WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
       ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวก 5.14 จุด มาอยู่ที่ 1,538.55 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงจากวันก่อนหน้า เป็น 52,236 ล้านบาท
      อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 4,094 สัญญา แม้ว่าจะคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 10 อีก 558 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 17 มากถึง 10,019 ล้านบาท กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าหลุดแนว 32.00 บาท/US$
     MBKET ประเมินภาพ SET INDEX มีแนวโน้ม Zig Zag ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550 +/- ในสัปดาห์นี้ แม้ว่าปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นต่อการลงทุน แต่การทยอยสรุปแผน Roadmap ของ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของพล.อ.อ.ประจิณ ในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผนการลงทุนขนาดใหญ่ด้าน คมนาคม 2.0 ล้านล้านบาท หรือ การปฎิรูปพลังงาน รวมถึง การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
      ขณะที่ประเด็นเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 รายหลักทรัพย์ หลังกลุ่มธนาคารประกาศงบ 2Q57 ครบกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เกิด Sector Rotation ไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆ ทั้งนี้ หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโต qoq และ yoy โดดเด่นใน 2Q57 ได้แก่ SIM, SAMART, TUF, GFPT, HMPRO, SPCG, KCE, PTTEP เป็นต้น
      ยูเครน และบริเวณ ชนวนกาซาร์ อิสราเอล ก็ตาม แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลับทรงตัว
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ “คงการ Swing Trade เน้นทางขายทำกำไรมากขึ้น เมื่อ SET INDEX ขยับขึ้นสู่ 1,550 +/-“ ทั้งนี้อาจปรับพอร์ตมาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q57 จะเติบโตโดเด่นเด่น
     กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTTEP

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Speculative Buy: PTTEP

Technical View
แนวรับ 1532 จุด แนวต้าน 1545 จุด ทดสอบแนวปะทะสำคัญ มีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้าง

