงแต่ในช่วงสั้น SET INDEX มีโอกาสแกว่งออกด้านข้างหรือ Sideways เพื่อสร้างฐานการดีดตัวขึ้นอีกระลอก
ปัจจัยที่เป็นตัวผลักดัน SET INDEX ในระลอกใหม่ ในมุมมองของ MBKET ได้แก่
•กระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงหนาแน่นในการลงทุนตลาดหุ้นไทย และการกลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures วานนี้ ย่อมสะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจใน 2H57 ของไทย บวกกับ การเข้าสู่เทศกาลเงินปันผลระหว่างกาลอีกครั้งของตลาดหุ้นไทย
•การประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับ ชั่วคราว ทำให้การเมืองของไทยในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ เป็นบวกมากขึ้น ในแง่ของการบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
•ติดตามผลการดำเนินงานใน 2Q57 ถึงโอกาสการปรับประมาณการกำไรในปีนี้ และ ปีหน้าขึ้น มีมากน้อยเพียงใด เพราะจะเป็นตัวแปรเชิงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการผลักดัน SET INDEX ในรอบนี้
ขณะที่ แนวรับของ SET INDEX รอบนี้ บริเวณ 1,515-1,520 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เพราะปัจจัยพื้นฐานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ณ ปัจจุบัน ค่อนข้างนิ่ง จึงยังไม่มีเหตุให้ SET INDEX จะปรับฐานลงแรงๆ ได้ แต่แน่นอนว่า ภาพของความผันผวนระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสั้น
ปัจจัยพื้นฐานต่อการลงทุนที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายด้านเศรษฐกิจจากทาง คสช. ซึ่งช่วยจำกัด Downside Risk ของ SET INDEX ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
•รายละเอียดของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว คสช. จะประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้
•การจัดตั้งสภาปฎิรูป และ การจัดตั้งรัฐบาล พร้อมนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในเดือนส.ค. หรือ ต้นเดือนก.ย. เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการปฎิรูป และการบริหารประเทศในช่วงการเตรียมความพร้อม
•รายละเอียดของ Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานในเดือนส.ค.
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ MBKET แนะนำให้ “ทยอยสะสมหุ้นหลัก หลังราคาหุ้นปรับฐานลงโดยปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง” หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q57 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq ได้แก่ SIM, SAMART, GFPT, TUF, SPCG, KCE, PTTEP, EGCO, HMPRO
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามรายละเอียดรัฐธรรมนูญชั่วคราว: วันนี้ คสช. เตรียมเปิดเผย รายละเอียดของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว คาดว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้ดีขึ้น
2.การเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เปลี่ยนขั้วอำนาจ: นาย Widodo ได้คะแนนเสียง 53.15% ซึ่งเป็นคะแนนอย่างเป็นทางการ แม้ว่านาย Prabowo ประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้งดังกล่าวในช่วงบ่ายวานนี้ก็ตาม แต่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีถือว่ามีผลบังคับใช้ ซึ่ง นาย Widodo จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี ของอินโดนีเซียต่อไป และถือเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง อีกประเทศ ในเอเชีย หลังเกิดขึ้นในอินเดียใน ช่วงกลางปีที่ผ่านมา
3.ค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นสัญญาณบวกต่อเงินทุนต่างชาติ: เพราะหากพิจารณาจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ 80.78 จุด ใกล้เคียงกับช่วงกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในหลักการทางทฤษฎี ค่าเงินบาทควรอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในทางปฎิบัติ ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง วานนี้ ปิดที่ 31.741 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมา โดยเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้น / ตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างหนาแน่น
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อทิศทางค่าเงินบาท ทั้งนี้นักลงทุนอาจใช้ทิศทางค่าเงินบาทเป็นตัวช่วยในการประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หากราคาหุ้นหลักทรงตัวถึงขยับขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ย่อมส่งสัญญาณเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง MBKET เชื่อว่าประเด็นนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทะลุ 1,550 จุดสู่ด่านสำคัญทางจิตวิทยาการลงทุน 1,600 จุดในรอบใหม่นี้
4.คาดกลุ่ม Set-top-Box เด่นวันนี้: วันพรุ่งนี้ กสทช. จะพิจารณากรอบการแจกคูปองเพื่อรับกล่องสัญญาณทีวีดิจิตอล หลัง สิ้นสุดการทำประชาพิจารณ์ไปก่อนหน้านี้ MBKET คาด กสทช.จะกำหนดคูปองที่ 1,000 บาทเช่นเดิม เพียงแต่รายละเอียดของการแจกคูปอง จะมีความชัดเจนในแต่ละเฟส แต่ละพื้นที่อย่างไร
MBKET ประเมินว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ จะมีแรงเก็งกำไรเด่นในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ซึ่ง SAMART เป็น Top Pick ในหุ้นกลุ่มนี้ของเรา
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 14.96 13.05 15.02 13.16
PSE 12.32 16.75 19.35 16.76
JSE 16.46 14.01 16.60 14.13
KOSPI 10.34 9.00 10.28 8.96
TAIEX 15.54 14.24 15.45 14.14
Straits Time 14.62 13.38 14.61 13.37
SHCOMP 8.24 7.29 8.16 7.21
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SAMART : ราคาปิด 21.80 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)กสทช. จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) เพื่อสรุปราคาคูปองทีวีดิจิตอล หลังเสร็จสิ้นการทำประชาพิจารณ์แล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เห็นว่าราคาที่ 1,000 บาทเป็นราคาที่เหมาสม โดยขั้นตอนต่อไปคือเสนอเรื่องให้ คสช.ภายในสิ้นเดือน ก.ค. และคาดว่าจะแจกคูปองได้ภายใน 15 ก.ย.
b)SAMART ได้ประโยชน์โดยตรงจากความคืบหน้าของคูปองทีวีดิจิตอล เนื่องจากเป็นผู้จำหน่าย Set Top Box รายใหญ่ของประเทศ และจะเป็นแรงผลักดันผลประกอบการใน 2H57 ให้เติบโตจากครึ่งปีแรก
c)คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 405-410 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากแรงหนุนของธุรกิจจำหน่ายมือถือของ SIM ที่คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่เช่นกัน จากยอดขาย DTV Smartphone และธุรกิจ MVNO มีผลขาดทุนลดลงต่อเนื่อง
d)มี Valuation ที่ยังค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15.0 เท่า และเชื่อว่าการเลื่อนประมูล 4G จะส่งผลให้หุ้นหลักในกลุ่มมือถือมีความน่าสนใจลดลง และอาจส่งผลบวกให้กองทุนในประเทศกระจายเงินเข้าสู่หุ้นตัวอื่นในกลุ่มสื่อสาร
e)และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์ปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดป็น Dividend Yield 4.6%
2.BLAND : ราคาปิด 2.10 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a)ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง -5.4% จากแรงขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้น BLAND ปรับตัวขึ้นถึง +23.5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และ Sentiment เชิงลบตามการปรับฐานของ SET INDEX
b)MBKET ประเมินว่าเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสม เนื่องจากราคาหุ้นมี Catalyst รออยู่ ได้แก่
1.จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 ก.ค. เพื่อขออนุมัติการทำหุ้นทุนซื้อคืน หรือ Treasury Stock สัดส่วน 10% ของทุนชำระแล้ว (หรือเทียบเท่าราว 2,000 ล้านหุ้น) และตั้งเป้าวงเงินซื้อคืนที่ 5,000 ล้านบาท
2.คาดการจัดตั้งกอง IMPACT REIT จะเกิดขึ้นใน 3Q57 เพื่อปลดล็อก Asset Value และส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการ
c)เบื้องต้นคาดว่ากองทุน IMPACT REIT จะมีขนาดกองทุนราว 20,000 ล้านบาท และ BLAND จะถือหุ้นในสัดส่วน 50% ดังนั้น คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินสดสุทธิหลังภาษีราว 8-9 พันล้านบาท และมีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองทุนราว 2.5 – 2.8 พันล้านบาท
d)ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (BV) ณ สิ้นสุดรอบบัญชี 2556/2557 ที่ 2.31 บาทต่อหุ้น และการบันทึกกำไรพิเศษทั้งจากการจัดตั้งกองทุน REIT และหุ้นกู้หมดอายุ ในปี 2557/2558 จะส่งผลบวกโดยตรงให้ BV ปรับตัวขึ้นอีก ดังนั้น จึงเชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันยัง Undervalue
*** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีธุรกิจกับบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND)
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิ US$409 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเล็กน้อย US$4 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 231.2 -2.1 11,075.5 9,188.0
KOSPI 135.9 n.a 5,136.3 4,875.1
JSE 0.5 -2.0 4,862.4 -1,806.4
PSE -13.9 -17.9 1,029.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.8 0.6 290.0 263.2
SET INDEX 53.8 17.4 -664.1 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธืทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่11 มากถึง 1,716 ล้านบาท รวม 11 วันทำการซื้อสุทธิ 16,015 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลื 22,267 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 4,465 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ short ที่เหลือบางส่วนจากวานนี้ และกลับมามีสถานะ Long สุทธิ กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 5.62 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.45 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short เป็นวันที่ 2 อีก 813 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 1,040 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อราคาทองคำกลับมาแกว่งบริเวณ US$1,310+/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 18 เร่งขึ้นเป็น 23,635 ล้านบาท รวม 18 วันทำการ ซื้อสุทธิมากถึง 140,177 ล้านบาท โดยซื้อกระจุกตัวในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 3.26bps ปิดที่ 3.599%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 947 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 736 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
INTUCH 159.63 7.30% 69.86
ADVANC 131.82 2.93% 210.00
ITD 116.61 5.52% 5.46
KTB 92.48 4.16% 22.04
CK 71.82 2.58% 22.52
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 21 เน้นซื้อกลุ่มธนาคาร และลดน้ำหนักกลุ่ม ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 21 มากถึง 2,002 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 10 ล้านบาท รวม 21 วันทำการ ซื้อสุทธิ 36,169 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 1,627 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 460 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 569 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 228 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 132 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 103 ล้านบาท
2.กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 741 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 670 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 74 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 1,122.04 40.77 ADVANC -767.83 12.12
PTT 312.52 15.33 KTB -180.65 7.13
TMB 277.21 12.74 INTUCH -119.37 7.43
SCC 237.17 25.65 AOT -93.39 16.56
KBANK 199.06 33.08 LH -59.30 14.48
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong