WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ระมัดระวัง
 คาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้เล็กน้อยวันนี้ จากปัจจัยบวกภายในประเทศหลายประการ แต่อารมณ์ของนักลงทุนอยู่ในภาวะเปราะบางก่อนการลงประชามติ อยู่หรือไม่อยู่ใน EU ของอังกฤษพรุ่งนี้ ที่ผลการสำรวจความเห็นสูสีกันมาโดยตลอดล่าสุดการนำของผู้มีความเห็นอยู่ต่อใน EU ลดลง ถ้อยแถลงของ Yellen อยู่ในแนวระมัดระวังด้วยเช่นกัน หอการค้าไทยมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง สภาอุตสาหกรรมฯก็มีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขยอดขายส่งออกและผลิตรถยนต์ถือว่าดีมากในเดือน พ.ค. จะเห็นว่าปัจจัยภายในประเทศวันนี้ดีทีเดียว

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS (ราคาปิด 23.90 บาท; AWS; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 25.42 บาท)
  บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ ถูกคาดว่าจะยังคงแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนุนโดยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายโรงพยาบาลและผลบวกจากการที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ต้องการรับการรักษาที่มีคุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล ปัจจุบัน BDMS มีจำนวนโรงพยาบาลทั้งหมด 43 โรงพยาบาล ภายใต้ 6 แบรนด์โรงพยาบาล และตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเป็น 50 โรงพยาบาลภายในปี 2563 โดยมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างจำนวน 1 โรงพยาบาล นั่นก็คือ โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2560 บริษัทคาดหวังว่าการขยายเครือข่ายนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการให้บริการในพื้นที่ที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนาโรงพยาบาลแม่ข่ายทั้ง 9 แห่งให้เป็น Centers of Excellence ซึ่งคาดจะเสร็จสมบูรณ์ในกลางปี 2561 เพื่อตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนคนไข้ต่างชาติและสัดส่วนรายได้จากคนไข้กลุ่มนี้เป็น 40% ในระยะยาว จากปัจจุบันที่ 31% จาก Bloomberg Consensus นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BDMS จะมีกำไรเติบโตที่ 13.1% และ 16.3% ในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ Price Pattern ของ BDMS ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal แต่จาก Price Pattern ของ BDMS คาดว่ายังอยู่ในช่วงของการปรับฐานระยะสั้นจากการเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่ โดยหาก Price Pattern ของ BDMS สามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดเหนือ 24.10 บาทได้สำเร็จ ก็จะทำให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าการปรับฐานระยะสั้นที่ผ่านมานั้นได้สิ้นสุดลง ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ BDMS สามารถกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ คาดว่าจะกลับมาเกิดความแข็งแกร่งในการปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 28.25 บาท (Resistance: 24.00, 24.10, 24.30; Support: 23.80, 23.60, 23.50)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
     คาด กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย จากโพลล์สำรวจของ Reuters พบว่านักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 27 รายล้วนคาดการณ์ว่าที่ประชุม กนง. ในวันนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิมที่ 1.5% แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังฟื้นตัวล่าช้าก็ตาม เนื่องจากมองว่าการลดดอกเบี้ยลงไปอีกจะส่งผลบวกน้อยมากต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลับกันจะส่งผลมากกว่าในเชิงลบในแง่ของเสถียรภาพทางการเงิน (Bangkok Post)
หอการค้าไทยคาดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวเด่น โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.3% ด้วยการส่งออกที่คาดจะขยายตัว 2.6% และเงินเฟ้อที่ระดับ 0.9% ขณะที่มองทั้งปีมีโอกาสจะขยายตัวได้ตามกรอบที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.2-3.5% ด้วยการส่งออกที่คาดจะขยายตัว 0.8% และเงินเฟ้อที่ระดับ 0.4% (Bangkok Post)
      เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือชาวนาฤดูกาลใหม่ ครม.วานนี้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือชาวนา 4.56 หมื่น ลบ. สำหรับฤดูกาล 2559-2560 ได้แก่มาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาทไม่เกินรายละ 10 ไร่ พักหนี้สองปีให้แก่ลูกค้า ธกส. ที่กู้ยืมไปไม่เกิน 5 แสนบาท อบรมเสริมความรู้ รวมถึงออกเงินอุดหนุนทำประกันพืชผลร่วมกันระหว่างรัฐและ ธกส. (Bangkok Post)
      ความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทย พ.ค. เพิ่มขึ้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยเพิ่มขึ้นสู่ 86.4 จุดใน พ.ค. จาก 85 จุดใน เม.ย. เพราะความกังวลเกี่ยวกับภัยแล้งลดลง ยอดคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการศึกษาเพิ่มขึ้น ใน พ.ค. กอปรกับนโยบายกระตุ้นของรัฐบาล ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นจาก 97.2 ใน เม.ย. เป็น 98.7 ใน พ.ค. ก่อนที่จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล
      ยอดผลิตรถและยอดขายเพิ่มขึ้นใน พ.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานยอดผลิตรถยนต์ พ.ค. พุ่งขึ้น 24.7% เทียบปีก่อนสู่ 168,394 คัน ยอดขายรถในประเทศ พ.ค. เพิ่มขึ้น 15.9% เทียบปีก่อนสู่ 66,019 คันขณะที่การส่งออกรถสำเร็จรูป พ.ค. เพิ่มขึ้น 11.9% เทียบปีก่อนสู่ 99,547 คัน มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 26.3% สู่ 5.499 หมื่น ลบ. เพราะยอดขายรถ PPV ดีขึ้น (Bangkok Post)

