- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 July 2016 16:58
- Hits: 1131
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ประเด็นต่างประเทศ (+) ต่อประเด็นที่เฟดอาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน หลังประเมินผลกระทบจากประเด็น Brexit อย่างไรก็ตามแนะติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นอีกปัจจัยในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังตัวเลขดังกล่าวชะลอตัวในเดือนพ.ค. รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางหลายๆ แห่ง เช่น BOJ, BOE และ ECB จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไป
ขณะที่ (-) ความกังวลต่อภาคธนาคาร โดยเฉพาะในอิตาลี จากตัวเลข NPL ซึ่งแนะติดตามใกล้ชิด ว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น? และอาจเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมตลาด
ส่วนประเด็นในประเทศ คาด Sentiment ยังเป็นบวก แม้ล่าสุดต่างชาติจะกลับมาขายสุทธิ แต่ภายใต้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายแห่ง จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน คาดมีโอกาสที่ Fund Flow ไหลกลับมายังภูมิภาค รวมถึงไทย ขณะที่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังสูงเกือบ 40,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี (1) เริ่มเข้าสู่ประกาศผลการดำเนินงาน 2Q/59 เริ่มจากกลุ่มธนาคาร กลางก.ค. ตามด้วยกลุ่ม Real Sector จนถึงกลางเดือน ส.ค. และ (2) ความชัดเจนในงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ที่เปิดขายซองประมูล 6 กค. – 5ส.ค.’59 และคาดยื่นซองในวันที่ 7 พ.ย.’59 พร้อมเปิดซองในวันที่ 17 พ.ย.’59 ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ
และภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, UNIQ, PYLON และ SEAFCO
SET SET50 SET100
1,452.59 +2.52 913.75 +0.27 2,060.07 +2.48
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +78.00, NASDAQ +36.26, S&P +11.18, FTSE -81.78, CAC -78.12 และ DAX -159.35
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟด (เมื่อ 14 – 15/6/59) ที่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดเห็นพ้องกันว่าควรมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จาก (1) ประเมินผลกระทบจาก Brexit โดยอังกฤษลงประชามติในวันที่ 23/6/59 หลังการประชุมเฟด และ (2) ตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐฯ ในเดือนพ.ค.
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีภาคบริการของ ISM – มิ.ย. อยู่ที่ 56.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่พ.ย.’58 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการ – มิ.ย. อยู่ที่ 51.4 เพิ่มขึ้นจาก 51.3 เมื่อพ.ค.
และอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26 – 27/7/59
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจาก ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารอิตาลี จากจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร โดย NPL ดังกล่าวคิดเป็น 18.1% ของเงินกู้ทั้งหมดที่ปล่อยให้กับผู้บริโภค และประมาณ 2.10 แสนล้านยูโร ในจำนวนดังกล่าวเป็นเงินกู้ที่ปล่อยโดยธนาคารที่ใกล้ล้มละลาย
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.08 1.87 3.27
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 49,775.17
สถาบัน -1,065.87
บัญชีหลักทรัพย์ 1,306.23
ต่างประเทศ -1,231.20
ในประเทศ 990.84
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.83 อยู่ที่ US$47.43 ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ข้างต้น และอยู่ระหว่างรอตัวเลขสต็อกน้ำมันที่จะเปิดเผยในวันนี้ (7/7/59) ที่คาดว่าลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$8.4 อยู่ที่ US$ 1,367.1 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย. ของเฟด ระบุว่า เห็นพ้องให้ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่ามีข้อมูลบ่งชี้ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,231 ล้านบาท สะสม YTD 39,918 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 – 8 ก.ค. 2559
7/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกน้ำมัน
8/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซ
ที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.39% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.62 อยู่ที่ 14.96
หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788