- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 June 2016 18:26
- Hits: 703
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ดีดกลับต่อหลัง Brexit
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ต่อในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ หลังจากความหวั่นวิตกจนทำให้หุ้นร่วงไปในระยะสั้นหลังการลงมติออกจาก EU ของอังกฤษคลี่คลายลงและมีความคาดหวังมากขึ้นว่าบรรดาธนาคารกลางของโลกจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบระยะยาวต่อเศรษฐกิจของ Brexit ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ส่วนใหญ่เป็นบวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักจากรัฐบาลสหรัฐตัดสินใจปรับสถานะของประเทศไทยในเรื่องการค้ามนุษย์ดีขึ้นหนึ่งระดับจากที่แย่สุดก่อนหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยอุตสาหกรรมประมงของไทยเป็นอย่างยิ่ง
หุ้นเด่นวันนี้ : TCAP (Bt35.75; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 46.00 บาท)
บมจ.ทุนธนชาต เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้จากการที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าที่ถูก อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ และยังมีค่า Beta ของหุ้นที่ต่ำเพียง 0.7 แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ TCAP ยังสามารถจัดการกับคุณภาพสินทรัพย์ได้ โดยที่อัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ลดลง 7 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับทิศทางของอุตสาหกรรม และถึงแม้ว่า ณ ไตรมาส 1/59 สินเชื่อของธนาคารจะยังหดตัว 2.0% YTD แต่ธนาคารคาดว่าสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตที่อัตรา 1-3% YoY โดยธนาคารตั้งเป้าที่จะมุ่งเน้นไปยังสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอี
โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐรวมทั้งภาคธุรกิจอาหารและเคมีภัณฑ์เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มเหล่านี้เติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม ในแง่ของการประเมินมูลค่า หุ้น TCAP น่าสนใจมากอิงจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.8 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนน่าสนใจที่ 5.4% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 13.1% ในปี 59 และ 9.0% ในปี 60 Price Pattern ของ TCAP มีความแข็งแกร่งจากการเกิด Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะทำให้ Price Pattern ของ TCAP กลับมาเกิดความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยหาก Price Pattern ของ TCAP สามารถปิดตลาดวันนี้ ซึ่งเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 36.25 บาท จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ทันที ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TCAP ที่ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสามารถกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ได้สำเร็จ มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 40.25 บาท โดย TCAP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 34.25 บาท (Resistance: 36.00, 36.50, 37.00; Support: 35.25, 34.75, 34.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สหรัฐปรับสถานะค้ามนุษย์ไทยขึ้น จากเดิมอยู่ในตำแหน่งล่างสุดของรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP) ซึ่งน่าจะออกมาในวันนี้ หมายถึงไทยจะเข้าไปอยู่ใน Tier 2 Watch List จากเดิมอยู่ในสถานะแย่สุดหรือ Tier 3 (The Nation)ความเห็น: การปรับอันดับขึ้นนี้ช่วยทำให้ชื่อเสียงของประเทศในสายตาโลกดีขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศราบรื่นขึ้นและช่วยอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยอันมีมูลค่าหลายพัน ลบ. ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียดโดย EU สำหรับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU)
รัฐเดินหน้านำสายไฟลงดิน หน่วยงานของรัฐได้เริ่มดำเนินการโครงการ 5.17 หมื่น ลบ. ในการนำสายไฟฟ้าและสายโทรคมนาคมความยาว 127 กม. รวมลงดินในถนน 39 เส้นในกรุงเทพ สมุทรปราการและนนทบุรี กำหนดแล้วเสร็จปี 63 การไฟฟ้านครหลวงวานนี้ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการกับ ทีโอที กสทช. กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Bangkok Post)
การทรวงการคลังลุ้น GDP งวด 2Q59 โตต่อเนื่อง YoY จากการใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังเห็นการขยายตัวต่อเนื่อง ชดเชยกับภาคการส่งออกที่หดตัวลงได้ อย่างไรก็ตามในแง่ของการเติบโตรายไตรมาส (QoQ) ยังอยู่ในระหว่างการประเมินเพิ่มเติม ทั้งนี้กระทรวงฯคาด GDP ปีนี้จะสามารถขยายตัวได้ 3.3% (Bangkok Post)
เร่งรัดระบบ e-payment โดยกระทรวงการคลังมีแผนที่จะให้ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์นับตั้งแต่เดือน ก.ย. นี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการสนับสนุนและเร่งรัดให้เกิดระบบโครงสร้างพื้นฐาน e-payment ในประเทศ ขณะที่ในขั้นต้นเตรียมกระตุ้นให้บริษัทผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการและบุคคลทั่วไปลงทะเบียนระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อติดตั้งระบบจ่ายเงินด้วยการ์ด และในขั้นตอนต่อไปจะสนับสนุนให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจนอกระบบ VAT ติดตั้งอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
เมื่อวันพุธตุรกีคาดกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย และการกราดยิงด้วยอาวุธปืนซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 42 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 239 ราย ณ สนามบินนานาชาติอิสตันบูล ตุรกีเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ทางการทหารเพื่อต่อต้านไอซิสและเป็นที่อาศัยของผู้อพยพจำนวน 3 ล้านรายจากสงครามกลางเมืองเป็นเวลา 5 ปีในซีเรีย (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพุธ โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีแตะรับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองพันธบัตรจากการที่ราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวกลับหลังจากความตื่นตระหนกจาก Brexit ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 12/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.495% เพิ่มขึ้น 3 bps (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์เมื่อวันพุธ จากการทำกำไรและการกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากนักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับ Brexit เงินปอนด์ซึ่งอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่แล้วล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.7% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.3434 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเป็นวันที่สองเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่อังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ดัชนี S&P500 ฟื้นตัวขึ้นมาได้มากกว่าครึ่ง จากที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วง 2 วัน หุ้นกลุ่มการเงินซึ่งเดิมถูกเทขายอย่างหนักเป็นกลุ่มที่นำตลาดขึ้น หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเช่นกันเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (Reuters)
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นในกลุ่มยานยนต์และสินค้าอื่น ๆ การใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก่อน บ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจในอัตราเร่งในไตรมาส 2/59 การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนเม.ย. ได้มีการปรับตัวเลขเป็นเพิ่มขึ้น 1.1% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.0% การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนก่อนเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (Reuters)
ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาถึงเดือนพ.ค. 59 ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับเดือนเม.ย. ดัชนี PCE พื้นฐานเป็นตัวชี้วัดซึ่ง Fed นิยมใช้และตอนนี้อยู่ต่ำกว่าเป้าที่ Fed ตั้งไว้ที่ 2% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวสูงขี้นต่อเนื่อง จากความกังวลต่อการ Brexit ที่เริ่มบรรเทาลงเรื่อยๆ และราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวได้ช่วยหนุนตลาดส่วนหนึ่ง รวมไปถึงความคาดหวังของใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นเพื่อชดเชยผลกระทบเชิงลบจากการ Brexit ซึ่งบางส่วนสะท้อนให้เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เห็นการปรับตัวลดลง (Reuters)
อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในยุโรปปรับตัวลดลงเมื่อวันพุธ หลังจากที่ธนาคารกลาง ECB ประกาศพร้อมที่จะสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนกลับมาอีกครั้ง ขณะที่ประเมินว่าการ Brexit จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจลดลง 0.3-0.5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (Reuters)
เอเชีย :
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ให้คำมั่นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าจะใช้เครื่องมือนโยบายที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปตามตลาดการเงิน ที่มีผลมาจากความไม่แน่นอนของ Brexit (Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นลดลง 2.3% ในเดือนพฤษภาคม ส่งสัญญาณว่าบริษัทเข้าสู่ภาวะกังวลว่าอุปสงค์การส่งออกอ่อนตัวมากกว่าค่าประมาณการเฉลี่ยที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าลดลง 0.1% ผลสำรวจผู้ผลิตที่ทำโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม คาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนมิถุนายน และเพิ่ม 1.3% ในเดือนกรกฎาคม (Reuters)
จีนปฏิเสธการพิจารณาคดีทะเลจีนใต้: ศาลระหว่างประเทศกล่าวในวันพุธที่ผ่านมาว่า จะส่งมอบการพิจารณาคดีที่ร้อนแรงในข้อพิพาทระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนในทะเลจีนใต้ ในวันที่ 12 กรกฏาคม กรุงปักกิ่งออกมาตำหนิทันที และปฏิเสธเขตอำนาจของศาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ วิตกกังวลเกี่ยวกับการที่จีนจะขยายคำเรียกร้อง ในกรณีทะเลจีนใต้นี้ และขอเสียงสนับสนุนจากอนุญาโตตุลาการถาวร กรุง Hague และกระตุ้นให้มีการลงมติอย่างเงียบสงบสำหรับข้อพิพาทนี้ (Reuters)
จีนปกป้องนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากการโจมตีของทรัมป์: กระทรวงต่างประเทศของจีนออกแถลงในวันพุธที่ผ่านมาว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน ไม่ได้เป็นเหตุผลสำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่สมดุลกับสหรัฐฯ หลังจากที่ Donald Trump ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พรรครีพับลิกัน กล่าวว่าเขาจะติดป้ายประกาศว่าปักกิ่งคือนักปั่นค่าอัตราแลกเปลี่ยนรายหนึ่ง(Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 4% วันพุธ หลังจากรัฐบาลสหรัฐรายงานตัวเลขการถอนใช้น้ำมันในคลังมากกว่าคาด US EIA ออกตัวเลขสต็อกน้ำมันลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการถอนน้ำมันออกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่หก มากกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.4 ล้านบาร์เรล การวิ่งขึ้นหนุนโดยความกังวลเรื่อง Brexit จางลง แนวโน้มการนัดหยุดงานของคนงานน้ำมันในนอร์เวย์และวิกฤตในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา Brent ล่วงหน้าเดือนใกล้ปรับขึ้น 2.03 ดอลลาร์สหรัฐ (+4.2%) ปิดที่ 50.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.03 ดอลลาร์ (-4.2%) ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองเพิ่มขึ้นวันพุธ เพราะดอลลาร์ถอยลงแม้ว่าความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจะลดลงก็ตาม ราคาทองคำตลาดจร ปิดเพิ่มขึ้น 1% ที่ 1,324.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% เหลือ 1,326.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094