WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

SET ขึ้นเร็วต้องระวังผันผวน แม้ถือต่อได้ แต่น่ารอซื้อช่วงอ่อนตัว!!

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งตัวผันผวน หลังจากเปิดบวกต่อเนื่องขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ โดยคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามผลประชุม BOE ในวันที่ 14 ก.ค.อีกครั้งว่าจะมีมาตรการรองรับผลกระทบจาก Brexit อย่างไรบ้าง
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับผลประชุม BOE ในวันนี้ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมในการรับมือกับผลกระทบจาก Brexit แต่ก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ตลาดยุโรปปิดปรับพักตัว ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ก็แกว่งตัวผันผวน ก่อนจะปิดเป็นบวกไปเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เริ่มแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ และบางแห่งมีจังหวะย้อนลบด้วย ประกอบกับเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง หลัง EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาด สะท้อนถึงภาวะอุปทานน้ำมันยังคงสูงมากในสหรัฐ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงพอควร นอกจากนี้ SET จะติดช่วงหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้าด้วย (18-19 ก.ค.) ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ตลาดย้อนลบได้
  กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้เน้นถือหุ้นต่อเนื่องเพื่อลุ้นเป้าหมาย 1500 จุดอยู่ แต่ระยะสั้นตลาดขึ้นมาแรงและเร็วพอควร ทำให้ต้องระวังจังหวะแกว่งผันผวนและอ่อนตัว ดังนั้นถ้าจะซื้อเพิ่มจึงน่ารอช่วง SET ปรับพักไว้ก่อนดีกว่า
  แนวรับ 1475-1470 , 1466-1460 จุด
  แนวต้าน 1480-1483 , 1486-1490 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : DELTA, TACC, THAI(short)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,116ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศนำโดยเกาหลีใต้ US$541ล้าน ไต้หวัน US$324ล้าน และไทย US$129ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่วันนี้อาจชะลอตัวลงตามราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ที่ร่วงลงราว 4% นักลงทุนติดตามผลการประชุม BOE ในวันนี้โดยมีการคาดการณ์ว่า BOE จะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยและ QE เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) Bond yield ของอังกฤษสะท้อนว่า BOE จะลดดอกเบี้ย (ปัจจุบัน 0.5%) และเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์ (QE) เพื่อรับมือกับผลของ Brexit ส่วนค่าเงินเยนยืนเหนือ 104 เยน/ดอลลาร์ สะท้อนตลาดคาด QE จาก BOJ (ประชุม 28-29 ก.ค.) นอกจากนี้ จับตารายงาน Beige Book อัตราเงินเฟ้อ และผู้ขอรับสวัสดิการของสหรัฐในสัปดาห์นี้
(+) TPOLY ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าของ TPCH หากคำนวณตามราคาหุ้นปัจจุบันของ TPCH จะคิดเป็นมูลค่าที่แฝงในหุ้น TPOLY (ถือหุ้นใน TPCH 42.2%) ถึง 5.60 บาท มากกว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ TPOLY จึงคิดว่าเก็งกำไร TPOLY ได้ ประเมินมูลค่าเบื้องต้น 4.2-4.5 บาท
(-) PTTEP เราคาดกำไรสุทธิ 2Q16 -61% Q-Q (+68% Y-Y) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นเกือบ 40% Q-Q ไม่มีผลมากนักเพราะราคาขายถูกถ่วงด้วยราคาก๊าซ (น้ำหนัก 70%) ที่ปรับลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยสูงขึ้น และมีขาดทุนจาก Oil hedging ราว US$100 เหรียญ แนวโน้ม 2H16 ยังถูกกดดันจากราคาขายเฉลี่ยตามแนวโน้มราคาก๊าซที่ลดลงและมีโอกาสขาดทุนจาก Oil hedging เรายังคงราคาพื้นฐาน 80 บาท คงคำแนะนำขายเพราะราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว
(0) SVI เป็นข่าวดีที่บริษัทขจัดปัญหาคอขวดสายการผลิตเสร็จแล้ว และรวม Seidel เต็มไตรมาส ทำให้คาดกำไรสุทธิ 2Q16 +1,359% Q-Q แต่ -65% Y-Y เพราะยังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่และต่ำกว่าปีก่อน ส่วนผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะหักล้างได้กับเงินเคลมประกัน แนวโน้มกำไรจะฟื้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่ 2H16 หลังปัญหาคอขวดหมดไป แต่กำไรปีนี้จะถูกถ่วงด้วยผลประกอบการใน 1H16 เราจึงยังคงราคาพื้นฐาน 5.10 บาท แนะนำถือเพราะ upside จำกัด
(0) TISCO จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เราคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้า และยังคงประมาณการกำไรปีนี้ +18% Y-Y ปีหน้า +6% Y-Y เพราะเชื่อว่า TISCO จะยังคงกันสำรองฯในระดับสูงกว่าความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อต่อไปเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ยังคงราคาพื้นฐาน 52 บาท upside ที่จำกัดทำให้ยังคงแนะนำถือ
(+) บจ.ที่คาดว่าผลประกอบการ 2Q16 จะออกมาดี ได้แก่ ARROW, ASEFA, BEAUTY, FSMART, BIG, MAJOR, MTLS, GL, TK, THANI, TACC, TPCH

