- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 July 2016 18:26
- Hits: 1589
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? แต่คาดยังมีความผันผวนตามทิศทางต่างประเทศที่เช้านี้เคลื่อนไหว
ไร้ทิศทาง ภายใต้ภาพรวมประเด็นต่างประเทศที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบจากประเด็น Brexit ขณะที่คาดการณ์ในเชิงบวกว่าธนาคารกลางหลายๆ แห่ง เช่น FED, BOJ, BOE และ ECB ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน
ขณะที่แนะติดตามค่าเงิน ล่าสุดเงินสหรัฐฯ แข็งค่าเล็กน้อยจาก 35.09 เมื่อวันศุกร์ โดยเช้านี้เคลื่อนไหว 35.07 – 35.09 ซึ่งคาดมีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นเมื่อเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และลดลง เมื่อเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังเป็นบวก โดยเฉพาะจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิกว่า 6,800 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 37,000 ล้านบาท ขณะที่เริ่ม Preview งบ 2Q/59 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งทำให้มีแรงเก็งกำไร + / - เข้ามา รวมถึงความชัดเจนในงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ที่เปิดขายซองประมูล 6 กค. – 5ส.ค.’59 และคาดยื่นซองในวันที่ 7 พ.ย.’59 พร้อมเปิดซองในวันที่ 17 พ.ย.’59 ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ
และภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK และ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซ
ที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
SET SET50 SET100
1,444.99 +2.33 910.56 +1.67 2,050.79 +4.55
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +19.38, NASDAQ +19.90, S&P +4.09, FTSE +73.50, CAC +36.48 และ DAX +96.03
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย – มิ.ย. อยู่ที่ 51.3 เพิ่มขึ้นจาก 50.7 เมื่อพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ก.ย.’52 และ (2) ดัชนีภาคการผลิตของ ISM - มิ.ย.อยู่ที่ 53.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.พ.’58 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.3% เมื่อพ.ค. โดยขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่อยู่ระหว่างติดตามผลกระทบจากกรณี Brexit และตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ (4/7/59) เนื่องจากเป็นวันชาติสหรัฐฯ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปที่ได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน – มิ.ย. อยู่ที่ 52.8 เพิ่มขึ้นจาก 51.5 เมื่อเดือนพ.ค. และคาดการณ์ในเชิงบวกว่า ธนาคารกลางอังกฤษมีแผนที่จะปรับลดสัดส่วนเงินทุนสำรองของธนาคารลงในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.66 อยู่ที่ US$48.99 ต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$18.4 อยู่ที่ US$ 1,339.0 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.96 1.86 3.29
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 59,825.37
สถาบัน -602.92
บัญชีหลักทรัพย์ 469.85
ต่างประเทศ 6,872.57
ในประเทศ -6,739.51
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +6,873 ล้านบาท สะสม YTD 36,511 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 4 – 8 ก.ค. 2559
4/7/59 : ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
เนื่องจากหน่วยงานราชการ ตลาดหุ้น และตลาดการเงิน ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐ
5/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ค.
6/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย.
สต็อกน้ำมัน
7/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
8/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 1.46% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.86 อยู่ที่ 14.77
หุ้นแนะนำ : PS
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788