ต่างประเทศ     

      ผลสำรวจล่าสุดระบุว่าการรณรงค์ให้อังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปได้เสียคะแนนนำไปบางส่วน ก่อนการลงประชามติในวันพฤหัสนี้ ผลสำรวจทางโทรศัพท์ซึ่งจัดทำโดย Survation ระบุว่ากลุ่มที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU มีจำนวน 45% ขณะที่กลุ่มที่ต้องการแยกตัวมีจำนวน 44% นำอยู่เพียง 3 คะแนน (Reuters)

      เยลเลน: Fed ระมัดระวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากภาวะการจ้างงานในสหรัฐชะลอตัวและ Brexit : นางเจเน็ต เยลเลน ประธาน Fed ได้เข้าให้การกับคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันอังคารและแสดงถึงมุมมองในแง่บวกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เธอยอมรับว่าการจ้างงานในสหรัฐชะลอตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและกล่าวว่า Fed จะระมัดระวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่ามีความชัดเจนว่าตลาดแรงงานกระเตื้องขึ้น นางเยลเลนยอมรับว่าผลกระทบที่ตามมาหากชาวอังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 23 มิ.ย. จะทำแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมืดมนมากขึ้น (Reuters)
       ศาลสูงสุดเยอรมันไม่รับมาตรการการเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) โดยไม่จำกัดวงเงินหรือมาตรการ OMT ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมันไม่รับมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรในกรณีฉุกเฉินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยชี้ชัดว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เคยใช้ในการต่อสู้ภาวะวิกฤต มาตรการ OMT ถูกคิดขึ้นมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาของนายมาริโอ ดรากิ ประธาน ECB ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินยูโร โดยให้ผู้มีอำนาจของ ECB เข้าซื้อหนี้จากประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาทางการเงิน (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนขายเงินปอนด์และเงินยูโรจากข่าวว่าผลการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับการลงประชามตินั้นผู้ที่เห็นด้วยกับผู้ที่คัดค้านมีจำนวนใกล้เคียงกัน เงินยูโรปรับตัวลง 0.5% อยู่ที่ 1.1255 ดอลลาร์สหรัฐ ยืนเหนือระดับต่ำสุดในรอบการซื้อขายอยู่ที่ 1.1243 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.45% อยู่ที่ 94.031 (Reuters)
       ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ครึ่งเมื่อวันอังคาร หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐเห็นถึงความต้องการพันธบัตรอายุ 5 ปีที่ลดลงและนักลงทุนประเมินว่าอังกฤษจะลงคะแนนว่าจะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ในวันพฤหัส ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดลดลง 9/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.699% เพิ่มขึ้นจาก 1.670% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
สหรัฐ :

      ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันอังคาร นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากการที่นางเจเน็ท เยลเลน ประธาน Fed แสดงถึงความมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษยังคงซึมเซา (Reuters)
ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้น หลังจากตลาดคลายความกังวลต่อเหตุการณ์ Brexit แม่ว้าความเห็นว่าจะอยู่หรือไปจะใกล้ๆ กันก็ตาม (Reuters)
      ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนมิ.ย. สูงขึ้นผิดคาด โดยพุ่งขึ้นแตะ 19.2 จุด จากระดับ 6.4 จุดในเดือนพ.ค. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 4.7 นับเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเยอรมนีท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน (Reuters)
เอเชีย :

      การรณรงค์เลือกตั้งสภาสูงของญี่ปุ่นจะเริ่มในวันพุธนี้ โดยนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe อยู่ไม่ได้อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญเสีย อำนาจในการเลือกตั้ง เขาต้องการชัยชนะที่มั่นคง เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติของพรรค LDP ของเขาอยู่ต่ออีกสามปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่งประธานพรรค LDP ซึ่งจะหมดวาระในปี 2561 การเลือกตั้งในวันที่ 10 ก.ค. เชื่อว่าเขาสามารถได้คะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของสมาชิก 242 คน จากการตัดสินใจของเขาที่จะชะลอการปรับขึ้นภาษีการขาย และการใช้แนวนโยบายการใช้จ่าย และการปฏิรูปการเงิน Abenomics (Reuters)
      กิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวในเดือน มิ.ย. ชี้ถึงสถานะทางเศรษฐกิจเลวร้ายลง หลังจาก มีสัญญาณว่ามีเสถียรภาพในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดย ดัชนีผู้ประกอบการ SME ของ Minxin ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดในรอบสี่เดือนที่ 43.2 ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบ เดือนก่อนหน้าที่ 45.8 (Reuters)
      การผิดนัดชำระหนี้ในตลาดตราสารหนี้ของประเทศจีนแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรของ บริษัทยังคงอยู่ภายใต้ความกดดันและมีภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น สถาบันจัดอันดับ S & P ทั่วโลกได้กล่าวว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จำนวนของการผิดนัดชำระพันธบัตรนับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (year to date) มีจำนวนรวมมากกว่าทั้งปี 2558 โดยจำนวนมากกว่าผู้ออกพันธบัตรมากกว่า 20 รายมีการผิดนัดชำระ หลังจากที่มีผู้ออกตราสารมากกว่า 10 ราย เกิดการชำระเงินดอกเบี้ยและเงินต้นไม่ตรงเวลา (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

      ราคาน้ำมันลดลงวันอังคาร เพราะการขายทำกำไรหลังวิ่งติดกัน 2 วันก่อน และกลับเพิ่มขึ้นหลังช่วงการซื้อขายเพราะตัวเลขชี้ว่ามีการเบิกสต็อกน้ำมันมากกว่าที่คาด สต็อกน้ำมันลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว American Petroleum Institute (API) ระบุ โดยตัวเลขมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.7 ล้านบาร์เรลถึง 3 เท่า US EIA จะออกตัวเลขสต็อกน้ำมันอย่างเป็นทางการวันพุธนี้ Brent ล่วงหน้าเดือนใกล้ปรับลง 3 เซนต์ ปิดที่ 50.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังหล่นลงไปกว่า 1 ดอลลาร์แตะจุดต่ำสุดที่ 49.46 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ก.ค. ลดลง 52 เซนต์ (-1.0%) ปิดที่ 48.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
      ราคาทองแตะต่ำสุดรอบ 10 วันในวันอังคาร จากที่หุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้นและคาดการณ์ว่าคะแนนเสียงที่สนับสนุนให้อังกฤษออกลดลง ทองเป็นลบต่อหลังนาง Janet Yellen ประธาน Fed กล่าวว่าความเสี่ยงของโลกและการจ้างงานของสหรัฐที่ชะลอตัว หนุนมุมมองแบบระวังต่อการขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำตลาดจรลบ 1.9% แตะจุดต่ำสุดที่ 1,265.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดลดลง 1.6% ที่ 1,269.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐลดลง 1.5% เหลือ 1,272.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094

 

 

  

loading...

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!