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 ก.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: Beige Book
- BOE ประชุม
15 ก.ค. - จีน: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +6.6% Y-Y vs. 1Q16 +6.7% Y-Y)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
12,18-19ก.ค. - ไทย: ต.ล.ท. นำ 21 บจ.เดินสายโรดโชว์ที่สิงคโปร์และสหรัฐ
18-19 ก.ค. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
18 ก.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Marine Day
19 ก.ค. - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (มิ.ย.)

- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
20 ก.ค. - ไทย: ยอดรถ (มิ.ย.)
21 ก.ค. - ยูโรโซน: ECBประชุม

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดบวกได้อีกเล็กน้อย โดยนักลงทุนคาดหวังว่า BoE จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้เพื่อรับมือผลกระทบจาก Brexit อย่างไรก็ตามการซื้อขายค่อนข้างผันผวนโดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดหวังการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก
(0) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมหลังตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นเริ่มชะลอการปรับขึ้น โดยตลาดจับตาดูการประชุม BoE วันนี้
(0) ค่าเงินบาทโดยรวมยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.05-35.25 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 2.05 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,343.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความคาดหวังว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า

Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

 
 
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
SET ขึ้นเร็วต้องระวังผันผวน แม้ถือต่อได้ แต่น่ารอซื้อช่วงอ่อนตัว!!    
    
  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งตัวผันผวน หลังจากเปิดบวกต่อเนื่องขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ โดยคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามผลประชุม BOE ในวันที่ 14 ก.ค.อีกครั้งว่าจะมีมาตรการรองรับผลกระทบจาก Brexit อย่างไรบ้าง    
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับผลประชุม BOE ในวันนี้ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมในการรับมือกับผลกระทบจาก Brexit แต่ก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ตลาดยุโรปปิดปรับพักตัว ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ก็แกว่งตัวผันผวน ก่อนจะปิดเป็นบวกไปเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เริ่มแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ และบางแห่งมีจังหวะย้อนลบด้วย ประกอบกับเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง หลัง EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาด สะท้อนถึงภาวะอุปทานน้ำมันยังคงสูงมากในสหรัฐ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา SET ขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงพอควร นอกจากนี้ SET จะติดช่วงหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้าด้วย (18-19 ก.ค.) ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ตลาดย้อนลบได้    
  กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้เน้นถือหุ้นต่อเนื่องเพื่อลุ้นเป้าหมาย 1500 จุดอยู่ แต่ระยะสั้นตลาดขึ้นมาแรงและเร็วพอควร ทำให้ต้องระวังจังหวะแกว่งผันผวนและอ่อนตัว ดังนั้นถ้าจะซื้อเพิ่มจึงน่ารอช่วง SET ปรับพักไว้ก่อนดีกว่า    
  แนวรับ  1475-1470 , 1466-1460 จุด     
  แนวต้าน  1480-1483 , 1486-1490 จุด    
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : DELTA, TACC, THAI(short)    
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,116ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศนำโดยเกาหลีใต้ US$541ล้าน ไต้หวัน US$324ล้าน และไทย US$129ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่วันนี้อาจชะลอตัวลงตามราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ที่ร่วงลงราว 4% นักลงทุนติดตามผลการประชุม BOE ในวันนี้โดยมีการคาดการณ์ว่า BOE จะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยและ QE เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด     
    
