WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ประชามติอังกฤษกลบทุกข่าว
  คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ในทิศทางเดียวกับหุ้นโลกจากความวิตกแนวโน้มที่สูงขึ้นของการที่อังกฤษอาจจะออกจากสหภาพยุโรป และจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจยุโรปที่ยังอ่อนแออยู่ สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำได้แก่ ตั๋วเงินคลังสหรัฐ พันธบัตรรัฐบาลเยอรมัน เงินเยนกำลังเป็นที่ต้องการแทนหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลาย นอกจากนี้หุ้นจีนมีแนวโน้มถูกกดดันจากการที่ MSCI ปฏิเสธไม่นำหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่เข้านับรวมในการคำนวนดัชนีตลาดเกิดใหม่ ไม่มีปัจจัยบวกใหม่ภายในประเทศที่จะหนุนตลาดได้ แม้ข่าว ททท.จับมือกับสายการบิน Emirates หนุนท่องเที่ยวไทยผ่านเครือข่ายทั่วโลกเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

หุ้นเด่นวันนี : KTC (Bt91.00; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 110.00 บาท)
  ในปี 2559 บมจ.บัตรกรุงไทย มีความแน่วแน่ที่จะทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อจะขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งในส่วนของการใช้จ่ายบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล โดยที่บริษัทตั้งเป้าพอร์ตบัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้จะเติบโต 9% และ 15% YoY ตามลำดับ ในการบรรลุเป้าหมายนี้ KTC วางแผนที่จะออกแคมเปญด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องกับทางร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ซึ่งรวมถึงการขยายเข้าไปสู่หมวดหมู่ใหม่ๆ เช่น กลุ่มร้านอาหารระดับบน หมวดสัตว์เลี้ยง และหมวดหนังสือ ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้บ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย และด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทำให้ผู้บริหารคาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 59 จะทรงตัวจากปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์การเติบโตกำไรสุทธิในปี 59 ของเราที่ 0.2% YoY ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 24.2% YoY ในปี 60 ถึงแม้ว่าแผนต่างๆของบริษัทเหล่านี้จะส่งผลกระทบด้านกำไรในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าแผนทั้งหมดจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ในระยะยาว Price Pattern ของ KTC มีความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal ในขณะที่ยังรอการกลับมาเกิดความแข็งแกร่งในรายสัปดาห์และรายเดือน จากการเกิด Weekly Buy Signal และ Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ตามลำดับ โดยหาก Price Pattern ของ KTC ปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 92.75 บาท จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และหาก Price Pattern ของ KTC ปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 92.25 บาท ก็จะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KTC ระยะสั้นที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 89.25 บาทไปได้ คาดว่าจะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 92.75 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 96 บาท ตามลำดับ โดย KTC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 88.25 บาท (Resistance: 91.25, 91.75, 92.25; Support: 90.50, 90.00, 89.50)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

     ครม. เห็นชอบร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวานนี้ ซึ่งจะคุมการจัดซื้อของทั้งหน่วยงานรัฐ องค์กรการปกครองท้องถิ่น องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระอื่นที่จัดตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพราะการจัดซื้อของรัฐจะเป็นมาตรฐานเดียวกันและโปร่งใส (Bangkok Post)
     ททท. จับมือเอมิเรตส์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับสายการบินเอมิเรตส์แห่งดูไบ ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและตัวตนของไทยในสายตาโลกผ่านทางเครือข่ายสายการบินระดับโลก โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมตลาดเฉพาะเช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กีฬา ความหรูหรา การแต่งงาน ฮันนีมูน และการรักษาพยาบาล ด้วยความเป็นไปได้ที่เอมิเรตส์จะเปิดเส้นทางใหม่จากดูไบไปจุดหมายสำคัญของไทยเช่น เชียงใหม่ อู่ตะเภาข้างเคียงพัทยา (Bangkok Post)
ต่างประเทศ

     เทรดเดอร์มองว่าไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ จากผลสำรวจของ CME Group’s FedWatch พวกเขามองว่ามีโอกาส 21% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. 40% ในเดือน ก.ย. และ 59% ในเดือน ธ.ค. ในขณะนี้สิ่งที่จับตามองได้เปลี่ยนไปเป็นจำนวนครั้งที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ (Reuters)
      ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันอังคาร เนื่องจากความกังวลที่ว่าอังกฤษอาจจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 6/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.596% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 1.567% (Reuters)
เงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีเทียบกับเงินยูโรเมื่อวันอังคาร เนื่องจากโอกาสที่ชาวอังกฤษจะลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเช่นสกุลเงินเยน ในการซื้อขายช่วงเช้า เงินยูโรอ่อนค่าลง 1.0% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 118.84 เยน ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.3% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 105.98 เยน (Reuters)

สหรัฐ :

      ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ที่กำลังจะมาถึงในขณะที่เฟดได้เริ่มการประชุมซึ่งมีกำหนดเวลา 2 วันโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน หุ้นกลุ่มการเงินเป็นตัวฉุดตลาดลงเนื่องจากนักลงทุนมองว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ ประเด็นเด่นอีกเรื่องหนึ่งคือยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้น 0.5% สูงเกินคาด (Reuters)
ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. เนื่องจากชาวอเมริกันซื้อรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ อีกหลายอย่าง บ่งบอกถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจกำลังแข็งแกร่ง ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก่อนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. การเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สองกระตุ้นยอดขาย 2.5% YoY หากไม่รวมรถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้างและร้านอาหารและภัตตาคาร ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก่อนหลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนเม.ย. (Reuters)
      อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นมากสุดนับแต่เดือนมี.ค. 2555 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. ในช่วงเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนพ.ค. ราคาสินค้านำเข้าลดลง 5.0% ลดลงน้อยที่สุดนับแต่เดือน พ.ย. 2557 (Reuters)
เฟดสาขาแอตแลนต้าปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 2.8% อิงจากยอดค้าปลีกในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลักดันการใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 2/59 ให้เพิ่มขึ้น 3-4% YoY ทั้งนี้ เศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา 0.8% ในไตรมาส 1/59 (Reuters)
ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่อง Brexit ที่จะมีการโหวตในสัปดาห์หน้า รวมไปถึงการเผ้าระวังผลการประชุมของ Fed ที่มีขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มิ.ย. (Reuters)
เอเชีย :

      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น Taro Aso ออกแถลงการณ์เตือนเกี่ยวกับการกลับมาแข็งค่าอีกของเงินเยน โดยเขา ตอบอย่างมั่นใจว่า การเก็งกำไรยังคงอยู่ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และเขาเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดเรื่องการลงประชามติในการออกจากสหภาพยุโรป ของสหราชอาณาจักรในสัปดาห์หน้า จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก (Reuters)
สมาชิกส่วนใหญ่ใน BOJ ชอบที่จะให้นโยบายมั่นคง: การกลับมาแข็งค่าใหม่ในค่าเงินเยนสร้างความปวดหัวให้กับผู้กำหนดนโยบายในการประชุม BOJ ในการที่ต้องทบทวนอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ แต่หลายคนยังคงอยากเห็นการชะลอการขยาย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีสัญญาณการอ่อนตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ (Reuters)
      MSCI ปฏิเสธเมื่อวันอังคารที่จะเพิ่มหุ้นจีนเข้ามาเป็นหนึ่งในมาตรฐาน(Benchmarks) ที่สำคัญ สำหรับการคำนวณดัชนี โดยสรุปว่าปักกิ่งจะต้องทำการเปิดเสรีตลาดทุน และให้ผู้กำหนดนโยบายเข้ามาดูแลสกุลเงินให้เข้มงวดขึ้น ปีนี้เป็นปีที่สามที่ MSCI ปฏิเสธ หุ้น A-shares ของจีน หลังจากที่ก่อเกิดแนวคิดจะนำหุ้นของจีนเข้ามาร่วมคำนวณดัชนี ในปี 2556 MSCI กล่าวว่าจะ พิจารณาการรวมหุ้น A shares ของจีนเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณในการทบทวนที่จะมีอีกครั้งในปี 2560 รวมถึงจะแจ้ง ผู้จัดการสินทรัพย์ ผู้จัดการกองทุนบำเหน็จบำนาญและผู้ประกันตน ซึ่งพร้อมจะเทเงินราว 4 แสนล้านดอลลาร์ ของเงินทุนเข้ามาในตลาดทุนของจีนในช่วงทศวรรษหน้า (Reuters)
จีนแสดงความขอบคุณสำหรับประเทศที่ได้เสนอการสนับสนุนจีนสำหรับตำแหน่งในการเรียกร้องที่เป็นข้อพิพาทกับประเทศฟิลิปปินส์ ในทะเลจีนใต้ เมื่อวันอังคาร โดยจีนได้ส่งสำนวนไปยังศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ในกรุงเฮกในกรณีที่พิพาทกับ ฟิลิปปินส์ โดยจีนปฏิเสธที่จะรับรู้กรณีดังกล่าวและกล่าวว่าข้อพิพาททั้งหมดควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจาทวิภาคี (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

       ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลงมากกว่า 1% ซึ่งนับเป็นการลดลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่อง Brexit ที่จะมีการโหวตในสัปดาห์หน้า โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.72 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 49.63 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.45 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 48.33 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากความกังวลของตลาดต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมปัจจุบัน โดยเฉพาะการโหวต Brexit ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ รวมไปถึงความคาดหวังของตลาดว่า Fed จะยังไม่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากที่ประชุม Fed ซึ่งจัดขึ้นในช่วงวันที่ 14-15 มิ.ย. นี้ โดยราคาทองคำตลาดจรปรับตัวสูงขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 1,285.06 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ โดยในระหว่างวันได้ปรับตัวสูงขึ้นไปถึงระดับ 1289.80 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
  Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!