- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 June 2016 19:00
- Hits: 505
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อแล้วให้เน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ และถ้าอ่อนตัวซื้อเพิ่มได้…
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ว่าช่วงเช้า SET จะแกว่งบวกผันผวนในกรอบแคบ แต่ภาคบ่ายเริ่มมีแรงซื้อหนุนมากขึ้น หลังนักลงทุนคาดว่าหลายประเทศน่าจะมีการออกมาตรการเพื่อรับมือผลกระทบจาก Brexit
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังสามารถเปิดเป็นบวกต่อเนื่องจากช่วงท้ายตลาดวานนี้ที่หลายแห่งพลิกกลับมาปิดบวกได้อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจาก Brexit รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลข GDP ไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดด้วย นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังฟื้นตัวกลับขึ้นมาปิดบวกกว่า 1% ทำให้ FSS คาดหมายว่า SET ยังมีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ดัชนีอยู่ในช่วงแกว่งบวกต่อเนื่องได้ตามคาด อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพที่สนามบินอิสตันบูลในตุรกี ซึ่งคาดกันว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย อาจสร้างความกังวลและกดดันตลาดได้ จึงต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนในช่วงบวกไว้ด้วย แต่ FSS คาดว่ากรอบลบมีจำกัดขณะที่โอกาสบวกมีมากกว่าอยู่
กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่อง เพื่อรอรอบบวกจริงจังต่อไป ส่วนถ้า SET ยังมีจังหวะอ่อนตัวลงให้อีก ก็น่าสนใจเลือกหุ้นซื้อเพิ่มได้เช่นเดิม
แนวรับ 1435-1430 , 1427-1425 จุด
แนวต้าน 1440-1442 , 1446-1452 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SMPC, TWPC, DELTA(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$185ล้าน โดยไหลออกจากเกาหลีใต้ประเทศเดียวกว่า US$335ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$54ล้าน อินโดนีเซีย US$52ล้าน และไต้หวัน US$46ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนเริ่มมีทิศทางไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากคลายกังวลต่อผลโหวต Brexit แต่อาจเป็นไปอย่างระมัดระวังจากเหตุระเบิดที่สนามบินที่ตุรกี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาสินทรัพย์เสี่ยงรีบาวนด์ชั่วคราว แต่ตลาดเอเชียยังปลอดภัย ดัชนีความกลัวหรือ VIX index ปรับลงเร็ว -21% อยู่ที่ 18.75 จุด ใกล้เคียงระดับปกติที่ 14-15 จุด และสูงกว่าในช่วงวิกฤตกรีซเล็กน้อย ตลาดหุ้นโลกรีบาวนด์ +1.7% นำโดยตลาดยุโรป (+2%) ราคาน้ำมันปรับขึ้น 3% ส่วนทาง Bond yield ที่ขยับขึ้น อีกข่าวบวกที่หนุนคือ GDP 1Q16 ของสหรัฐ +1.1% Q-Q annualized สูงกว่าตลาดคาด (+1%) และสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ +0.8%
(+) กลุ่มรับเหมา ครม.วานนี้อนุมัติโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เน้นเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางถนน เรือ ราง อากาศ เพื่อลดต้นโลจิสติกส์ เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มนิคมฯ (AMATA, ROJNA, WHA, TFD)
(-) TU ผลของ Brexit ค่อนไปทางลบ จากค่าเงินปอนด์และยูโรที่อ่อนค่า แม้ผลกระทบทางตรงมีจำกัดเพราะเป็น natural hedge คือกิจการใน EU ขายเป็นเงินยูโรปและปอนด์รวม 23% ของรายได้รวม ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายเป็นเงินท้องถิ่น แต่กระทบทางอ้อมเมื่อแปลงงบฯเป็นเงินบาท ทำให้รายได้ในรูปสกุลบาทลดลง ส่วนยอดขายที่ส่งออกจากไทยไปกลุ่ม EU (6% ของรายได้รวม) ส่วนนี้ขายเป็นเงินดอลลาร์ มีโอกาสถูกคู่ค้าขอปรับลดราคาขาย สำหรับระยะสั้นคาดกำไร 2Q16 โต Q-Q และดีต่อเนื่องใน 3Q16 เพราะเป็น High season เรายังคงประมาณการและราคาพื้นฐาน 22.50 บาท แนะนำเพียงถือ
