- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 July 2016 16:13
- Hits: 561
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ แกว่งแคบ 1,450 จุด +/- แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังไม่ฟื้นตัว ค่าเงินบาททรงตัว ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปยังคงปรับฐานต่อเนื่องก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 2.52 จุด มาอยู่ที่ 1,452.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,775 ล้านบาท
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไร ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,231 ล้านบาท Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 6,755 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,682 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
รายงานการประชุมเฟดกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา กำหนดเงื่อนไขการขึ้นดอกเบี้ยคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ / ภาวะการจ้างงาน / อัตราเงินเฟ้อที่เป้าหมาย 2%
ล่าสุดตลาดคาดเฟดจะไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จนถึงปี 2560
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไรใน 3 ตลาดไทย เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ
นักลงทุนทั่วโลกเริ่มกลับมาจับตาดูธนาคารพาณิชย์ในอิตาลี หลังระดับ NPLs ที่เพิ่มขึ้นจนทำให้ฐานทุนอ่อนแอลง
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 4)
เราคงมุมมอง "ระมัดระวัง" ต่อการลงทุนเป็นวันที่ 3 แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะแข็งแกร่งกว่าภาพรวมในเอเชียและยุโรปก็ตาม แต่หากพิจารณาจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่เริ่มชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความกังวลต่อระบบธนาคารในอิตาลีที่ต้องมีการเพิ่มทุนขนานใหญ่ หลัง NPLs เพิ่มขึ้นจนทำให้ฐานทุนของธนาคารขนาดใหญ่ในอิตาลีอ่อนแอลง
ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังตลาดได้อ่านรายงานการประชุมเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการยืนยันถึงโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เป็นไปได้ยาก จากเงื่อนไขเงินเฟ้อ
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังคงไร้สีสันในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นงานประมูลจากภาครัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่มี หรือการประมาณการงบ 2Q59 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็มีเพียงหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารเป็นรายตัวเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยทางเทคนิก และ Valuation ในภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ยังตึงตัว และอยู่ในโซนแพง
เชิงกลยุทธ์การลงทุน สำหรับการเทรดดิ้งระยะสั้น เราแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว แบบะจำกัดวงเงิน ส่วนพอร์ตระยะกลาง เรายังคงแนะนำให้นักลงทุน Wait&See เพื่อรอจังหวะเข้าสะสมหุ้นหลักบริเวณ 1,420-1,430 จุด โดยเน้นกลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร/ กลุ่มค้าปลีก/ กลุ่มไฟแนนซ์ เป็นต้น
Strategy of the Day
1. สะสม BBL : ราคาปิด 164.50 บาท ราคาเหมาะสม 178.00 บาท
a) MBKET คงมุมมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และเชื่อว่าจะ Outperform ตลาดได้ใน 2H59 เนื่องจากเป็นกลุ่มทีได้ประโยชน์โดยตรงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้สินเชื่อกลับมาขยายตัวและคุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น
b) คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q59 เติบโต qoq สะท้อนให้เห็นถึงกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q59 โดย BBL จะมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์เพื่อ Preview งบ 2Q59 ในวันนี้
c) ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.81 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5% จึงมี Downside Risk ที่จำกัด
2. เก็งกำไร VTE : ราคาปิด 2.76 บาท ราคาเหมาะสม 3.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวกจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มถ่านหิน หลัง BANPU เพิ่มขึ้นถึง +30% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา และส่งผลให้หุ้นขนาดกลาง-เล็กในกลุ่มถ่านหินวานนี้ปรับตัวขึ้นเด่น เช่น AGE +14.9%, UMS +8.5% และ LANNA +18.9%
b) VTE มี Hidden Asset คือเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งได้ Write off ไปแล้วทั้งจำนวนเนื่องจากใช้นโยบายบัญชีที่ระมัดระวัง ดังนั้น ราคาถ่านหินที่ฟื้นตัว เชื่อว่จะเป็นบวกต่อมูลค่า Asset ของบริษัท รวมทั้งรายได้จากธุรกิจ Trading ถ่านหินเช่นกัน
c) คาดผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรอย่างมีนัยตั้งแต่ 2H59 จากการรับรู้รายได้งาน EPC ในพม่าซึ่งจะสร้างรายได้ต่อเนื่องในอีก 4 ปีข้างหน้า และโครงการโซลาร์ฟาร์มในพม่าที่จะเริ่มจ่ายไฟเฟสแรกใน 2H60 จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาว เป้าหมายระยะสั้นทางเทคนิคที่ 3.00 บาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาขายสุทธิมากถึง US$931 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง US$40 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มขายทำกำไรบางส่วน
