- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 20 June 2016 17:25
- Hits: 1359
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1414 ถ้าหลุดเสี่ยงลงทดสอบ 1400 และ 1380
SET Index: 1423.22 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 1420 จุด หลังจากฟื้นตัวเหนือแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1410 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวรับสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ 1414 จุด ถ้าหลุดจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1400 และ 1380 จุด แต่จะทำให้ความเสี่ยงในระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น และมีแนวต้านสำคัญที่ 1430 จุด
แนวต้าน : 1425 และ 1428
แนวรับ : 1420 และ 1417
BANPU = 13.20 / 13.50, PTTEP = 82.00 / 83.00, BANPU-W3 = 7.80 / 8.20, CPALL = 48 / 49, KBANK = 160 / 162
Mono Technology (MONO TB; THB 2.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.00 และ 3.08
แนวรับ : 2.90 และ 2.86
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือจุดสูงสุดในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ MONO โดยมีแนวรับที่ 2.90 และ 2.86 และมีแนวต้านที่ 3.00 และ 3.08 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.80 ลงไป
NCL International Logistics (NCL TB; THB 1.96) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.10 และ 2.26
แนวรับ : 1.96 และ 1.94
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงในระยะยาวขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ NCL โดยมีแนวรับที่ 1.96 และ 1.94 และมีแนวต้านที่ 2.10 และ 2.26 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.87 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ภาพใหญ่ยังไม่นิ่ง
สถานการณ์ภาพใหญ่ของการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกจะเป็นอย่างไร อาจต้องกลับมาดูโพลส์สำรวจน้ำหนักการลงทุนของบรรดาผู้จัดการกองทุนทั่วโลกที่รวบรวมโดย BofA Merill Lynch จากรูปด้านซ้าย บรรดากองทุนถือเงินสด (Cash) นับตั้งแต่เกิดวิกฤติ 9/11 โดยตอนนี้สัดส่วนการถือ Cash สูงสุดในรอบ 14 ปีคืออยู่ที่ 5.7% (มิ.ย.) สูงกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ (Lehman) ปี 2008 Debt ceiling Grexit fear (กรีซจะออกจากยูโร) และการลดค่าเงินหยวน ตรงนี้กำลังสะท้อนภาพ คือตลาดยังมีความกลัวจึงถือเงินสดเพิ่ม
หากมาดูน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั่วโลก พบว่าสอดคล้องกับน้ำหนักการถือเงินสด กล่าวคือ ช่วงที่สัดส่วนการถือเงินสดสูงๆ ช่วงแรกๆดัชนีตลาดหุ้นโลกมักจะขึ้น (แต่สุดท้ายจะลง) อย่างไรก็ตามรอบนี้เป็นที่น่าสังเกตุ คือตั้งแต่ ก.พ. ปี 2016 เป็นตันมา สัดส่วนการถือเงินสดสูงขึ้นเรื่อยๆ(ดัชนีหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นถึงปัจจุบัน) แต่เมื่อน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทั่วโลกเริ่มลดลงเรื่อยๆ ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ดัชนีหุ้นโลกยังอยู่ที่สูง เรามองว่าภาพดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูง ที่จะเกิดแรงขายหุ้นทั่วโลกรอบใหม่ในไม่ช้า
ความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ ตอนนี้ คือการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆในการหนุนกำไรของตลาด โดยล่าสุดจากการสำรวจของ Thomson Reuters พบว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้น S&P 500 ใน Q2/16 คาดยังติดลบถึง 3.6% เทียบ Q1/16 ที่ติดลบ 5% นอกจากนั้นหากมาดูค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าก็กำลังขึ้นไปเทรดมากกว่า 17.2 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 16.5 เท่า
ในอาทิตย์นี้ถือเป็นอาทิตย์ที่สำคัญ เนื่องจากในวันที่ 23 นี้ อังกฤษจะลงประชามติว่าจะอยู่หรือจะไปจากกลุ่มอียู หากผลออกมาว่าออก อาจจะเห็นความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกแรงๆได้อีก แต่หากอยู่ตลาดจะดีดกลับ โดยในส่วนของตลาดเอเชียเอง หากอังกฤษ ยังอยู่ในอียู ดัชนีตลาดหุ้นไม่น่าจะดีดได้แรง เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีในภูมิภาคไม่ได้ลงอะไรมากมาย
ทิศทางราคาน้ำมันหลังขึ้นไปมากกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรล แล้วอ่อนตัวลงมา คาดกันว่าตลาดยังกังวลกับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ ทั้ง ผลประชามติในอังกฤษ การลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและปัญหา Supply disruption ที่กำลังคลายตัวลง โดยล่าสุดทาง Goldman Sach บอกว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้จะแกว่งในกรอบ 45-50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ไปอีกสักพัก แม้จะเกิดการ Rebalance ขณะที่ทาง EIA บอกว่าแม้ราคาน้ำมันจะเข้าสู่ช่วง Rebalance ในครึ่งปีหลัง แต่ปริมาณการผลิตน้ำมันจะกลับมาท่วมตลาดอีกรอบในปี 2017 จากปริมาณการผลิตในสหรัฐและในกลุ่ม OPEC ส่วนการรีบาวน์ของราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์มาจาก ตลาดคลายความกังวลเรื่องผลโพลส์ในอ้งกฤษและค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว
ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้คาดจะเต็มไปด้วยความผันผวน จนกว่าผลประชามติในอังกฤษจะผ่านพ้นไป โดยประเด็นใหม่ที่จะกดตลาด คือ ความผันผวนในตลาดหุ้นยุโรป ส่วนวันนี้มองดัชนี SET จะปรับตัวขึ้นตามดัชนีในภูมิภาคหลังโพลส์ในอังกฤษบอกคะแนน อยู่ (44%) มากกว่า ออก (43%) วันนี้มองแนวรับที่ 1415-1410 จุดและแนวต้านที่ 1428-1432 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BJC และ TWPC
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,423.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 21,463.23 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit หลังผลสำรวจความคิดเห็นชาวอังกฤษเรื่องการลงประชามติ Brexit โดยฝ่ายสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไปนั้น ก่อนที่การลงประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
Afternoon Perspective..
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดว่ายังคงแกว่งแคบๆโดยตลาดยังคงเน้นเก็งกำไรเล่นรอบระยะสั้นเนื่องจากยังคงถูกประเด็นเรื่อง Brexit กดดันไว้ โดยสถานการณ์ปัจจุบันก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งปกติตลาดจะไม่ชอบภาวะอย่างนี้เพราะไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ ดังนั้นนักลงทุนจะยังไม่ทำอะไรอย่างมีนัยยะในช่วงนี้จนกว่าจะรู้ผล เราแนะนำ ถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ให้รอซื้อในจังหวะ Panic หากผลโหวตมาให้ออกโดยมองแนวรับ 1393 จุด น่าสนใจ แต่หากอยู่ต่อก็จะเกิดการณ์รีบาวน์กลับสั้นๆไปแถวระดับ1450 จุด
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Mono Technology (MONO TB; THB 2.90) - ซื้อ
NCL International Logistics (NCL TB; THB 1.96) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]