WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Mayตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ คงความพยายามในการไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,430 จุด จากการฟื้นตัวของกลุ่มธนาคาร และตามมาด้วยภาคบ่ายที่ตลาดยุโรปเกิด Technical rebound ผลักดันให้เกิดแรงเก็งกำไรเชิงบวกตามมา ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 6.79 จุด มาอยู่ที่ 1,434.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,082 ล้านบาท
  แม้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำกร เพียง 897 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,791 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 4,498 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
  ผลการประชุมเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมปรับลดเป้าหมาย GDP และอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากการประเมินเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
  ติดตามการประชุม BoJ ในช่วงสายของวันนี้ และ BoE ในช่วงค่ำ ตลาดประเมินว่าธนาคารกลางทั้ง 2 จะคงนโยบายการเงิน เพื่อรอดูผลการลงประชามติ Brexit ในสัปดาห์หน้า
  ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับฐานลงเป็นวันที่ 5 ปิดที่ US$48.01/barrel

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 17)
  ผลการประชุมเฟดเป็นตามที่นักลงทุนทั่วโลกคาดการณ์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ที่ 0.50% แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ 6 ประธานเฟดคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพียง 1 ครั้ง ขยับขึ้นจากการประชุมเดือนมี.ค.ที่มีเพียง 1 ท่าน สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีการอ่อนแรงลง อีกทั้งความเสี่ยงของ Brexit ที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เฟดมีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นกว่าช่วง 5 เดือนก่อนหน้า
  ทั้งนี้ SET INDEX ปิดบวกเด่น 6.79 จุด จากแรงเก็งกำไรต่อผลการประชุมเฟดวานนี้ไปแล้ว เรากลับมองว่าวันนี้มีโอกาสเกิด 'Sell on Fact' ทำให้ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,430-1,440 จุด อีกทั้งราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ลดลงตลอด 5 วันทำการ คาดว่าจะกดดันบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี
SET INDEX จะขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,450 จุดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าการประชุม BoJ วันนี้จะมีการเพิ่มมาตรการทางการเงินหรือไม่ หากเพิ่มมาตรการ แม้ว่าวงเงินจะไม่สูง เราเชื่อว่าจะสร้างบรรยากาศการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ต่อตลาดหุ้นทั่วโลกได้ แต่เรายังคงยืนยันว่า 1,430-1,450 จุดยังคงเป็นกรอบของการทยอยขายทำกำไร ลดพอร์ตการลงทุนและกลับมาถือเงินสดมากขึ้น หรือพักเงินในหุ้น Defensive และ/หรือ หุ้นปันผลแทน เพราะด้วย Valuation / ภาพทางเทคนิก ของตลาดหุ้นไทยตึงตัวมากแล้ว

Stock Pick of The Day
1. สะสม JASIF : ราคาปิด 10.30 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ซึ่งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง จะเป็น Safe Haven สำหรับพักเงินที่ดี ภายใต้ภาวะการลงทุนทั่วโลกที่ผันผวนจากความกังวลต่อการทำประชามติของอังกฤษว่าจะอยู่ใน EU ต่อหรือไม่ ในวันที่ 23 มิ.ย.
b) การประชุมเฟดเมื่อคืนนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25-0.50% เป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด และโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ก.ค.ลดลง หลังปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2559 ลงเหลือ 2.0% จากเดิมที่ 2.2% จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้หุ้นกลุ่ม High Dividend Yield ตอบรับเชิงบวก
c) JASIF จ่ายเงินปันผลไตรมาสละ 0.22 บาท คิดเป็นเงินปันผลต่อปีหุ้นละ 0.88 บาท เทียบเท่า Dividend Yield สูงถึง 8.5% ประเมินราคาเป้าหมายโดยอิง Yield ที่ 7% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่ม IFF และ REIT ที่ราว 6% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 12.00 – 12.50 บาท

2. สะสม CK : ราคาปิด 27.75 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่ม Domestic Play จะ Outperform ตลาด เนื่องจากพึ่งพิงปัจจัยในประเทศ เทียบกับกลุ่ม Global Play ที่จะผันผวนจากการทำประชามติของอังกฤษในวันที่ 23 มิ.ย.
b) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยบวก หลังวานนี้บอร์ดรฟม.ได้อนุมัติ TOR โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว แบ่งเป็น 6 สัญญา มูลค่ารวม 76,240 ล้านบาท โดยจะเปิดขายซองประมูลในวันที่ 1 ก.ค. และจะใช้ระยะเวลาราว 3 เดือน ในการพิจารณาคุณสมบัติ, พิจารณาด้านเทคนิค และเข้าสู่ขั้นตอนการประมูล
c)  CK เป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่ในประเทศ จึงมีความพร้อมสูงในการเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ และมีโอกาสได้งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายมูลค่าสูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท หาก BEM ซึ่งเป็นบริษัทลูกชนะงานเดินรถ และ Downside Risk จำกัด เนื่องจาก NAV จากการถือหุ้นใน BEM, CKP และ TTW คิดเป็นมูลค่า 24.00 บาทต่อหุ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!