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,540 จุด

มุมมองต่อ SET INDEX ยังคงเป็น “กลาง” Upside gain ยังจำกัด ยืนเป้า 1,550 จุด

      กลยุทธ์ Swing Trade ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงมาซื้อ เน้นหุ้นขนาดกลางที่ผลการดำเนินงานโดดเด่น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเด่นในกลุ่ม TIP แม้ว่าภาวะการลงทุนรอบเอเชียจะขาดปัจจัยบวก อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรป จะเปิดลบก็ตาม
     ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดบวกเล็กน้อย และขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหุ้นหลัก ICT อย่าง ADVANC / INTUCH จะยังเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง แต่เงินทุนยังคงเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน ไม่ว่าจะเป็น AOT / PTT / SCC แต่ SET INDEX ก็ยังไม่ผ่านแนว 1,540 จุด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,538.55 จุด บวก 5.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,236 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +3.54%, กลุ่มขนส่ง +2.68% และกลุ่มเหล็ก +1.54% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -0.40%, กลุ่มพลังงาน +0.47% และกลุ่ม ICT -0.58%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
     ตลาดหุ้นเอเชีย (7.28 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบไป 0.28% ก็ตาม
      MBKET คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 พร้อมประเมิน SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,550 +/- ภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าปัจจัยการลงทุนด้านพื้นฐานเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นก็ตาม แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก บวกกับแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลระหว่างกาล ทำให้ SET INDEX ดูแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปัจจัยแวดล้อมของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น
•Valuation ของ SET INDEX ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER14-15 สูงถึง 15.02x และ 13.13x ตามลำดับ เทียบกับค่าเฉลี่ยรายวัน 1SD ของ Forward 1Yr PER และ 2Yr PER ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า 14.35x และ 12.41x ตามลำดับ กล่าวคือ ณ ปัจจุบัน SET INDEX อยู่ในโซนที่แพง กว่า 1SD ในอดีต ย่อมมาพร้อมกับความผันผวนของ SET INDEX ที่มากขึ้น
•ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ ขยับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ราคา ณ ปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2557 เหลือจำกัดมากยิ่งขึ้น
•แม้ว่านักลงทุนต่างชาติทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่สถาบันภายในประเทศ ทยอยขายทำกำไรเช่นกัน ทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นได้อย่างจำกัด
และ Downside risk ของ SET INDEX จำกัดเช่นกัน เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เกิดความเสี่ยง / สัญญาณเชิงลบ ที่จะกดดัน SET INDEX ทำให้ แนวรับ 1,515-1,520 จุด น่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในมุมมองของ MBKET
ปัจจัยพื้นฐานต่อการลงทุนที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามพัฒนาการจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายด้านเศรษฐกิจจากทาง คสช. ซึ่งช่วยจำกัด Downside Risk ของ SET INDEX ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
•รายละเอียดของงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท เท่ากับงบประมาณปี 2557 และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท กำหนดวันสรุปร่าง วันที่ 29 ก.ค.
•นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐบาลชั่วคราว ที่จะขึ้นมารับตำแหน่งบริหารประเทศ ในระยะที่ 2 ของแผนที่ คสช.กำหนด road map 3 ระยะ หัวหน้าคสช.ยืนยัน เดือนก.ย.จะเห็นภาพชัดเจน
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
กรอบการแกว่งของ SET INDEX ภายในสัปดาห์นี้ หากไม่เกิดปัจจัยเสี่ยงใหม่เกิดขึ้น MBKET คาดว่า SET INDEX จะแกว่งลักษณะ Zig Zag ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550 จุด +/- ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร เพื่อเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 รวมถึงเงินปันผลระหว่างกาลเช่นกัน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ MBKET แนะนำให้ “คงการ Swing Trade ขึ้นแรงขาย ย่อตัวซื้อ” หรือเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินในหุ้น Laggard เป็นทางเลือก โดยหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q57 จะเติบโตโดดเด่นทั้ง yoy และ qoq ได้แก่ SIM, SAMART, GFPT, TUF, SPCG, KCE, PTTEP, EGCO, HMPRO

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•รายละเอียดงบประมาณปี 2558 หลังกำหนดกรอบการขาดดุลไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท และงบเพื่อการลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเริ่มมีรายละเอียดมากขึ้น คาดว่าจะสรุปแผนในวันที่ 29 ก.ค. และนำเสนอต่อ คสช.พิจารณาวันที่ 6 ส.ค.
•คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของ พล.อ.อ.ประจิณ เตรียมพิจารณาร่าง Roadmap การลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคา ภายในสัปดาห์นี้
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดสรุปภายในสิ้นเดือนส.ค.
2.โปรดเกล้า รธน.ชั่วคราวเย็นนี้: วันนี้ เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เฝ้าฯรับพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) 2557 ที่ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว
3.กลุ่มรับเหมา – วัสดุก่อสร้างเด่น: วันนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 8 ปี วงเงิน 3.0 ล้านล้านบาท ต่อคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ที่มี พล.อ.อ. ประจิณ เป็นประธาน
MBKET มีความเห็นเป็นกลาง: เพราะเชื่อว่าการนำเสนอดังกล่าว จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดของแผนทั้งในแง่ของความจำเป็นก่อนหลัง / ความเหมาะสม – ความคุ้มค่าของโครงการ / แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนโครงการต่างๆ
อย่างไรก็ตาม MBKET คาดว่าแรงเก็งกำไรยังคงกระจุกตัวกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในวันนี้ รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อย่าง SCC / SCCC / TASCO ขณะที่ KTB เผชิญกับแรงกดดันหลังผลการดำเนินงานใน 2Q57 ออกมาต่ำกว่าคาด
4.ติดตามการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี อินโดนีเซีย: วันนี้ กกต. ของอินโดนีเซียจะประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองในอินโดนีเซีย ประเมินถึงโอกาสเกิดการประท้วงต่อผลการนับคะแนนมีความเป็นไปได้สูง เพราะผลการแพ้ – ชนะ ไม่ต่างกันมาก

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.02 13.16 15.02 13.13
PSE 19.35 16.76 19.28 16.69
JSE 16.60 14.13 16.43 13.98
KOSPI 10.28 8.96 10.31 8.98
TAIEX 15.45 14.14 15.37 14.08
Straits Time 14.61 13.37 14.59 13.35
SHCOMP 8.16 7.21 8.17 7.22
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTTEP : ราคาปิด 168.00 บาท ราคาเหมาะสม 187.00 บาท
a)PTTEP จะรายงานผลประกอบการ 2Q57 ในวันพฤหัสนี้ (24 ก.ค.)
b)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 14,105 ล้านบาท เติบโต +32.3% yoy และ +13.4% qoq จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น +5.1% yoy และ +3.0% qoq เป็น 308 บาร์เรลต่อวัน ตามสัดส่วนรับรู้รายได้โครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่เพิ่มขึ้น
c)ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +2.9% yoy และ +3.2% qoq เป็น US$67.00/BOE ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้น +1.6% qoq
d)คาดว่าราคาหุ้นกลุ่มพลังงานจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่รองรับการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติ ทั้งจาก Sentiment เชิงบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และเม็ดเงินที่ไหลออกจากหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่ เช่น ADVANC, INTUCH ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเลื่อนประมูล 4G
e)ทิศทางกำไรสุทธิ 3Q – 4Q57 ขยายตัว qoq ต่อเนื่อง จากการรับรุ้รายได้โครงการ Hess แบบเต็มงวดใน 3Q57 และ โครงการซอติก้าใน 4Q57
f)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.7 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.0 เท่า และเชื่อว่าจะเป็นหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ อัตราการว่างงาน, ดัชนี ตลาดบ้าน, ยอดขายบ้านมือสอง

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อย US$4 ล้าน จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ US$102 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -2.1 39.3 10,844.3 9,188.0
KOSPI n.a n.a 5,000.2 4,875.1
JSE -2.0 40.7 4,861.9 -1,806.4
PSE -17.9 -1.1 1,043.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.6 -1.3 288.2 263.2
SET INDEX 17.4 24.8 -718.0 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมา short ใน SET50 Index Futures อีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +558 +797
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,094 +3,013
SSF (สัญญา) +148 +889
Metal Futures (สัญญา) -227 +1,065
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +10,019 +4,493

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่10 ลดลงอีกเหลือเพียง 558 ล้านบาท รวม10 วันทำการซื้อสุทธิ 14,299 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 23,983 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 4,094 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการ Long สุทธิ 3,593 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่า S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเล็กน้อยเป็น 7.45 จุด จากวันก่อนหน้า Discount ราว 7.19 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเช่นกัน 227 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อราคาทองคำกลับมาแกว่งบริเวณ US$1,310+/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 17 มากถึง 10,019 ล้านบาท รวม 17 วันทำการซื้อสุทธิมากถึง 116,542 ล้านบาท คาดว่าเป็นการทยอยสะสมพันธบัตรระยะยาว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 3.59bps ปิดที่ 3.632 ล้านบาท

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 736 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 705 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KTB 198.14 10.27% 22.62
SCC 98.24 11.54% 455.01
ADVANC 92.05 4.87% 214.12
INTUCH 82.27 4.03% 70.36
BMCL 57.48 3.37% 1.74


NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 20 ทั้งนี้เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักเป็นสำคัญ
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 20 เพียง 10 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ551 ล้านบาท จาก รวม 20 วันทำการ ซื้อสุทธิ 34,167 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 460 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 119 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 326 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 142 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท เท่ากับวันก่อนหน้า
2.กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 670 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 41 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 321 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 49 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 469.77 43.75 ADVANC -311.12 18.93
SCC 320.87 25.06 INTUCH -263.22 8.47
KBANK 168.24 26.20 SCB -170.18 22.45
AOT 163.52 9.92 DTAC -131.10 26.49
PTTGC 120.30 15.37 LH -121.33 23.58

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!