- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 July 2016 16:56
- Hits: 486
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดลงยังน่าเลือกหุ้นซื้อ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ต่อไป...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังเคลื่อนไหวในลักษณะเดิม คือขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงเปิดโดยทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แต่จากนั้นในระหว่างวันก็ยังมีแรงขายทำกำไรกดดันให้ตลาดแกว่งผันผวนอยู่ ซึ่งวานนี้ดัชนีย้อนลงมาปิดต่ำของวันด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจากเรายังเห็นแรงขายช่วงบวกคอยกดดัน SET ให้มีจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ไม่ได้สดใสนัก จากการแกว่งตัวของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะปิดเป็นลบเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงเกือบ 5% หลัง EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมาเปิดด้านลบอีกครั้ง ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่รอบปรับพักฐานจากการที่ก่อนหน้านี้ดัชนีขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบลบของ SET จะค่อนข้างจำกัด โดยนักลงทุนยังมีความหวังเชิงบวกกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในค่ำวันนี้ หลัง ADP เปิดเผยตัวเลขจ้างงานเอกชนเพิ่มขึ้นเกินคาด
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสปรับพักตัวลงให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นซื้อเพิ่มได้ ก่อนลุ้นจังหวะขยับไต่ระดับขึ้นหาเป้าหมาย 1500 จุดในช่วงถัดไป ส่วนที่ซื้อแล้วเราจึงยังแนะนำเน้นถือต่อเนื่องเช่นเดิม
แนวรับ 1455-1452 , 1447-1444 จุด
แนวต้าน 1458-1460 , 1462-1464 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SPCG, SMPC, SIRI(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$304ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$201ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$68ล้าน และไทย US$51ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคภายหลังจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของประเทศสำคัญอาทิ ECB และ BOJ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Brexit โดยอาจต้องติดตามผลประชุมในช่วงปลายเดือนนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) Flow ยังเป็นปัจจัยหลักดันตลาด แม้ราคาน้ำมันเมื่อคืนร่วง 5% เพราะสต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าคาด กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้ (เรายังคงแนะนำขาย PTTEP เพราะเต็มมูลค่าที่ 80 บาท สัปดาห์หน้ามีคาดการณ์ 2Q16 ซึ่งไม่น่าสดใสนัก) แต่สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่มีมากอยู่แล้ว ประกอบกับความคาดหวัง QE จาก BOE (ประชุม 14 ก.ค.นี้), ECB, BOJ และปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองในกลุ่มยูโรโซนยิ่งทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นความเป็น ยังเป็นปัจจัยผลักดันดัชนีให้อยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไป
(+) BBL แนวโน้มผลประกอบการ 2Q16 ฟื้นทั้งสินเชื่อและกำไร เราคาดสินเชื่อ +1% Q-Q (+1.5% YTD) คาดกำไรสุทธิ +8.3% Q-Q, +12.1% Y-Y เป็น 9 พันล้านบาทเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนใน 1Q16 ชดเชย NIM ที่ลดลงได้ NPL ยังปรับตัวสูงขึ้นแต่การก่อตัวใหม่มีอัตราชะลอและอยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ ราคาหุ้นปรับขึ้นเพียง 4% จากโลว์ laggard KBANK, SCB ที่ +10% ทำให้ราคาหุ้นเหลือ upside มากกว่าเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐาน 190 บาท จึงเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากถือ
(+) TU แนวโน้มกำไรปกติ 2Q16 น่าจะโต +60% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ -8% Y-Y เพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากราคาวัตถุดิบกุ้งปรับสูงขึ้น และธุรกิจแซลมอนยังขาดทุน แต่กำไรสุทธิน่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2 พันล้านบาท (+62% Q-Q, +41% Y-Y) เพราะเงินปอนด์และยูโรอ่อนค่าแรงในช่วงปลายไตรมาส ยังต้องติดตามค่าเงินปอนด์และยูโรต่อไป หากอ่อนค่าต่อไปจะเป็นผลลบเมื่อแปลงงบการเงินมาเป็นเงินบาท เรายังคงราคาพื้นฐาน 22.50 บาท แนะนำเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q16
(+) SNC กำไร 2Q16 จะไม่สดใสเพราะมีรายจ่ายพิเศษ 25 ล้านบาทเป็นค่าชดเชยพนักงานจากการย้ายโรงงาน ทำให้คาดกำไรสุทธิ -49.7% Q-Q, -5.8% Y-Y แต่กำไรปกติเริ่มฟื้น +22.6% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่จะเพิ่มแรงหลังได้ลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่ม ทิศทางกำไร 2H16 จะดีขึ้นมากหลังย้ายโรงงานแล้วเสร็จและอยู่ใกล้ลูกค้ามากขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 5% เหลือ +8.2% Y-Y (เดิมคาด +14% Y-Y) สะท้อนรายจ่ายพนักงานที่เกิดขึ้นใน 2Q16 ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 18.50 บาทจาก 20 บาท และคาดปันผล 1H16 ที่ 0.45 บาท/หุ้น (yield 3%) ยังคงแนะนำซื้อ
(0) CHO วันนี้ประกาศผลประมูลรถเมล์ NGV 489 คันของขสมก. กลุ่ม CHO เป็น 1 ใน 2 รายที่ผ่านคุณสมบัติ มูลค่าโครงการทั้งหมด (จัดหารถเมล์+งานซ่อมบำรุง 10 ปี) 4.02 พันล้านบาท หาก CHO ชนะประมูล คาดเพิ่มมูลค่าให้ 0.53 บาท/หุ้น เป็นประมาณ 2.90 บาท/หุ้น (ยังมี upside อีก 10% จากราคาหุ้นปัจจุบัน) ซึ่งมีโอกาสสูงเพราะ CHO เคยชนะมาแล้วในปี 2015 แต่ยกเลิกการประมูลไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้งานนี้ มูลค่าหุ้นจะอยู่ที่ 2.35-2.40 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน จึงควรเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมโดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงแรง อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานในคืนวันนี้
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมารีบาวด์ขึ้นมาได้ค่อนข้างดีแม้ว่าราคาน้ำมันจะดิ่งลง แต่อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯในคืนนี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสม โดยปัจจัยที่นักลงทุนจับตาคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. ของสหรัฐฯ
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 2.29 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 45.14 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 5.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,362.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากปรับตัวขึ้นแรงหลายวันติดต่อกันทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่สดใส
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 ก.ค. - ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการ วัน Idul Fitri
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มิ.ย.)
10 ก.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดสินเชื่อรายเดือน (มิ.ย.)
11 ก.ค. - ไทย: BTW เข้าเทรด (ราคา IPO 3.75 บาท)
13 ก.ค. - จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.)
14 ก.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: Beige Book
- BOE ประชุม
15 ก.ค. - จีน: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +6.6% Y-Y vs. 1Q16 +6.7% Y-Y)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
18 ก.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Marine Day
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch