- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 June 2016 17:21
- Hits: 680
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ปัญหาจากต่างประเทศ
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดในต่างประเทศจากความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นว่าชาวอังกฤษอาจลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปซึ่งส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยฉุดตลาดอีกประการคือตัวเลขการลงทุนของจีนที่อ่อนแอลงยิ่งเพิ่มความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ทำให้กลบมุมมองบวกของการที่ MSCI อาจจะรวมหุ้น A ของจีนในการคำนวณดัชนีตลาดเกิดใหม่ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ก็ยังไม่อาจต่อสู้กับปัจจัยลบต่างประเทศได้ ข่าวที่ ททท. จับมือกับ Baidu ช่วยกันดึงนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพิ่มขึ้นอีกน่าจะสำเร็จไม่ยากและเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาวะที่กลุ่มอื่นยังอ่อนแออยู่
หุ้นเด่นวันนี้ : RATCH (ราคาปิด 51.75 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 58.14 บาท)
เราเลือก บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์ Defensive play ท่ามกลางสถานการณ์ภาวะความไม่แน่นอนของตลาดในปัจจุบัน เนื่องจาก RATCH ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าสร้างกระแสเงินสดรับอย่างสม่ำเสมอภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว รวมไปถึงการจ่ายเงินผันผลอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากค่า Beta ของหุ้นที่ต่ำเพียง 0.4 ขณะที่คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัว YoY จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วเนื่องจากการหายไปของรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว ประกอบกับการเติบโตของกำไรปกติจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าหงสา กำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ ทั้ง 3 เฟสพร้อมกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จากประมาณการที่รวบรวมโดย Bloomberg consensus คาด EPS ปีนี้ฟื้นตัว 112% YoY มาอยู่ที่ 4.67 บาท/หุ้น ก่อนจะเติบโตปกติอย่างสม่ำเสมออีกเฉลี่ยปีละ 4% ต่อปีในปี 2560 และ 2561 ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายในระดับที่น่าสนใจ ด้วย PBV ปีนี้ที่ต่ำเพียง 1.1 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยต่อปีอีกราว 5.0% ในส่วนของ Price Pattern ของ RATCH มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้นจากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยคาด Price Pattern ของ RATCH น่าจะสามารถปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายเบื้องต้นที่ 53.00 บาทได้ต่อไป และหากสามารถปิดตลาดเหนือ 53.00 บาท คาดว่าจะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 55.25 บาท และเป้าหมายสำคัญที่ 57.25 บาท ตามลำดับ โดย RATCH มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 50.75 บาท (แนวต้าน: 52.00, 52.25, 52.50; แนวรับ: 51.50, 51.25, 51.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ททท. และ Baidu ร่วมกันดึงนักท่องเที่ยวจีนระดับไฮเอนด์มาไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัทจีน Baidu ร่วมกันวางแผนที่จะตีพิมพ์และแสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและบริการในประเทศไทยเพื่อให้แก่นักท่องเที่ยวจีน โดยมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวระดับบนจากหลากหลายที่ในจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว เซินเจิ้น ฉงชิ่ง เฉิงตู ความร่วมมือนี้จะทำให้ ททท. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงและรวดเร็ว คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยราว 10 ล้านคนต่อปี เพิ่มจาก 8 ล้านคนในปี 58 สร้างรายได้ราว 5.09 แสน ลบ.หรือเพิ่มขึ้น 35% (The Nation)
คณะทำงานเตรียมคุมเมกะโปรเจ็กต์ รัฐบาลเตรียมจัดตั้งคณะทำงานมีนายกฯ ประยุทธ์เป็นประธาน เพื่อจับตาความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและโครงการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ทำธุรกิจง่ายขึ้น โดยมุ่งให้เกิดการก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ 20 โครงการมูลค่า 1.6 ล้าน ลบ. เป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (Bangkok Post)
AAV: คณะกรรมการบริษัทได้รับการอนุมัติให้นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV และครอบครัวขายหุ้นจำนวน 1.8915 ล้านหุ้น ที่ราคา 4.20 บาท ให้กับนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ บริษัท คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี และครอบครัว ทำให้นายวิชัยและครอบครัวของเขาเข้าถือหุ้น 39% และมีอำนาจเข้าควบคุมกิจการของ AAV ส่วนนายธรรศพลฐ์ ยังคงเหลือหุ้นใน AAV เพียง 5% ข้อตกลงซื้อขายหุ้นดังกล่าวมีมูลค่ารวมมากกว่า 7,900 ล้านบาท นอกจากนี้วิชัยและครอบครัวจะต้องทำการเสนอซื้อรับหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ AAV จากผู้ถือหุ้นอื่น ๆ (Tender Offer) ตามกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ที่ราคา 4.2 บาทต่อหุ้น ความเห็น: เป็นที่ชัดเจนว่านายวิชัยไม่ต้องการที่จะซื้อหุ้น AAV เพิ่มมากไปกว่านี้ ราคาที่ทำคำเสนอซื้อ (30% ต่ำกว่าราคาปิด ล่าสุด 6.00 บาท) เราเห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นผลบวกต่อ AAV กับเจ้าของใหม่ ที่มีสถานะทางการเงินดีมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กำไรต่อหุ้นจาก Bloomberg คาดการณ์ที่ 0.40 บาท ในปี 2559 คิดเป็น PER ที่ 10.6 เท่า ณ ราคา Bt4.2 เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้น 81 % เทียบกับปีก่อน หุ้นจึงมีความน่าสนใจ