(+) SMPC แนวโน้มกำไร 2Q16 น่าจะดีใกล้เคียง 1Q16 ที่ทำได้ 135 ล้านบาท หรือถ้าน้อยกว่าเพราะวันหยุดเยอะ ก็น้อยกว่าไม่มากนัก เพราะมีออเดอร์ของลูกค้าสั่งซื้อจนเต็มกำลังการผลิตไปถึง 3Q16 เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาเหล็กที่ผันผวนตั้งแต่ต้นปี SMPC ยังได้ประโยชน์จากดอลลาร์แข็งค่า หักล้างผลของเงินยูโรที่อ่อนค่าได้ เพราะมียอดขายเป็นเงินยูโรเพียง 20-25% (ส่วนใหญ่ขายเป็นดอลลาร์) แต่หากจะโตต่อไป จะต้องเพิ่มกำลังการผลิต ราคาพื้นฐานจึงยังคงไว้ที่ 10.80 บาท แนะเก็งกำไรผลประกอบการ
(+) WORK กำไรปกติ 2Q16 มีทิศทางดีมาก คาด +201% Q-Q จากรายได้ทีวีดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นตาม Utilization rate คงราคาพื้นฐาน 42 บาท แนะนำเก็งกำไรผลประกอบการ
(+) EKH ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในจ.สมุทรสาคร มีจุดเด่นด้านศูนย์อุบัติเหตุ สูติ-นรีเวช และกุมารเวช ทำรายได้รวมกัน 56-58% ของรายได้รวม ซึ่งเหมาะกับสถานที่ตั้ง เพราะจ.สมุทรสาครมีทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก มีการเกิดอุบัติเหตุบ่อย และมีการเติบโตของจำนวนการเกิดของประชากรเฉลี่ย 6.5% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าทั้งประเทศและกรุงเทพฯ เงินที่ได้จาก IPO จะนำไปสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นศูนย์กุมารเวช เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในได้ 50 เตียงจากปัจจุบันที่มีอยู่ 86 เตียง คาดเปิดปี 2019 เราคาดกำไรสุทธิปี 2016-18 โตเฉลี่ย 22.1% ต่อปี ประเมินมูลค่าหุ้นได้ 4.50 บาท (DCF) (FSS เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ EKH)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาปิดบวกได้เฉลี่ยราว 2% หลัง GDP ไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่คาด รวมถึงการรีบาวด์หลังจากแรงขายอย่างหนักจากประเด็น Brexit
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดบวกได้กว่า 2% เช่นกันหลังร่วงแรงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า ขณะที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจมีการออกมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบจาก Brexit
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น โดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเรื่อง Brexit มากขึ้น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20-35.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯที่ขยายตัวดีกว่าคาด รวมถึงการเข้าเก็งกำไรของนักลงทุนหลังจากราคาร่วงลงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 6.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,317.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากราคาพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันก่อนหน้าจากประเด็น Brexit
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28-29 มิ.ย. - EU Summit
29 มิ.ย. - ไทย: ศาลรธน.วินิจฉัย ม.61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ขัดรธน.หรือไม่ (ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการออกความเห็น)
- ญี่ปุ่น: รัฐบาลและ BOJ ประชุมหารือเรื่อง Brexit
- สหรัฐ: รายได้ส่วนบุคคล (พ.ค.), Pending Home Sales (พ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
30 มิ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค.
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
1 ก.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ, อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (มิ.ย.)
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (2Q16)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch r