WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'โมเมนตัมบวก...แต่ระวังแกว่งในหุ้นที่ราคาอยู่ข้างบน'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดปรับขึ้นดีเช่นเดียวกับภูมิภาค (SET Index ปรับขึ้น 12.74 จุดปิดที่ 1468.39) หลังตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐออกมาแข็งแกร่งทำให้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกจะถูกกระทบจาก Brexit ผ่อนคลายลงในช่วงสั้น นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิ
      เราสังเกตว่านักลงทุนยังมีความกังวลกับผลกระทบ Brexit อยู่มาก ทำให้ Flow ที่เข้าไปในตลาดทองคำยังคงอยู่เป็นส่วนใหญ่เพื่อ Wait & See สถานการณ์ต่อไปก่อน (ราคาทองคำจึงยังไม่ลดลงแรง) รวมทั้ง Flow บางส่วนก็ได้เข้าไปพักในตลาดเงินดอลลาร์สหรัฐและเยนญี่ปุ่นด้วย และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ที่ดีเกินคาดช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นในช่วงนี้ด้วย ส่วนค่าเงินปอนด์และยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐทรงๆ หลังอ่อนค่าไปมากหลังมี Brexit สำหรับราคาน้ำมันดิบอ่อนลงต่อเพราะวิตกอุปทานที่เข้ามาเพิ่ม ทำให้ราคาน้ำมันมี Downside Risk ในช่วง 3Q59       สำหรับการลงทุนตามรอบ อาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานในจังหวะราคาปรับขึ้นมาเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q59 ส่วนปัจจัยในประเทศ เป็นช่วง Preview ผลประกอบการ 3Q59 และมีความหวังว่าการลงทุนภาครัฐจะคืบหน้าดีขึ้นในช่วง 2H59 การบริโภคกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ภาคท่องเที่ยวยังเติบโต YoY และน่าจะเป็น Low season ที่ดีกว่าหลายปีก่อน และในระยะสั้นตลาดหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกที่ต่ำมาก/ติดลบ กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในหุ้น Domestic & AEC Play โดยหลีกเลี่ยงกลุ่ม/หุ้นที่มีข่าวหรือความเสี่ยงด้านลบ สำหรับหุ้น Top Picks ของเดือนก.ค.59 เป็น CK, CPALL, CPN, JASIF และ Dark Horse คือ ANAN, BWG ส่วนหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น TCAP
    การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งจากแรงขายทำกำไร การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1470, 1480 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1450 จุดควรตัดขายออกไปก่อน
     การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ THANI, SCP, INTUCH, KAMART, TWPC หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ FSMART, VIH, STEC, MCS, CKP, AQUA, PYLON, TTCL, SCI, SST, STPI, VIBHA หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TACC, TTA, AMATA หุ้นที่หลุด List เป็น TVO

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- Brexit : ประธาน EC ระบุจีดีพีอังกฤษจะลดลง 2.5% ในปี 60
นายปิแอร์ มอสโควิชี ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่าการที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลให้จีดีพีอังกฤษหดหายไปมากถึง 1.2-2.5% ภายในปี 61 ส่วนจีดีพีของสมาชิกประเทศ EU ที่เหลืออีก 27 ประเทศจะลดลง 0.2-0.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน

อังกฤษ : นางเทเรซา เมย์จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีคนใหม่สืบต่อจากเขา โดยนางเมย์ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างล้นหลาม และนางแอนเดรีย ลีดซัม รมว.พลังงานตัดสินใจประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อวานนี้

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อ
ดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 80.19 จุด หรือ +0.44% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือ +0.64% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.26 จุด หรือ +0.34% โดยยังเป็นการตอบรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐที่สดใส และมีความหวังว่าชัยชนะของพรรค LDP ในการเลือกตั้งวุฒิสภา จะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดยนายอาเบะเดินหน้าใช้มาตรการด้านการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อไป

- ราคาน้ำมันดิบอ่อนลงต่อ เพราะกังวลอุปทานที่เข้ามาเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ ความกังวลเรื่องอุปทานที่เข้ามาเพิ่ม หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ อิงค์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 351 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน (จากที่ลดลงเฉลี่ย 18 แท่น/สัปดาห์ในปี 58) ทั้งนี้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐสูงสุดอยู่ที่ 4,530 แท่นในปี 2524 และแตะระดับต่ำสุดเมื่อกลางปี 2559 ที่ 404 แท่น นอกจากนั้นปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในไนจีเรียและซาอุฯได้เพิ่มขึ้นด้วย

- ราคาทองคำอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,356.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : กำไร 2Q59 ไม่น่าตื่นเต้น
ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิงวด 2Q59 ของ 7 ธนาคารที่ทำการวิเคราะห์ด้านพื้นฐานจะลดลง 8%YoY แต่เพิ่ม 4%QoQ เป็น 42.4 พันล้านบาท โดยยังมีความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ และคาดว่าธนาคารส่วนใหญ่ยังตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง
ทางด้านสินเชื่อมีการเติบโตจากการปล่อยกู้ดีลซื้อกิจการของ BJC ซึ่งธนาคารที่ปล่อยกู้ร่วม (BBL, KBANK, KKP, KTB, SCB และ TISCO) จึงได้อานิสงค์ทางบวก ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม มีความหวังว่าการลงทุนภาครัฐจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อใน 2H59 ให้ดีขึ้น
ด้าน NPL ยังคงเพิ่มขึ้น ยกเว้นธนาคารเล็กที่เน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่ก็เป็นการเพิ่มในอัตราที่ช้าลง ธนาคารแทบทุกแห่งกำลังพยายามเพิ่ม Coverage ratio ทำให้การตั้งสำรองค่าเผื่อฯจะยังคงสูงในปีนี้ โดย KTB เป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะตั้งสำรองค่าเผื่อฯมากกว่าคาด เพราะ Coverage ratio ยังต่ำและธนาคารต้องการให้ Coverage ratio อยู่ในระดับสูงกว่า 100%
ยังคงให้ KBANK (ราคาพื้นฐาน 205 บาท) และ TCAP (ราคาพื้นฐาน 42 บาท) เป็นหุ้น Top Picks

TISCO (ราคาปิด 53 บาท) - กำไรสุทธิ 2Q59 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
ธนาคารายงานกำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 1.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY และอ่อนลง 4%QoQ (จากที่ DBSV ประมาณการไว้ที่ 1.28 พันล้านบาท) โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตได้ 10%YoY เนื่องจากบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดีขึ้น และธนาคารตั้งสำรองฯลดลง 26%YoY คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 46 บาท ซึ่งราคาตลาดปัจจุบันสูงกว่าเป้าหมายแล้ว ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำให้เปลี่ยนตัวไป TCAP ซึ่งราคาพื้นฐาน 42 บาทยังมี Upside จากราคาปิดเมื่อวานนี้ 8%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

adsoptimal100

 

 

  

loading...

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!