- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 July 2016 16:35
- Hits: 676
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1480
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1477.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 76,144 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1480 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ในระยะสั้นยังคงมีแรงขายทำกำไรที่บริเวณ 1480 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1480 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านระดับ 1480 จุด เพื่อขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 และ 1530 จุด น่าจะรอความชัดเจนของการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ๆ ในสัปดาห์หน้า โดยมีแนวรับที่ 1470 และ 1460 จุดเป็นจังหวะเข้าซื้อ
กลยุทธ์ : SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1480 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1500 และ 1530 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เราคาดว่า น่าจะรอความชัดเจนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1460 จุด
Asia Fund Flow : 13 กรกฎาคม 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 6 ล้านเหรียญ (14 ก.ค.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 324 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 66 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 52 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 129 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
TRUE แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.00 เป้าหมาย 9.60 แนวรับสำคัญ 8.60 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 8.20 8.80 / 8.60** 9.00 / 9.10
BDMS สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 22.00 แนวต้าน 23.00-23.20 22.50 / 22.00 22.80 / 23.00
JAS สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 5.50-5.60 แนวรับ 5.20 5.30 / 5.20 5.50 / 5.60
ADVANC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 175 และ 180 169 / 167 172 / 174
BANPU เคลื่อนไหวในกรอบ 16.00-17.00 16.20 / 16.00 16.80 / 17.00
BEM สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.20 และ 7.50 แนวรับ 6.80 6.90 / 6.80 7.10 / 7.20
IVL เคลื่อนไหวในกรอบ แนวรับ 30.00 แนวต้าน 31.00 30.00 / 29.50 31.00 / 31.50
BWG ทดสอบแนวต้านที่ 2.80 ถ้าไม่ผ่านมีโอกาสลงทดสอบ 2.50 แนวต้านถัดไป 2.90 2.70 / 2.60 2.80 / 2.90
SCC สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 494 และ 500 484 / 480 494 / 500
ITD สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.00 แนวต้านสำคัญ 7.30 6.80 / 6.70 6.90 / 7.00
Christiani & Nielsen (Thai) (CNT TB; THB 4.10) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.26-4.30 และ 4.70
แนวรับ : 4.10 และ 4.06
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างในรูปแบบสามเหลี่ยม ล่าสุดสามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ CNT โดยมีแนวรับที่ 4.10 และ 4.06 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.26-4.30 และ 4.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.94 ลงไป
SPCG (SPCG TB; THB 21.80) – ซื้อ
แนวต้าน : 22.50 และ 23.00
แนวรับ : 21.80 และ 21.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากฟื้นตัวเหนือจุดต่ำสุดเดิมขึ้นมาได้ ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณการทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ SPCG โดยมีแนวรับที่ 21.80 และ 21.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 22.50 และ 23.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 21.40 ลงไป
Top Trading Picks follow up แนวรับ แนวต้าน
ADVANC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 175 และ 180 169 / 167 172 / 174
