- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 June 2016 20:18
- Hits: 1400
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ช่วงรีบาวด์...ไม่ผ่าน 1450 ขายก่อน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับขึ้น 13.11 จุดที่ 1437.42 โดยมีแรงซื้อในกลุ่มธนาคาร และพลังงาน (ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์) รวมทั้ง Sentiment ดีขึ้นหลังดัชนีตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัว โดยบวกขึ้นราว 2-3% นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศซื้อสุทธิกลุ่มละประมาณ 1.9 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
วันนี้ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นดีขึ้น หนุนโดยข่าวว่าธนาคารกลางทั่วโลกประกาศร่วมมือกันรับมือ Brexit อย่างขันแข็ง รวมทั้งตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 1/59 ของสหรัฐออกมาดีเกินคาด (+1.1% จากที่คาด 1.0%QoQ) รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของสหรัฐก็แข็งแกร่ง โดยปรับขึ้นไปสูงสุดในรอบ 8 เดือน อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนภายนอกที่ยังคงมีอยู่ ทำให้การลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังสูงและเรายังคงให้น้ำหนักลงทุนในหุ้น Domestic + CLMV Play เป็นสำคัญ ส่วนกลุ่มโภคภัณฑ์และส่งออกเน้นเก็งกำไรเป็นรอบๆ ไปก่อน ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปัจจุบันที่ 49 ดอลลาร์สูงกว่าระดับปิดสิ้นมี.ค.59 อยู่ 22% ทำให้กลุ่มพลังงานจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 2/59 หุ้นเด่นเล่นสั้นเป็น BCP, IRPC, PTTGC ส่วนค่าเงินบาทปัจจุบันกับระดับปิดสิ้นมี.ค.59 ใกล้เคียงกัน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น KBANK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก อ่อนตัวต่ำกว่า 1425 ดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม ส่วนปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1440-1450 จุด
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ CK, QTC, TPOLY, FORTH, VIH ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ FSMART, SYNEX, THANI หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ VGI, BCH, CHG, VIBHA, KAMART, PTG หุ้นที่หลุด List -ไม่มี-
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : จีดีพีไตรมาส 1/59 ดีเกินคาดกรทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 1/59 ออกมาที่ +1.1%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่1.0%QoQ
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิ.ย.สูงสุดในรอบ 8 เดือน
ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนมิ.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 98 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.58 หลังแตะระดับ 92.4 ในเดือนพ.ค.59
+ ตลาดหุ้นยุโรป & สหรัฐ รีบาวด์ หลังแบงค์ชาติทั่วโลกประกาศร่วมกันรับมือ Brexitดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น 2-3% และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐบวกราว 2% โดยเป็นการรีบาวด์หลังร่วงลงแรงเมื่อผลประชามติUK ออกมาผิดกับที่ตลาดประเมินไว้ และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 60 เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวและฟื้นช้ากว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ แต่ธนาคารกลางทั่วโลกประกาศร่วมมือกันรับมือกับ Brexit อย่างแข็งขันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนั้นตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/59 ของสหรัฐก็ออกมาดีเกินคาดด้วย กลุ่มที่ปรับขึ้นเป็นธนาคารพลังงาน และเทคโนโลยี
+ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 3% ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT พุ่งขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 48.58 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับ Brexit หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบ Brexit และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/59 สหรัฐออกมาแข็งแกร่งเกินคาด
- ราคาทองคำอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไรสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 6.80 ดอลลาร์ หรือ -0.5% ปิดที่ระดับ1,317.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังคลายความกังวลเรื่อง Brexit และนักลงทุนได้ Gap มากพอที่จะขายทำกำไร
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเยนทรงๆเมื่อวานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อย โดยปิดที่ 96.063 จาก 96.366 ในวันก่อนหน้า ส่วนค่าเงินเยนก็อ่อนเล็กน้อยเป็น 102.6940 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จาก 101.87 ในวันก่อนหน้า ส่วนเช้าวันนี้แกว่งแคบๆ ใกล้ระดับปิดเมื่อวานนี้
- การเมืองโลก : มีเหตุระเบิดพลีชีพที่สนามบินเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีนายกรัฐมนตรีตุรกี เปิดเผยว่ากลุ่มรัฐอิสลาม (IS) เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่คนร้ายกราดยิงและก่อเหตุระเบิดที่สนามบินอตาเติร์กในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีและเป็นสนามบินระหว่างประเทศด้วย โดยใช้มือระเบิดพลีชีพ 3 ราย เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 36 ราย บาดเจ็บอีก 147 ราย โดยนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ KBANK (ราคาปิด 169.50 บาท) : สินเชื่อเติบโตดีขึ้นใน 2Q59 และอาจตั้งสำรองฯน้อยลง
• สินเชื่อ KBANK ในเดือนพ.ค.59 เติบโตได้ 2.0%MoM และเติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ 2.3% เมื่อเทียบ YTD เพราะลูกค้ารายจ่ายเบิกสินเชื่อมากขึ้น เราจึงคาดว่าสินเชื่อในไตรมาส 2/59 จะเติบโตดีขึ้นจาก 4.2%YoY ในไตรมาส1/59 และมีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าหมายปีนี้ที่ 6-7%YoY อย่างไรก็ตาม NPL ยังคงขยับขึ้นเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวนาน แต่คาดว่าจะไม่เกิน 3.5-3.6% ของสินเชื่อรวม (สิ้นไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 2.81% และมี Coverage Ratio135%) ธนาคารยังคงมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่แข็งแกร่ง โดยสิ้นมี.ค.59 มี CAR เท่ากับ 18.4% โดยเป็นCET 1 Ratio และ Tier 1 Ratio ที่ 14.6% จากเกณฑ์ขั้นต่ำของธปท.ที่ 9.125%, 5.125% และ 6.625% ตามลำดับ
• แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/59 มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น QoQ เพราะในไตรมาส 1/59 มีการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงถึง 2.8% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ธนาคารยังคงเป้าหมายการตั้งสำรองฯของปีนี้ไว้ที่ 1.7% ของสินเชื่อรวม ดังนั้นการตั้งสำรองฯในไตรมาส 2-3-4 จึงมีสิทธิที่จะลดลงแต่ส่วนหนึ่งจะไปชดเชยกับ NIM ที่แคบลงจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้
• ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อลงทุน ทั้งนี้แม้ว่าในปีนี้การเติบโตของธนาคารจะไม่โดดเด่น แต่ก็มีความมั่นคงสูงและผลประกอบการมีโอกาสเติบโตสูงเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 211 บาท อิงกับP/BV ปีนี้ที่ 1.6 เท่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]