- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 July 2016 16:16
- Hits: 584
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET อ่อนตัวแล้วยังมีแรงซื้อหนุน ดังนั้นยังเน้นถือต่อ และอ่อนตัวซื้อได้!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดปรับตัวลงกว่า 5 จุด ตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ไม่สดใสนัก จากประเด็น Brexit และราคาน้ำมันโลกที่อ่อนแอ แต่หลังจากนั้นยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ดัชนีค่อยๆ ไต่ระดับกลับมาแกว่งบวกได้ จนกระทั่งสามารถปิดเป็นบวกเล็กน้อยได้ในที่สุด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดลบ โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังนักลงทุนกังวลว่าธนาคารในยุโรปจะได้รับผลกระทบโดยตรงจาก Brexit แต่ตลาดหุ้นสหรัฐยังพลิกกลับมาปิดบวกได้ เพื่อขานรับรายงานการประชุมเดือน มิ.ย. ของเฟดที่มีแนวโน้มจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ หลังดัชนี PMI ภาคบริการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังฟื้นตัวเป็นบวกเกือบ 2% ได้ด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งเริ่มมีจังหวะแกว่งบวก ซึ่งมีสิทธิทำให้ SET เคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่องได้ แต่ยังต้องระวังจังหวะผันผวน โดยนักลงทุนบางส่วนอาจรอดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์นี้อีกครั้ง
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET ผันผวนและปรับพักตัวเพียงช่วงสั้น ก่อนลุ้นโอกาสขยับไต่ระดับขึ้นหาเป้าหมาย 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นยังแนะนำถือต่อเนื่อง และเลือกหุ้นซื้อได้เมื่อตลาดปรับลง
แนวรับ 1450-1444 , 1440-1436 จุด
แนวต้าน 1455-1457 , 1460-1462 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PSL, VIBHA, ROBINS(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$573ล้าน นำโดยไต้หวัน US$589ล้าน เกาหลีใต้ US$49ล้าน และไทย US$35ล้าน (ประเทศอื่นปิดทำการ) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางผันผวน ตลาดกังวลต่อความเสี่ยงของ Brexit ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันเราคาดว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งเป็นปัจจัยหนุนสภาพคล่องการลงทุนให้อยู่ในระดับสูงต่อไป
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) Flow จะไหลเข้าผลักดัน SET เดินหน้าต่อใน 1-2 เดือนข้างหน้า รายงานการประชุม Fed เมื่อคืนนี้ส่งสัญญาณว่า Fed จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปและเป็นไปได้ว่ายังไม่ขึ้นในปีนี้ ส่วน Brexit ยังคงทำให้ตลาดหุ้นยุโรปและค่าเงินปอนด์และยูโรร่วงหนัก ขณะที่ Bond yield ทั่วโลกทำ new low ในหลายประเทศสะท้อนความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) รอบใหม่ เรายังเชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเดือนนี้คล้ายเดือน มี.ค. ที่ทั่วโลกคาดหวัง QE จากธนคารกลางต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ Fund flow ไหลเข้า ผลักดัน SET 1-2 เดือนข้างหน้าให้ outperform กว่าหลายเดือนที่ผ่านมา
(0) แนวโน้มกำไรกลุ่มธนาคารเช่าซื้อดูดีแต่ราคาหุ้นสะท้อนแล้ว เราคาดกำไรของ TISCO, TCAP, KKP รวม 3.8 พันล้านบาทใน 2Q16 +2.5% Q-Q, +21% Y-Y TISCO (ถือ, ราคาพื้นฐาน 52 บาท) น่าจะเด่นสุด คาด +5% Q-Q, +30% Y-Y เพราะ Spread ดอกเบี้ยที่น่าจะยังสูง 4.3% และตั้งสำรองลดลง ส่วน KKP (ถือ, ราคาพื้นฐาน 48 บาท) มีโอกาสมี positive surprise จากตั้งสำรองที่น้อยกว่าคาด เราคาดกำไรทรงตัว Q-Q, +44% Y-Y สำหรับ TCAP (ซื้อ, ราคาพื้นฐาน 48 บาท) เราคาดกำไร +4.4% Q-Q, +1% Y-Y จากสำรองลดลง แต่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ outperform ทั้ง SET และ SETBANK สะท้อนประโยชน์ที่ได้จากดอกเบี้ยต่ำไปแล้ว ขณะที่ตลาดรถยนต์ยังไม่มีสัญญาณฟื้นจริงจัง เราคิดว่าธนาคารขนาดใหญ่ (KBANK, SCB) น่าสนใจกว่า