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น        
(+) Bond yield ของอังกฤษสะท้อนว่า BOE จะลดดอกเบี้ย (ปัจจุบัน 0.5%) และเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์ (QE) เพื่อรับมือกับผลของ Brexit ส่วนค่าเงินเยนยืนเหนือ 104 เยน/ดอลลาร์ สะท้อนตลาดคาด QE จาก BOJ (ประชุม 28-29 ก.ค.) นอกจากนี้ จับตารายงาน Beige Book อัตราเงินเฟ้อ และผู้ขอรับสวัสดิการของสหรัฐในสัปดาห์นี้    
(+) TPOLY ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าของ TPCH หากคำนวณตามราคาหุ้นปัจจุบันของ TPCH จะคิดเป็นมูลค่าที่แฝงในหุ้น TPOLY (ถือหุ้นใน TPCH 42.2%) ถึง 5.60 บาท มากกว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ TPOLY จึงคิดว่าเก็งกำไร TPOLY ได้ ประเมินมูลค่าเบื้องต้น 4.2-4.5 บาท        
(-) PTTEP เราคาดกำไรสุทธิ 2Q16 -61% Q-Q (+68% Y-Y) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นเกือบ 40% Q-Q ไม่มีผลมากนักเพราะราคาขายถูกถ่วงด้วยราคาก๊าซ (น้ำหนัก 70%) ที่ปรับลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยสูงขึ้น และมีขาดทุนจาก Oil hedging ราว US$100 เหรียญ แนวโน้ม 2H16 ยังถูกกดดันจากราคาขายเฉลี่ยตามแนวโน้มราคาก๊าซที่ลดลงและมีโอกาสขาดทุนจาก Oil hedging เรายังคงราคาพื้นฐาน 80 บาท คงคำแนะนำขายเพราะราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว          
(0) SVI เป็นข่าวดีที่บริษัทขจัดปัญหาคอขวดสายการผลิตเสร็จแล้ว และรวม Seidel เต็มไตรมาส ทำให้คาดกำไรสุทธิ 2Q16 +1,359% Q-Q แต่ -65% Y-Y เพราะยังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่และต่ำกว่าปีก่อน ส่วนผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะหักล้างได้กับเงินเคลมประกัน แนวโน้มกำไรจะฟื้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่ 2H16 หลังปัญหาคอขวดหมดไป แต่กำไรปีนี้จะถูกถ่วงด้วยผลประกอบการใน 1H16 เราจึงยังคงราคาพื้นฐาน 5.10 บาท แนะนำถือเพราะ upside จำกัด      
(0) TISCO จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เราคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในปีนี้และปีหน้า และยังคงประมาณการกำไรปีนี้ +18% Y-Y ปีหน้า +6% Y-Y เพราะเชื่อว่า TISCO จะยังคงกันสำรองฯในระดับสูงกว่าความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อต่อไปเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ยังคงราคาพื้นฐาน 52 บาท upside ที่จำกัดทำให้ยังคงแนะนำถือ         
(+) บจ.ที่คาดว่าผลประกอบการ 2Q16 จะออกมาดี ได้แก่ ARROW, ASEFA, BEAUTY, FSMART, BIG, MAJOR, MTLS, GL, TK, THANI, TACC, TPCH     
    
ปัจจัยที่ต้องติดตาม        
14 ก.ค.    - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม    
    - สหรัฐ: Beige Book     
    - BOE ประชุม
15 ก.ค.    - จีน: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +6.6% Y-Y vs. 1Q16 +6.7% Y-Y)    
    - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)     
    - ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)  
12,18-19ก.ค.    - ไทย: ต.ล.ท. นำ 21 บจ.เดินสายโรดโชว์ที่สิงคโปร์และสหรัฐ
18-19 ก.ค.    - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
18 ก.ค.    - ญี่ปุ่น: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Marine Day 
19 ก.ค.    - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (มิ.ย.) 
    
    - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ค.) 
20 ก.ค.    - ไทย: ยอดรถ (มิ.ย.) 
21 ก.ค.    - ยูโรโซน: ECBประชุม
    
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดบวกได้อีกเล็กน้อย โดยนักลงทุนคาดหวังว่า BoE จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้เพื่อรับมือผลกระทบจาก Brexit อย่างไรก็ตามการซื้อขายค่อนข้างผันผวนโดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง    
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดหวังการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก    
(0) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมหลังตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นเริ่มชะลอการปรับขึ้น โดยตลาดจับตาดูการประชุม BoE วันนี้    
(0) ค่าเงินบาทโดยรวมยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.05-35.25 บาท/ดอลลาร์    
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 2.05 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้    
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,343.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความคาดหวังว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า     
    
Contact person : Somchai Anektaweepon    Register : 002265    
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852    www.fnsyrus.com    
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch    
 

adsoptimal100

 

 

  

loading...

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!