- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 July 2016 16:09
- Hits: 815
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> ANAN, BIG, SEAFCO, THAI
Stock S R Comment
ANAN 4.06 4.20 โครงการพร้อมโอนครึ่งปีหลังเพียบ
BIG 3.76 4.10 ผนึกฟูจิฟิล์มผุดช็อปรับสมาร์ทโฟน
SEAFCO 10.90 11.20 คมนาคมเร่งสปีดสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสี
THAI 25.00 26.50 บาทแข็งดอกเบี้ยจ่ายลด เตรียม Take off Turnaround
2 reasons why Thai equity will be stronger than others
Brexit : ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลงเมื่อคืนนี้หลังนักลงทุนในตลาดกลับมากังวลต่อประเด็น Brexit อีกครั้งว่าอาจนำมาซึ่งความปั่นป่วนในระบบสถาบันการเงินในยุโรป และอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe haven) ปรับตัวสูงขึ้นทันทีทั้งทองคำ พันธบัตรรัฐบาล และสกุลเงินเยนเป็นต้น
จากปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ได้รับแรงกดดันเชิง Sentiment ได้ อย่างไรก็ดีเราย้ำมาตลอดว่าด้วยระดับการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ น่าจะทำให้ SET Index สามารถทนต่อแรงเสียดทานจากปัจจัยภายนอกได้ดีกว่าตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ และน่าจะมีการปรับตัวลงน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ
อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าจะทำให้การปรับตัวลงแรงๆของ SET Index เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากหากไปดูระดับ Valuation ของ 2 Sector ขนาดใหญ่ซึ่งได้แก่ ENERG และ BANK ณ ขณะนี้ จะพบว่ายังคงซื้อขายด้วยระดับ PBV ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Downside risk ของทั้ง 2 กลุ่มนี้ค่อนข้างจำกัด รวมไปถึง Downside risk ของ SET Index ด้วยเช่นกัน
UST Yield : จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรมากขึ้นเมื่อคืนนี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุด Bond yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯปรับตัวลงทำระดับ Record low ที่ 1.35% เป็นที่เรียบร้อย มองปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ค่อยสมเหตุสมผล เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ได้เข้าสู่ภาวะ Recession แต่อย่างใด ดังนั้นเราคาดการณ์ว่าเมื่อแรงกดดันเชิงจิตวิทยาในตลาดเริ่มคลี่คลายลง จะมีเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดพันธบัตรนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่มี Earning yield gap ในระดับสูงเป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงคาดว่าในไตรมาสที่ 3 นี้ SET Index จะสามารถไต่ระดับขึ้นไปทดสอบเป้าหมายของเราปีนี้ที่ 1500 จุดได้ นำโดยกลุ่มธนาคารที่ยังคงปรับตัว Laggard และมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจมาก รวมถึงกลุ่มพลังงานที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีกเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบ สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญได้แก่สภาพคล่องทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงปรากฏการณ์ Hunger for yield ที่เกิดขึ้นในประเทศ แนะนำสะสมหุ้น Top pick ของเรา 20 บริษัทประจำไตรมาสที่ 3 นี้ซึ่งได้แก่ BANPU, BCP, BBL, TCAP, SCB, LHBANK, GPSC, CKP, SIRI, AP, BEM, SEAFCO, GLOBAL, SINGER, JMART, TK, EASTW, TVO, KCE, MONO
แนวรับ 1,444 แนวต้าน 1,468
บทวิเคราะห์วันนี้
KTB (ถือ ราคาเป้าหมาย 18.20 บาท) คาดกำไร 2Q59 กลับมาชะลอ
Today's Event
LTX XD 1.25 บาท
TRUE ลูกหุ้นเข้า 8,391,181,658 หุ้น
นักวิเคราะห์ :
ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932) E-mail: [email protected]
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379) E-mail: [email protected]