ต่างประเทศ
ผลสำรวจเกี่ยวกับการลงประชามติของอังกฤษทำให้ลดการถือครองเงินยูโร (risk off) ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าการลงประชามติของอังกฤษที่จะออกจากสหภาพยุโรปจะเป็นไปอย่างไรและยุโรปจะดำเนินการอย่างไรหากอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปจริง ๆ จึงเป็นผลให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น ผลสำรวจล่าสุดของ ICM ระบุว่ามีชาวอังกฤษ 47% ที่จะสนับสนุนให้อังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปในขณะที่มีชาวอังกฤษ 53% สนับสนุนให้อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) (AWS & Guardian)
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากการที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปได้เพิ่มความกังวลต่อความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและผลตอบแทนตราสารหนี้ในตลาดที่พัฒนาแล้วทั่วโลกร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 7/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.616% หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงอยู่ที่ 1.608% ต่ำสุดนับแต่วันที่ 11 ก.พ. (Reuters)
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อวันจันทร์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐจากความกังวลเกี่ยวกับผลการลงประชามติของอังกฤษในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินเยนที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 105.75 เยนก่อนจะปิดลดลง 0.7% ที่ระดับ 106.21 เยน (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงอีกเมื่อวันจันทร์ จากความกังวลเกี่ยวกับ Brexit และเหตุการณ์สังหารหมู่ในไนท์คลับเกย์แห่งหนึ่งในออร์แลนโดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนรอผลการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย. และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดประกาศในสัปดาห์นี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศในวันนี้ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน จากแรงขายหุ้นกลุ่มวัฏจักร รวมไปถึงความกังวลเรื่อง Brexit ที่ยังคงกดดันตลาดอยู่ (Reuters)
เอเชีย :
ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตพันธบัตรไม่มีหลักประกันสกุลเงินท้องถิ่นของญี่ปุ่น ที่ระดับ ' A' และคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศที่ระดับ ' AA ' และตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศที่ 'F1 ' อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศลงเป็น 'เชิงลบ' จาก 'มีเสถียรภาพ' เพราะความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายการคลังลดลง (Reuters)
การเจริญเติบโตในการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนช่วงเดือน ม.ค. - พ.ค. ลดลง 9.6% ต่ำกว่า 10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2543 และ ต่ำกว่า ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ที่เท่ากับ 10.5% โดยการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยการเติบโต เพียง 3.9% จาก 5.2% ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ขณะที่ปีก่อนเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เป็นการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชนที่เชื่องช้าที่สุดนับจากปี 2545 (Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 6% YoY ในเดือน พ.ค. เช่นเดียวกับในเดือน เม.ย. แต่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย (Reuters)
การเจริญเติบโตของยอดค้าปลีกของจีนทั้งภาครัฐและเอกชนในเดือน พ.ค.ชะลอตัวถึง 10.0% YoY ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน เม.ย.ที่ 10.1% (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง กดดันจากความกังวลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมในยุโรปและเอเชีย แต่ยังได้แรงหนุนบางส่วนจากการตึงตัวของอุปทานน้ำมันดิบในไนจีเรีย โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.19 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (-0.4%) มาอยู่ที่ 50.35 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 0.19 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (-0.4%) มาอยู่ที่ 48.88 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำเมื่อวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค. เนื่องจากความกังวลของตลาดต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมปัจจุบัน โดยเฉพาะการโหวต Brexit ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ โดยราคาทองคำตลาดจรปรับตัวสูงขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 1,281.96 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำตลาดล่วงหน้า (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331