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,231 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 11,511 ล้านบาท และกดดันให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเป็น 39,918 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 6,755 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 20,351 สัญญา เราคาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไรบางส่วน กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 5.95 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.48 จุด ทำให้ยอดสุทธิ QTD กลับมาเป็น Short สุทธิ 617 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เช่นกัน เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,682 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 53,242 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 3 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 1.33bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.40bps ปิดที่ 1.977%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 571 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 964 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 กลับมาเน้นกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิชะลอตัวลงมาเหลือ 854 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,024 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 6,791 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่กลุ่มธนาคารกลับมีแรงขายทำกำไรบางส่วน
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รายงานการประชุมเฟดวันที่ 14-15 มิ.ย. กำหนดเงื่อนไขการขึ้นอัตราดอกเบี้ย: เงื่อนไข 3 ข้อได้แก่
- การยืนยันถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ตลาดแรงงานที่เพิ่มขึ้นมากเพียงพอ
- และอัตราเงินเฟ้อที่จะขยับขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2.0%
อย่างไรก็ตาม เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จากความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น ทั้งจากตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ และเสถียรภาพในตลาดเงินที่มีแรงกดดัน จากการลงประชามติของอังกฤษ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ตัวเลขออกมาต่ำกว่ามากในเดือนก่อนหน้า ที่ประชุมส่วนใหญ่ต้องการข้อมูลด้านการจ้างงาน การผลิต และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนอีกระยะหนึ่ง ก่อนตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
- ดุลการค้าเดือนพ.ค. ขาดดุล US$4.11 หมื่นล้าน แย่กว่าที่ Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$4.00 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าขาดดุล USS$3.74 หมื่นล้าน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าและบริการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ความต้องการภายในประเทศกลับเพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากการนำเข้าที่เติบโต 1.9% mom
- ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนมิ.ย. เท่ากับ 51.4 จุด ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า 51.3 จุด ทั้งนี้ Backlog ลดลงเป็นเดือนที่ 11
- ดัชนี ISM ภาคบริการ เดือนมิ.ย. เท่ากับ 56.5 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 53.3 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด เป็นระดับการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบปีนี้ ทั้งนี้คำสั่งซื้อบริการเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น 4 จุด เป็น 53.0 จุด การจ้างงานเพิ่มขึ้น 3.0 จุด เป็น 52.7 จุด
ยุโรป
คำสั่งซื้อโรงงานของเยอรมันหดตัวสวนทางกับที่คาด: เดือนพ.ค. คำสั่งซื้อ 0.0% mom ขณะที่เดือนเม.ย. -1.9% mom และสวนทางกับที่ตลาดคาด +1.0% mom โดยความต้องการภายในประเทศ -1.9% mom คำสั่งซื้อนอกกลุ่มยูโรโซน -0.3% mom
ธนาคารกลางสวิสเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปหลัง Brexit: ธนาคารกลางสวิส เลื่อนกรอบเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็น 2H60 จากก่อนหน้าที่คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2560 โดยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.50% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาด เพราะเป็นการยากที่จะประเมินถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมือง หลังผลประชามติของอังกฤษออกมาเป็น Brexit
กองทุนขนาดใหญ่ในอังกฤษประกาษงดการไถ่ถอนชั่วคราว: ล่าสุด Henderson Global Investors ได้หยุดการซื้อขายหน่วยลงทุน มีขนาดไม่ต่ำกว่า 5.7 พันล้านปอร์ด ในส่วนของกองทุนอสังหาฯ นี่ถือเป็นกองทุนอสังหาฯ ที่ได้มีการหยุดการไถ่ถอนชั่วคราว นับตั้งแต่ Brexit ได้แก่ Standard Life, Henderson Global Investors, Property PAIF, Columbia Threadneedle, Canada Life เนื่องจากเกิดการ "แพนนิค" ในการไถ่ถอนหน่วยลงทุน
การเจรจาระหว่างอิตาลีและ EU เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทุนในธนาคารยังไม่ได้ข้อสรุป: การหารือระหว่างอิตาลี และ European Commission เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทุนของธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena SpA และธนาคารอื่นๆ ในอิตาลี ยังคงไม่ได้ข้อสรุป เพราะเงื่อนไขของ EC ต้องการให้ผู้ถือหุ้นในธนาคารต้องรับความเสียหายไปก่อนที่จะมีการนำเงินช่วยเหลือจากภาษีประชาชนเข้าไปปรับโครงสร้างทุน ขณะที่อิตาลีตีความเกี่ยวกับผู้รับความเสียหายในระยะแรกจะไม่รวมถึงผู้ถือหุ้นกู้ของธนาคาร ขณะที่ EC ได้นับรวมในส่วนนี้
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530