- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 July 2016 18:26
- Hits: 1307
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวแข็งแกร่ง ขณะที่สภาพคล่องทางการเงินทั่วโลกยังคงส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำตลอดปีนี้ ในขณะนี้ธนาคารกลางที่ใหญ่ของโลกหลายแห่ง ได้แก่ ธนาคารกลางกลุ่มประเทศยุโรป (ECB) ธนาคารและกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่าจะออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการลงทุนทางธุรกิจและการบริโภคภายในประเทศเพื่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้กับ 1500 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้น อาทิเช่น การใช้จ่ายในผู้บริโภค การลงทุนโครงสร้างทางพื้นฐานของภาครัฐ และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลอยู่ในทิศทางเชิงบวก เราคาดว่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีไปจนกระทั่งอย่างน้อยการประกาศกำไรไตรมาส 2 ในช่วงปลายเดือนก.ค.-กลางส.ค.และคาดจะเห็นกำไรฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะซื้อขายที่ระดับค่าพีอี (PER) ที่สูงขึ้น 16-16.5 เท่าแม้ว่าค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยจะใกล้เคียงกับระดับสูงสุด 16 เท่า แต่ในภาวะที่มีการคาดการณ์ว่ากำไรและเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวนั่นหมายถึงหุ้นไทยจะถูกขายทำกำไรในกรอบที่จำกัด สภาพคล่องที่สูงขึ้นจะยังหนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวได้ดีต่อไปจากปัจจุบันสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าดัชนียังคงมีแนวโน้มขาขึ้นเนื่องจากเหตุผล:
1.กระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาค พบว่า Fund flow ได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รูปแบบในอดีตเรามักจะเห็นการไหลเข้าของกระแสเงินลงทุนต่อเนื่อง
2.เราคาดว่าตลาดจะขึ้นไปแตะระดับ PER ในปี 2559 ที่ 16-16.5 เท่า ซึ่งหมายถึงเมื่อดัชนีปรับขึ้นไปที่ 1487-1533 จุดสภาพคล่องที่สูงขึ้นจะยังหนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวได้ดีต่อไป
3.การปรับขึ้นของตลาดสัญญาณทางเทคนิคจะให้แนวต้านบริเวณ 1530 จุด (Fibonacci ratio 78.6%)
4.นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลรักษาการจะช่วยผลักดันโครงการสาธารณูปโภคภายในประเทศและความหวังที่คาดว่าเศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะมีการฟื้นตัว
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) TVO ปัจจัยพื้นฐานของถั่วเหลืองยังคงเป็นไปในเชิงบวกและยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องต่อไปตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2559 จนถึงปี 2560 เนื่องจากสต็อกคงเหลือทั่วโลกที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงไปอีกและผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญ่าที่จะมีมากขึ้นในช่วงเดือนต.ค. 2559 จนถึงมี.ค. 2560 เราจึงเชื่อว่าราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
(+) KCE เรากลับมาให้คำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 99 บาท (P/E +1 SD จากค่าเฉลี่ย) เราคิดว่าราคาของหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาโดยตลอดมีโอกาสที่จะปรับตัวได้ต่อและทำจุดสูงสุดใหม่ สอดคล้องกับตัวผลกำไรในสองไตรมาสต่อจากนี้ (ไตรมาส 2/59 และ 3/59) ที่คาดการณ์ว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยไตรมาส 2/59 เราคาดโรงงานใหม่ที่ลาดกระบังจะดำเนินงานได้เต็มอัตรากำลังการผลิต (2 เฟส) และ ไตรมาส 3/59 จะเริ่มดำเนินการในเฟส 3 ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงฤดูกาลยอดสั่งซื้อที่จะเข้ามา ทำให้ไตรมาส 3/59 กำไรคงจะทำจุดสูงสุดสำหรับปีและจุดสูงสุดตลอดกาล เรามองว่าเทรนด์ของสินค้าหลักของ KCE (70% PCBs ในรถยนตร์) อยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากในทุกวันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกนำมาปรับใช้มากขึ้นกับรถยนตร์ และเทรนด์ลูกใหญ่ที่จะเข้ามาคือในส่วนของ รถยนตร์ไฟฟ้า และ รถยนตร์ไร้คนขับ ซึ่งนั่นหมายถึง ความต้องการชิ้นส่วน PCBs ที่จะมากขึ้น เรามองว่าทั้งด้านกำลังการผลิตและความแข็งแกร่งด้านอุปสงค์ของสินค้าจะทำให้ KCE จะสามารถเติบโตที่ CAGR 2558-61 ได้ 24% และสำหรับปีนี้เราคาดกำไรหลักจะสามารถเติบโตได้ถึง 38% YoY
(+) กลุ่มบ้าน คาดกำไรรวมของกลุ่มใน 2Q16 จะ 11% YoY และ 11% QoQ (ซึ่งดีกว่าที่เราคาดก่อนหน้านี้ว่าจะทรงตัว QoQ) โดย ANAN และ SC จะมีผลกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดทั้ง YoY และ QoQ และภาพ presales LH และ PS โดดเด่นสุดและมีปันผลระหว่างกาลเยอะที่สุด เราคาดหลังจากประกาศงบฯ 2Q16 บริษัทจะประกาศปันผลระหว่างกาลดังนี้ LH ที่ 0.25 บาท (a 5.1% annualized yield), PS ที่ 0.65 บาท (4.9%), SPALI ที่ 0.6 บาท (4.8%), LPN ที่ 0.3 บาท (4.5%), QH ที่ 0.06 บาท (4.5%) และ ANAN ที่ 0.07 บาท (3.2%) แนะนำ top picks ตัวใหญ่ LH, ANAN, และ SIRI (ต่ำ book)
(+) SCC คาดกำไร 2Q16 ที่ 13,300 ล้านบาท ลดลง 4% YoY และ 3% QoQ กำไรที่ลดลงเกิดจากส่วนต่างกำไรกลุ่ม chemical ที่แคบลง นอกจากนี้เราคาดกำไรครึ่งปีหลังจะน้อยกว่าครึ่งปีแรกเพราะส่วงต่างกำไรกลุ่มเคมีที่ยังไม่ดีขึ้น แต่สำหรับภาพระยะยาวการเติบโตใน ASEAN ยังคงแข็งแกร่ง และด้วย P/E ที 12.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 12.9 เท่า เรามองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนกำไรที่อ่อนตัวไปแล้ว แนะนำสะสมซื้อ สำหรับการลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมาย 580 บาท
(+) มอร์แกนสแตรเลย์ คาดว่ากระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ emerging market เพิ่มเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เนื่องจากสภาพคล่องในระบบการเงินที่มีอยู่มาก แนวโน้มเศรษฐกิจในบางประเทศเริ่มฟื้นตัวและน่าจะได้ประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค
รายงานวันนี้
หุ้น: SCC คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 580.00
เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2559 ที่ 580 บาท
คาดกำไรธุรกิจซีเมนต์ยังคงหดตัว
กำไรธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2/59
เรามองกำไรครึ่งหลังปี 2559 จะอ่อนตัวลงกว่าในครึ่งปีแรก
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: KCE คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 99.00
เราเชื่อว่ามูลค่าหุ้น KCE มีแนวโน้มปรับตัวอย่างต่อเนื่องจากกำไรที่มีแนวโน้มแตะจุดสูงสุดในอีกสองไตรมาสข้างหน้า
โรงงานใหม่และสินค้าที่แข็งแกร่งหนุนการเติบโตระยะยาว
คาดผลกระทบจาก Brexit จำกัด
เราเริ่มให้คำแนะนำ "ซื้อ"
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: นภนต์ ใจแสน
หุ้น: TVO คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 32.50
เรายังคงแนะนำ "ซื้อ"
ตัวเลขสต็อกปลายงวดในเดือนก.ค.ปี 2559/60 ยังคงดูดี MoM
ปรากฏการณ์ลานีน่าช่วงไตรมาส 4/59 ถึงปี 2560 จะส่งผลให้สต็อกถั่วเหลืองทั่วโลกหดตัวลง และราคาถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้น
TVO น่าจะได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างราคาและมีอัตรากำไรที่ดีขึ้นในช่วงราคาถั่วเหลืองขาขึ้น
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
กลุ่ม: พัฒนาอสังหาริมทรัพย์(ที่อยู่อาศัย) คำแนะนำ: เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ราคาเป้าหมาย (บาท): -
คาดจะเห็นยอดจองซื้อและกำไรของบริษัทในกลุ่มอสังหาฯฟื้นตัวในไตรมาส 2/59 โดย LH และ PS จะมียอดจองซื้อที่โดดเด่นที่สุด พร้อมมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลกลางปีสูงสุด ในขณะที่ ANAN และ SC มีผลกำไรไตรมาส 2/59 โดดเด่นสุด
9 บริษัทที่เราให้คำแนะนำ พบว่า ยอดจองซื้อดีขึ้น 12% QoQ หนุนโดยคอนโดมาก และแนวราบยืนทรงตัวดีได้
มองกำไรหลักรวมในไตรมาส 2/59 โต 11% YoY และ 11% QoQ สูงกว่าประมาณการก่อนหน้า
บริษัทในกลุ่มอสังหาฯจะรายงานอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกลางปีน่าดึงดูด หลังประกาศงบไตรมาส 2/59
คาดยอดจองซื้อเติบโตในไตรมาส 3/59 แต่ไตรมาส 4/59 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรดีที่สุดในปีนี้
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
Technical Analysis
Security: BBL
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 176
Stop loss: < 168
Reason: ปริมาณหุ้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นรอบใหม่ ทะลุต้าน 168 บ. แนะนำซื้อเพิ่ม
Security: SCC
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 496
Stop loss: < 478
Reason: ในอดีตหุ้นพักตัวอยู่ในกรอบจนถึงจุดเปลี่ยนเมื่อราคาทะลุแนวต้านกรอบบนที่ 480 บ. ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้น
Security: EA
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 23
Stop loss: < 21.4
Reason: เราแนะนำเพิ่มหุ้น EA เข้าพอร์ต เนื่องจากราคายังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนักมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แนวรับบริเวณ 21 เป็นจุดที่ราคาฟื้นตัวขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยมีแนวต้านที่ 23
Security: AUCT
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 8.5-9
Stop loss: < 7.2
Reason: ราคาปิดเริ่มขยับขึ้น พร้อมกับวอลุ่มที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ อาจเป็นจุดกลับตัวในรอบระยะสั้น หนุนด้วย MACD >0
Security: TCAP
Position: ขาย
Reason: ประเมินความเสี่ยงจากราคาหุ้นปัจจุบันปิดต่ำทดสอบยอดบริเวณสำคัญ 39 และยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ ขณะที่ค่า RSI>70 บ่งชี้ถึงภาวะความผันผวน
Security: AP
Position: ขาย
Reason: หุ้นเริ่มปรับลง ไม่ผ่านจุดต้าน
ต้านสำคัญบริเวณ 7.5 ขณะที่ RSI บ่งชี้ถึงแนวโน้มของโมเมนตัมหุ้นลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง น่าจะส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นได้ยากอยู่ในช่วงปลายทางขาขึ้น