- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 June 2016 18:04
- Hits: 490
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่เป็นหลัก ถ้าอ่อนตัวก็ซื้อเพิ่ม!
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET ดีดบวกต่ออีกกว่า 10 จุดในช่วงเช้า จากความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในการรับมือผลกระทบจาก Brexit แต่เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ SET เริ่มผัวผวนและเริ่มมีแรงขายกดดันให้อ่อนตัวลงบ้างในช่วงท้ายตลาด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงขยับบวกต่อเนื่องได้ดี จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับผลกระทบของ Brexit รวมทั้งได้รับแรงส่งจากการฟื้นตัวขึ้นค่อนข้างแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่วานนี้บวกต่อขึ้นมาอีกกว่า 4% หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ตามความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีไม่มาก ขณะที่ SET จะติดวันหยุดครึ่งปีธนาคารในวันพรุ่งนี้(1 ก.ค.) ด้วย ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจขายทำกำไรลดความเสี่ยงก่อน ดังนั้นยังต้องระวังการแกว่งตัวระยะสั้นของ SET ไว้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดหมายว่า SET จะแกว่งผันผวนที่บริเวณนี้เพียงแค่ระยะสั้น ก่อนลุ้นรอบบวกจริงจังต่อไปในเร็วๆ นี้ ดังนั้น SET อ่อนตัวลงจึงยังน่าสนใจเลือกหุ้นซื้อเพิ่มได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอทำกำไรในรอบบวกใหญ่ต่อไป
แนวรับ 1440-1438 , 1435-1430 จุด
แนวต้าน 1445-1447 , 1450-1452 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TPIPL, TNH, TTCL(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ที่ US$323ล้าน เงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$188ล้าน และอินโดนีเซีย US$131ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$8.4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลกลับลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากคลายกังวลต่อผลกระทบจาก Brexit และเหล่าธนาคารกลางต่างๆพร้อมออกมาตรการทุกด้านเพื่อบรรเทาผลกระทบ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาน้ำมัน +4% หลังสต๊อคน้ำมันลดมากกว่าคาด และหวังว่าธนาคารกลางต่างๆจะออกมาตารการกระตุ้นเพิ่ม นอกจากนี้ การประท้วงที่นอร์เวย์และเวเนซุเอลา เป็นบวกต่อหุ้นพลังงงาน แต่ PTTEP เต็มมูลค่าแล้วที่ 80 บาท เราแนะนำ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท) ที่ PE ถูกเพียง 10.3 เท่า กำไร 2H16 มีแนวโน้มสดใสกว่า 1H16
(+) Brexit ไม่กระทบกลุ่มท่องเที่ยว ไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวยุโรปลดลงมาก ปี 2015 สัดส่วนเหลือเพียง 18.8% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด (16% ไม่รวมรัสเซีย) ลดจาก 24.8% ในปี 2014 จากชาวรัสเซียที่ลดลงเพราะเงินรูเบิลอ่อนค่าลงเกือบครึ่ง แต่รายได้และกำไรของกลุ่มโรงแรมในปี 2015 กลับโตเฉลี่ย 18.1% และ 25.6% ตามลำดับ เพราะชดเชยได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่ +71% เราเชื่อว่าค่าเงินปอนด์และยูโรที่อ่อนค่าจากกรณี Brexit มีผลจำกัดต่อ MINT, CENTEL, ERW ที่มีรายได้จากชาวยุโรปเพียง 10-11% ของรายได้รวม (ไม่รวมรัสเซีย) เราคาดนักท่องเที่ยวปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 33 ล้านคน +10.4% Y-Y ยังคง Overweight กลุ่มท่องเที่ยว เลือก MINT เป็น Top pick จากกำไรที่โตเด่น
(+) กลุ่มรับเหมา-วัสดุก่อสร้างกำลังจะมีสีสัน รถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองจะเริ่มขายซอง 6 ก.ค.-5 ส.ค. ยื่นซองประกวดราคา 7 พ.ย. นี้ CK จะจับมือกับ BEM เข้าประมูล ส่วน STEC จับมือ BTS และเนสยังชอบ SEAFCO