TWPC ซื้อที่แนวรับ 8.25-8.30 หลังจากทดสอบแนวต้านที่ 8.70 แนวต้านสำคัญ 9.00 8.30 / 8.25 8.60 / 8.70
SCC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 494 และ 500 484 / 482 494 / 500
SAPPE แนวโน้มขึ้นทดสอบ 23.00 และ 23.50 แนวรับสำคัญ 20.50 21.50 / 21.00 22.00 / 23.00
STEC สัญญาณซื้อ แนวต้านระยะสั้น 25.50 แนวต้านถัดไป 27.00 25.00 / 24.80 25.50 / 26.00
CBG ทดสอบแนวต้านที่ 55.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 56.50 54.00 / 53.50 55.00 / 56.00
STPI สัญญาณฟื้นตัวยังแข็งแกร่ง แนวโน้มขึ้นทดสอบ 11.00 และ 11.40 10.50 / 10.30 10.80 / 11.00
SYNTEC สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 3.20 และ 3.40 แนวรับสำคัญ 2.96 3.10 / 3.06 3.20 / 3.28
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...โพลส์สำรวจมองครึ่งปีหลังตลาดหุ้นหลักจะอ่อนตัวลง
การพุ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ มาจาก 1. คาดรัฐบาลอังกฤษและกลุ่มยูโร จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(โดยเฉพาะการประชุม BoE ในวันนี้ที่ตลาดคาดจะลดดอกเบี้ยที่ 0.25%) 2. คาด FED จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงสั้นๆนี้ และ 3. ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนจากเงินปันผลเทียบอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล ห่างกันในรอบมากกว่า 50 ปี
ประเด็นที่สำคัญของการลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ คือ ผลตอบแทนระหว่างเงินปันผล (สูง)กับพันธบัตรรัฐบาล (ต่ำใกล้ศูนย์หรือติดลบ) ห่างกันมาก หลังอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก กำลังติดลบ ส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นน่าสนใจ หากไปดูในตลาดหุ้นสหรัฐผ่านดัชนี S&P 500 โดยดูจำนวนหุ้นในดัชนี S&p 500 ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าพันธบัตร 10 ปีรัฐบาลสหรัฐ จะพบว่ามีมากเกือบ 350 บริษัทถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ สะท้อนเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมหาศาล ภาพดังกล่าวจะยังดีต่อหรือไม่ เราอาจจะต้องไปดูโพลส์สำรวจทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกในครึ่งปีหลังว่าเป็นอย่างไร ?
โพลส์สำรวจล่าสุดจากนักวิเคราะห์มากกว่า 250 คนทั้งโบรกเกอร์และผู้จัดการกองทุน ทั่วโลก ระหว่างวันที่ 27 มิ.ย. ถึง 11 ก.ค.ของ Thomson Reuters ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบในปัจจุบัน (ก.ค.) เทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมาคือเดือน เม.ย. เราจะพบว่าการปรับขึ้นดัชนีเป้าหมายของตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลกในเดือน ก.ค. จะลดลงเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. โดยมีตลาดเดียวที่โพลส์ ออกมาบอกว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือน เม.ย. คือตลาดหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่อีก 10 ตลาด โพลส์สำรวจออกมาบอกว่าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวลง รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ
โพลส์สำรวจดังกล่าว ไม่นับรวมตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกว่าเป็นอย่างไร แต่หากมองตามตรรกะการลงทุน ในช่วงที่ตลาดหุ้นหลักๆไปไม่ไหว ตลาดหุ้นเกิดใหม่ไม่น่าจะสวนทางได้ จนกว่าจะเห็นว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วไปไม่ไหวจริงๆ หรือมองตลาดหุ้นเกิดใหม่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เม็ดเงินก็อาจไหลเข้ามายังตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ ซึ่งประเด็นตรงนี้น่าจะยังต้องใช้เวลา อย่าง Citigroup มองว่าจะเกิดในช่วง 18 เดือนข้างหน้า
