- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 June 2016 16:49
- Hits: 3165
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? ที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง ภายใต้ภาพรวมที่ยังได้รับปัจจัยกดดันจากกรณี Brexit ของสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้เกิดความกังวลต่อ
ทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งของ EU และสหราชอาณาจักร (แนะติดตามการใช้นโยบายผ่อนทางการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) และอาจส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ขณะที่ล่าสุดอังกฤษถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง โดยเฉพาะจาก S&P ที่ปรับลง 2 ขั้น จาก “AAA” เป็น “AA”
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อค่าเงิน โดยเฉพาะทำให้เงินสหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมัน และจากความ
ไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้ในระยะสั้นมีการเข้าลงทุนในพันธบัตร และทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามคาดการลาออกของสหราชอาณาจักร ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีหลังจากนี้ และจะเริ่มนับ 1 เมื่อรัฐบาลอังกฤษยื่นความจำนงต่อ European Council รวมถึงต้องรอนายกฯ คนใหม่ คาดประมาณเดือน ต.ค. หลัง David Cameron ลาออก
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดไม่มีน้ำหนักมากนัก แม้จะได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow ภายใต้แรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่องอีก ประมาณ 1,300 ล้านบาท แต่ได้รับการชดเชยจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ กว่า 4,500 ล้านบาท
แนะติดตาม Window Dressing – 2Q/59 ในวันที่ 30/6/59
และภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK และ SEAFCO
SET SET50 SET100
1,424.31 +11.12 897.24 +4.61 2,019.52 +14.31
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -260.51, NASDAQ -113.53, S&P -36.87, FTSE -156.49, CAC -122.01 และ DAX -288.50
ภายใต้ความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และการเมืองในอังกฤษ หลังอังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมถึงปัจจัยกดดันจากการที่ S&P ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ ลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" เช่นเดียวกับ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ ลงสู่ระดับ "AA" จากระดับ "AA+"
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น – มิ.ย. ทรงตัว MoM อยู่ที่ระดับ 51.3
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$1.31 อยู่ที่ US$46.33 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น อาจส่งผลต่อความต้องกี่น้ำมันทั่วโลกให้ชะลอตัวลงด้วย รวมถึงถูกกดดันจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$2.3 อยู่ที่ US$ 1,324.7ต่อออนซ์ ยังคงได้รับปัจจัยหนุน จากผลการลงประชามติของอังกฤษที่แยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และความกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นข้างต้น ทำให้ยังคงเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,324 ล้านบาท สะสม YTD 28,009 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.64 1.83 3.34
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 44,796.22
สถาบัน 4,501.51
บัญชีหลักทรัพย์ -751.4
ต่างประเทศ -1,323.91
ในประเทศ -2,426.19
ประเด็นที่ต้องติดตาม 28 มิ.ย. – 1 ก.ค. 2559
28/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของ GDP – 1Q/59
ราคาบ้านเดือนเม.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือน
29/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ค.
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.
สต็อกน้ำมัน
30/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย.
1/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.
ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.12 อยู่ที่ 1.46% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.91 อยู่ที่ 23.85
หุ้นแนะนำ : TWPC