(-) ภาษีโรงเชือดจะกระทบอุตสาหกรรมไก่อย่างหนัก ร่างพ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ ที่เพิ่มค่าอากรธรรมเนียมสำหรับไก่ เป็ด ห่าน จาก 0.10 บาท/ตัวเป็น 4 บาท/ตัว และหมูจาก 25 บาท/ตัวเป็น 30 บาท/ตัว ผ่านความเห็นชอบจากสนช.ในวาระแรกแล้ว ขณะที่ทั้ง 9 สมาคมปศุสัตว์เตรียมยื่นค้านเพราะทำให้ต้นทุนผู้เลี้ยงไก่เพิ่มถึงปีละ 6 พันล้านบาท หากเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวจริง TFG จะกระทบหนักสุดเพราะธุรกิจหลัก 60% มาจากไก่ คาดกระทบกำไรถึง 49% กระทบราคาเป้าหมาย 1.60 บาท รองลงมาคือ GFPT กระทบกำไร 22% กระทบราคาเป้าหมาย 2.20 บาท ส่วน CPF น้อยสุดเพราะมีฐานผลิตนอกประเทศ คาดกระทบกำไร 7% กระทบราคาเป้าหมาย 1.80 บาท
(+) KBANK การเติบโตของสินเชื่อเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่มาจากดีลซื้อกิจการของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจ ส่วน NPL แม้จะยังเพิ่มขึ้นแต่อัตราการเพิ่มเริ่ม stable ซึ่งทำให้การตั้งสำรองฯใน 2Q16 ลดลง เราคาดกำไร 2Q16 +4% Q-Q, -10% Y-Y สำหรับ Prompt-Pay ระยะสั้นอาจถ่วงผลกำไรบ้างแต่เป็นโอกาสมหาศาลในระยะถัดไป เรายังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 194 บาท
(+) ARROW การจับมือของ กฟน.-กสทช.-กทม.-สตช.-ทีโอที เปลี่ยนสายไฟฟ้า-สายสื่อสารแบบสายอากาศเป็นสายใต้ดิน เฟสแรกมีระยะทาง 127.3 กม. ARROW เป็น 1 ใน 3 ผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์จากการขายท่อมากขึ้นและทำให้กำไรโตกระโดดในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพราะทุก 10 กม.ที่ได้จะสร้างรายได้เพิ่มราว 70 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มราว 0.70 บาท/หุ้น ซึ่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการ ปัจจุบันอยู่ในช่วงอนุมัติขั้นสุดท้ายจาก กฟน. คาดทราบผลเร็วๆนี้ ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานขั้นต่ำ 16.70 บาท
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดบวกได้ดีต่อเนืองเฉลี่ยอีกเกือบ 2% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นแรง โดยปัจจุบันตลาดรีบาวด์กลับมาได้กว่าครึ่งหลังจากปรับตัวลงจากประเด็น Brexit
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดบวกได้แรงเช่นกัน โดยนักลงทุนเริ่มประเมินได้ว่าประเด็น Brexit ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องเช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
(+) ค่าเงินบาทแกว่งตัวแข็งค่าขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.07-35.20 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 2.03 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงความกังวลเรื่องผลกระทบจาก Brexit ที่ลดลง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 9.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,326.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลง ขณะที่ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการเงินในระยะยาวจากประเด็น Brexit
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 มิ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค.
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
1 ก.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นปิด, เงินเฟ้อ (มิ.ย.), ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (มิ.ย.)
- ฮ่องกง: ตลาดการเงินปิด วัน Establishment Day
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (2Q16)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มิ.ย.)
4 ก.ค. - ไทย: EKH เข้าเทรด (ราคา IPO 4.70 บาท)
- สหรัฐ: ตลาดการเงินปิดทำการ วัน Independence Day
4-8 ก.ค. - อินโดนีเซีย: ตลาดการเงินปิด วัน Idul Fitri
5 ก.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (มิ.ย.)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ค.), คำสั่งซื้อของโรงงาน (พ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch