WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
    SET INDEX วานนี้ ยังคงไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ผลักดันด้วยกลุ่ม ICT / พลังงาน / โรงพยายาล อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ และราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว ช่วยผลักดันให้ SET INDEX ปิดบวกอีก 13.11 จุด มาอยู่ที่ 1,437.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48,279 ล้านบาท
      เงินทุนต่างชาติกลับมาน่าสนใจ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,924 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 18,027 ล้านบาท แม้ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีก 2,801 สัญญา ก็ตาม

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุมผู้นำอียู 27 ประเทศเป็นวันที่ 2 ต่อกรณี Brexit
     ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลดลงต่อเนื่อง วานนี้ลดลงอีก 5.85bps ปิดที่ 1.969% เป็นสัญญาณบวกต่อหุ้นปันผล / Property Fund / REIT / IFF


โค้งสุดท้ายของการทำ Window Dressing
      YTD กลุ่มที่ Underperform เมื่อเทียบกับ SET INDEX 5 อันดับแรกได้แก่ ประกันภัย -17.54%, ท่องเที่ยว -5.45%, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -5.14%, รับเหมาก่อสร้าง -4.69%, เหมืองแร่ -3.98%

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 25)
      แม้ว่า SET INDEX วานนี้จะปิดยืนเหนือ 1,430 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับเม็ดเงินจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพอร์ตของโบรกเกอร์ ซี่งอาจประเมินได้ 2 ส่วนคือ การทำ Window Dressing ในช่วงโค้งสุดท้าย และ/หรือ การ Covered Short ที่ขายปิดความเสี่ยงกรณี Brexit ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
     หากพิจารณาจาก Valuation ของ SET INDEX ณ ปัจจุบันซื้อขาย PER16 เท่ากับ 15.51x สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ 15.33x รวมถึงภาพทางเทคนิคที่ด่าน 1,440-1,450 จุด ยังไม่น่าผ่านได้ ดังนั้นรูปแบบของ SET INDEX ในช่วง 2 วันทำการนี้จะเกิด Sector Rotation จาก Domestic Play ไปยัง Global Play หลังความกังวลต่อกรณี Brexit คลายตัวลง แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนในแง่ของกรอบเวลา และรูปแบบการออกจากกลุ่มอียูของอังกฤษ
     ทั้งนี้จับตากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง YTD ปรับตัวลง 4.69% เทียบกับ SET INDEX ที่ 11.60% เพราะสัปดาห์หน้าจะมีการขายซองโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่างาน 7.6 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้กลุ่มนี้กลับมามีสีสรรในช่วงสั้นนี้
     กลยุทธ์การลงทุน หลังเราแนะนำให้ขายทำกำไรบริเวณ 1,430 จุด +/- ไปแล้ว นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเข้าเก็งกำไรหุ้นรายตัวแบบจำกัดวงเงิน

Strategy of the Day
1. สะสม CK : ราคาปิด 28.00 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากเป็นกลุ่ม Domestic Play จึงได้รับผลกระทบจำกัดจากกรณี BREXIT
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ในเดือน ก.ค. คือ การขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม จำนวน 6 สัญญา มูลค่า 7.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า CK จะเป็น 1 ในตัวเต็งที่ได้งานอย่างน้อย 1 สัญญา เนื่องจากเป็นบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่และมีความเชี่ยวชาญงานรถไฟฟ้า
c) ราคาหุ้น Laggard โดย YTD ยังลดลง -3.4% เทียบกับ SET INDEX +11.6% และเชื่อว่าราคาหุ้นควรจะขยับขึ้นตามบริษัทลูกที่ Outperform ไปก่อนหน้า ได้แก่ CKP +59%, BEM +32% ส่งผลให้ NAV จากการถือหุ้นใน CKP, BEM, TTW คิดเป็นมูลค่า 27.00 บาทต่อหุ้น CK
2. เก็งกำไร IVL : ราคาปิด 30.25 บาท ราคาเหมาะสม 38.50 บาท
a) MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่ม Commodities จะฟื้นตัวในวันนี้ จากเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสียง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว ได้แก่ NYMEX +3.3%, BRENT +3.1% และไต่ระดับขึ้นต่อเช้านี้
b) ราคาหุ้นปรับตัวลง -5% ตั้งแต่ผลประชามติของอังกฤษลงมติออกจาก EU เชื่อว่าได้สะท้อนปัจจัยลบแล้ว เนื่องจากยุโรปเป็นฐานการผลิตราว 20% ของบริษัท
c) การอ่อนค่าของค่าเงินยูโรจะไม่กระทบกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเมินว่าการอ่อนค่าลงของค่าเงินยูโรเทียบกับเงินบาท ทุก 1 บาทจะกระทบประมาณการกำไรเพียง 80 ล้านบาท และราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากแรงเก็งกำไรงบ 2Q59 ที่คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติจะเติบโตเท่าตัว qoq เป็น 2.2 พันล้านบาท

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$185 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ หนาแน่น
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,924 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,108 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับเป็น 29,933 ล้านบาท
แม้ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 2,801 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 16,721 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อรับรู้กำไรสำหรับปิดงวด 1H59 อีกทั้ง S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 8.45 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 9.84 จุด กดให้ยอดสุทธิ QTD สถานะคงการ Long สุทธิเหลือ 7,904 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 18,027 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,661 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยดีดตัวขึ้นแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 5.85bps จากวันก่อนหน้าลดลง 7.80bps ปิดที่ 1.969%

Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 950 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,177 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง เน้นกลุ่มค้าปลีกอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิมากถึง 1,270 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 124 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการเน้นสะสม BJC ราวครึ่งของการซื้อสุทธิของ NVDR

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
- GDP ใน 1Q59 รอบสุดท้าย 1.1% qoq ดีกว่า Bloomberg consensus คาด +1.0% mom และครั้งก่อนหน้า 0.8% qoq การส่งออกสุทธิช่วยเพิ่ม GDP มากกว่า 0.1% ขณะที่การบริโภคภายในประเทศกลับลดลงเกือบ 0.3% จากการลดการใช้จ่ายภาคบริการ
- ดัชนี S&P CS เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.5% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.6% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.8% mom โดยราคาบ้าน 17 ใน 20 เมือง เพิ่มขึ้น mom
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมิ.ย. เท่ากับ 98.0 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 93.3 จุด และเดือนก่อนหน้า 92.4 จุด

ยุโรป
อัพเดทสถานการณ์ หลังผลประชามติของอังกฤษออกมาเป็น Brexit
- นายกฯ เยอรมัน ยืนยันว่า รัฐบาลเยอรมันจะทำทุกวิถีทางในการป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดดันและสร้างความอ่อนแอต่อยุดรป หลังจาก Brexit นอกจากนี้ การเจรจาระหว่างอังกฤษและอียู จะไม่สามารถเลือกปฎิบัติได้ หรือเป็นการต่อรองเฉพาะในส่วนที่เป็นบวกเท่านั้น
- Moody's ปรับลดแนวโน้มของธนาคาร 12 แห่งในอังกฤษ เช่น Barclays, HSBC, Santander UK, TSB Bank ถูกลดแนวโน้มเป็น "ลบ" จากเดิม "คงที่" ส่วน Lloyds Bank และ Principality Building Society ลดแนวโน้มเป็น "คงที่" จากเดิม "บวก" ทั้งนี้เป็นผลจากการลงประชามติ Brexit

จีน
จีนเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนในตลาดโลก: ผู้นำจีน Li Keqiang ยืนยันจีนจะสามารถรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางถึงสูงได้ และนโยบายการคลังก็มีช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ภายใต้ตลาดเงินทั่วโลกที่มีความผันผวน ทั้งนี้จีนคาดหวังว่าอียู จะสามารถกลับมามีเสถียรภาพได้ รวมถึงอังกฤษ เพราะไม่มีประเทศใดที่จะสามารถเดินออกจากเศรษฐกิจโลกเพื่อพัฒนาเพียงประเทศเดียว

เอเชียแปซิฟิก
เกาหลีใต้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลง: ปรับเป้าหมายเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 3.1% เป็น 2.8% และอัตราเงินเฟ้อลดลงจาก 1.5% เป็น 1.1% พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณพิเศษ 10 ล้านล้านวอน เพื่อใช้ในการสร้างการจ้างงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้าง ทั้งนี้เงินจากงบประมาณพิเศษนี้จะมาจาก งบประมาณปี 2558 ที่เหลืออยู่ราว 1.2 ล้านล้านวอน และรายได้จากภาษีที่คาดว่าจะได้มากกว่าประมาณการ

ไทย
ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.5% และ 2.6% ในปีหน้า: ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะขยายตัวได้ 2.5% ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ 6 เดือนก่อนหน้านี้ที่ 2.0% แต่ยังเติบโตได้ต่ำกว่าปีก่อนที่ 2.8% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวลงและการส่งออกยังคงลดลง โดยคาดว่าการส่งออกจะหดตัว -0.1% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวและการส่งออกยังคงลดลง แต่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังมีความมั่นคง การเงินและการคลังที่เข้มแข็ง จึงช่วยปกป้องให้ไทยพ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.6% พร้อมชี้การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่กำลังดำเนินการอยู่นี้
คลังจัดเก็บรายได้เดือนพ.ค. เกินเป้าหมาย 6 หมื่นล้านบาท: กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคม 2559 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 307,782 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 10,217 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.2 แต่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 37.1 ส่งผลให้ช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,556,421 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 61,093 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.1 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.4) สาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) 48,242 ล้านบาท นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 12,202 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.4 และการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเบียร์ และภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่าประมาณการ 7,351 6,947 และ 4,444 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 12.6 และ 7.1 ตามลำดับ

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

 

 

  

loading...

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!