(0) HMPRO แม้กำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้นนัก แต่เราคาดกำไร 2Q16 ของ HMPRO จะดูดีต่อเนื่อง +11% Q-Q, +17% Y-Y โดยน่าจะมียอดขายต่อสาขาเดิม +3% Y-Y ส่วนหนึ่งมาจากอากาศร้อนในช่วงต้นไตรมาสทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าขายดี บวกกับผลการดำเนินงานของ Mega Home ดีต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรจะชะลอใน 3Q16 เพราะหน้าฝน และจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q16 เพราะเป็น High season เรายังคงราคาเป้าหมาย 10 บาท ราคาหุ้นแม้จะปรับลงแต่ upside ยังต่ำกว่า 10% จึงลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(0) TVT ร่วมทุน 51% ตั้งบริษัทบิ๊กเบรน รับจ้างผลิตสื่อโฆษณา รายการทีวี ภาพยนตร์ ออกแบบโฆษณา บริษัทตั้งเป้ารายได้ 30-50 ล้านบาทปีนี้และโต 20-30% ปีหน้า เราคาดกำไร 2-3 ล้านบาทต่อปีตามสัดส่วนเงินลงทุน คิดเป็น 3-4% ของกำไรเดิม ส่วนแนวโน้มกำไร 2Q16 จะโตสูงจากฐานต่ำใน 2Q15 แต่ลดลง Q-Q เพราะไม่มีรายได้รับจ้างผลิตละคร ราคาหุ้นสะท้อนข่าวบวกจนใกล้เต็มมูลค่า แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 2.20 บาท
(+) DCC เรากลับมาเริ่ม Coverage DCC อีกครั้ง ประเมินมูลค่า 4.80 บาท แนะนำซื้อ การปรับกลยุทธ์ของ DCC หลายอย่างทั้งผลิตกระเบื้องไซส์ใหญ่ขึ้น เน้นลูกค้าตลาดบนและเน้นส่งออกมากขึ้น ทดแทนตลาดในประเทศที่ยังไม่ฟื้น และขยายกำลังการผลิตกลางปีหน้า จะทำให้ผลประกอบการในช่วง 2 ปีนี้ (2016-17) โตเฉลี่ย 13% สูงกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่โตเฉลี่ย 3% ส่วนการจ่ายปันผลที่จะลดจาก 80-100% เหลือ 75% ของกำไร เชื่อว่าจะยังรักษา Yield ที่ 4-5% ต่อปีได้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้จากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นรวมถึงรายงานการประชุม FED เดือนมิ.ย.ที่ระบุว่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่วกับผลกระทบของ Brexit
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดลบค่อนข้างแรงต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องของการเมืองและเศรษฐกิจจากการ Brexit
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบรวมถึงรายงานการประชุม FED ที่ออกมาในเชิงผ่อนคลาย
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.83 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,367.10 ดอลลาร์/ออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับลงรวมถึง Bond Yield ที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จากความกังวลเรื่องผลกระทบจาก Brexit'
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.ค. - ตลาดหุ้นมาเลเซียและอินโดนีเซียปิดทำการ วัน Hari Raya Puasa
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
- สิงคโปร์: 2Q16 GDP
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
8 ก.ค. - ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการ วัน Idul Fitri
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มิ.ย.)
10 ก.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดสินเชื่อรายเดือน (มิ.ย.)
11 ก.ค. - ไทย: BTW เข้าเทรด (ราคา IPO 3.75 บาท)
13 ก.ค. - จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.)
14 ก.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: Beige Book
- BOE ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch