- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 June 2016 17:18
- Hits: 4172
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? ภายใต้ประเด็นต่างประเทศที่อยู่ระหว่างผลการลงประชามติ Brexit ในวันที่ 23/6/59 หรือ พฤ. นี้ ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดฝ่ายสนับสนุนให้สหราชณาจักรเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปนั้น ยังมีคะแนนนำ
ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อคณะกรรมการการธนาคารประจำวุฒิสภา (-) จากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวในดือนเม.ย. – พ.ค. แต่คาด (+) ช่วยคลายความกังวลว่าเฟดอาจยังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และในวันนี้ (22/6/59) ประธานเฟดจะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร อีกครั้ง
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คาดส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP บ้าง หลังปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาตามราคาน้ำมัน
ทางด้านประเด็นในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ โดยในวันนี้จะมีการประชุม กนง. คาดไม่มีผลต่อตลาดฯ คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ส่วน Fund Flow ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ แต่มูลค่าไม่มากเพียง 144 ล้านบาท และ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมของต่างชาติยังสูงเกือบ 29,000 ล้านบาท
และภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าคาดดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK และ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
SET SET50 SET100
1,430.80 +8.81 907.65 +6.57 2,034.04 +14.21
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +24.86, NASDAQ +6.55, S&P +5.65, FTSE +22.55, CAC +26.48 และ DAX +53.52
โดยตลาดตอบรับในเชิงบวกต่อการแถลงนโยบายการเงิน และรายงานภาวะเศรษฐกิจ 1H/59 ของประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐวานนี้ ซึ่งแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ว่าอังกฤษถอนตัวจาก EU
ส่วนประเด็นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ประธานเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการ เช่น การจ้างงานที่ชะลอตัวในเดือนเม.ย. – พ.ค. ทำให้เฟดจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในวันนี้ (22/6/59) ประธานเฟด จะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากผลสำรวจล่าสุดวานนี้ ระบุว่า กลุ่มที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU มีจำนวน 45% ขณะที่กลุ่มที่ต้องการแยกตัวมีจำนวน 44% โดยการลงประชามติจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (23/6/59)
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$0.52 อยู่ที่ US$48.85 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นในช่วง 2 วันก่อนหน้า และอยู่ระหว่างรอผลการลงประชามติกรณี Brexit ในวันพรุ่งนี้ (23/6/59)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.76 1.84 3.32
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 48,148.17
สถาบัน 1,455.23
บัญชีหลักทรัพย์ 18.54
ต่างประเทศ -144.34
ในประเทศ -1,329.43
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$19.6 อยู่ที่ US$ 1,272.5 ต่อออนซ์ จากการขายทำกำไร และผลสำรวจซึ่งบ่งชี้ว่าชาวอังกฤษอาจเลือกที่จะอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -144 ล้านบาท สะสม YTD +28,946 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 22 - 24 มิ.ย. 2559
22/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.
สต็อกน้ำมัน
23/6/59 : ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด 1.50%)
สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ค.
ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.
24/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 1.70% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.11 อยู่ที่ 18.48
หุ้นแนะนำ : AEONTS
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788