ตลาดหุ้นไทยเอง ภาพการลงทุนโดยรวมถือว่ายังไม่มีอะไรในด้านลบ แต่ในส่วนของการประเมินตลาด (Valuation) พบว่าตลาดเริ่มแพง ทั้งในแง่พื้นฐานและข้อจำกัดทางเทคนิค ด้านพื้นฐาน อัตราการทำกำไรของตลาดยังไม่สูงพอ ขณะที่ส่วนต่างระหว่างค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของไทยสูงกว่าภูมิภาคในรอบ 15 ปี (รูปด้านขวา) ส่วนในทางเทคนิค ตลาดกำลังขึ้นไปเล่นที่ค่า +2SD ตลาดอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไปและอาจเกิดแรงกดจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน วันนี้มองดัชนี SET จะเริ่มผันผวนหลังดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคเริ่มไปไม่ไหว โดยแรงกดดันวันนี้จะมาจากแรงขายหุ้นพลังงานใหญ่ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1482-1486 ส่วนแนวรับที่ 1470-1465 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CHG MAJOR และ MINT
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: การพุ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ มาจาก 1. คาดรัฐบาลอังกฤษและกลุ่มยูโร จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(โดยเฉพาะการประชุม BoE ในวันนี้ที่ตลาดคาดจะลดดอกเบี้ยที่ 0.25%) 2. คาด FED จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงสั้นๆนี้ และ 3. ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนจากเงินปันผลเทียบอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล ห่างกันในรอบมากกว่า 50 ปี ตลาดหุ้นไทยเอง ภาพการลงทุนโดยรวมถือว่ายังไม่มีอะไรในด้านลบ แต่ในส่วนของการประเมินตลาด (Valuation) พบว่าตลาดเริ่มแพง ทั้งในแง่พื้นฐานและข้อจำกัดทางเทคนิค ด้านพื้นฐาน อัตราการทำกำไรของตลาดยังไม่สูงพอ ขณะที่ส่วนต่างระหว่างค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของไทยสูงกว่าภูมิภาคในรอบ 15 ปี ส่วนในทางเทคนิค ตลาดกำลังขึ้นไปเล่นที่ค่า +2SD ตลาดอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไปและอาจเกิดแรงกดจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน วันนี้มองดัชนี SET จะเริ่มผันผวนหลังดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคเริ่มไปไม่ไหว โดยแรงกดดันวันนี้จะมาจากแรงขายหุ้นพลังงานใหญ่ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1482-1486 ส่วนแนวรับที่ 1470-1465 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CHG MAJOR และ MINT
Themes play :
BDMS : เราแนะนำ ซื้อ BDMS โดยมีราคาเป้าหมายที่ 25.50 บาท หลังจากที่ราคาหุ้นปรับลดลงแรง 3.4% เมื่อวานนี้ เพราะกังวลข่าวที่ว่าโรงพยาบาลเปาโล สาขาพหลโยธิน (1 ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ) จะออกจากระบบประกันสังคมในปี 2017 โดยเราเห็นว่าตลาดกังวลมากเกินไป (เป็นโอกาสซื้อที่ดี) เนื่องจากรายได้ของโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธินคิดเป็นเพียงแค่ 2% ของรายได้รวมของ BDMS (ในขณะที่รายได้จากระบบประกันสังคมรวมโรงพยายามในเครือทั้งหมดคิดเป็นเพียงแค่ 3% ของรายได้รวมของ BDMS) และการที่ออกจากระบบประกันสังคมก็เพราะว่ามีผู้ป่วยเงินสด (margin ดีกว่า) เพิ่มขึ้นจนไม่จำเป็นต้องพึ่งลูกค้าประกันสังคม ซึ่งเป็นผลบวกกับโรงพยาบาลมากกว่า เราเชื่อว่าการที่ BDMS มีอัตราส่วน EBITDA อยู่ในขาขึ้นอีกทั้งบริษัทได้ผ่านช่วงเวลาขยายกิจการเชิงรุกแล้ว น่าจะทำให้บริษัทมีกำไรเติบโตชัดเจนขึ้น ซึ่งเราประมาณการอยู่ที่ 17-20% ในปี FY16-18 ทั้งนี้ BDMS ยังเป็นหุ้น top pick ของเราในกลุ่ม โดยซื้อขายที่ P/E 32x ในปี FY17 ซึ่งน่าสนใจกว่าคู่แข่งอย่าง BH ที่มี P/E 39x ในปี CY17
ประเด็นในสัปดาห์
15 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Retail Sales Advance MoM เดือนมิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.5%
15 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนมิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ +1.0%
15 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Industrial Production MoM เดือนมิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.4%
Fundamental Stock :
RATCH : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 59 บาท)
Technical Pick:
SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1480 จุด
Christiani & Nielsen (Thai) (CNT TB; THB 4.10) - ซื้อ
SPCG (SPCG TB; THB 21.80) - ซื้อ
SET Index : แนวโน้มทดสอบ 1480
Retail Research Team