- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 June 2016 16:52
- Hits: 525
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มปรับตัวลงตามคาด ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อ!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET มีแรงขายกดดันมากขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อน ทำให้ดัชนีเริ่มปรับลงจริงจังขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นต่างประเทศที่กดดัน รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มอ่อนแออีกครั้ง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลบได้อีก เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ไม่สดใสนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเริ่มกลับมาปรับตัวลงแรง จากการย้อนลบลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์/บาร์เรลของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งได้รับแรงกดดันจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการลงประชามติของชาวอังกฤษที่จะตัดสินใจว่าจะออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) หรือไม่ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET อยู่ระหว่างปรับพักตัวเพื่อลดความร้อนแรงของการขยับขึ้นเร็วเกินไปในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า แต่ด้วยสภาพคล่องในตลาดที่ยังมีมาก รวมทั้งคาดว่านักลงทุนยังเชื่อมั่นว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน ทำให้มีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนอีกครั้งได้ โดยเรายังคาดหมายโอกาสที่ดัชนีจะขยับขึ้นหาเป้าหมาย 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป จึงยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือต่อเนื่อง
แนวรับ 1426-1420 , 1416-1410 จุด
แนวต้าน 1432-1436 , 1438-1442 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PLAT, LDC, BDMS(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเล็กน้อย US$4ล้าน แต่ละประเทศมียอดซื้อ/ขายสุทธิค่อนข้างเบาบาง และตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่าง เม็ดเงินไหลออกจากเกาหลีใต้ US$9.3ล้าน และไทย US$2.4ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$8.7ล้าน และอินโดนีเซีย US$7.1ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนเริ่มมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพื่อรอผลการประชุม Fed, BOJ ในสัปดาห์นี้ และผลโหวต Brexit สัปดาห์หน้า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ราคาน้ำมันกดดันตลาด เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมัน -3% ปิดต่ำกว่า US$50/บาร์เรล จากแนวโน้มที่ผู้ผลิต Shale Oil ในสหรัฐจะกลับมาผลิตอีกครั้งเห็นได้จากจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 และยังถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
(-) นักลงทุนจับตาการประชุม Fed ขณะที่เสียงหนุนให้ “ออก” จาก EU ของชาวอังกฤษเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่า Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มิ.ย. ส่วน BOJ ตลาดคาดว่าไม่มีมาตรการ แต่ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ยังเผชิญความเสี่ยงจากโพลล์ของชาวอังกฤษที่หนุนให้ออกจาก EU เพิ่มเป็น 55% (45% อยู่ต่อ) ดอลลาร์
(0) MSCI จะประกาศว่าจะนำหุ้นจีน A-shares เข้าคำนวณในดัชนี MSCI EM หรือไม่ 14 มิ.ย. ตลาดหุ้น EM อาจถูกแย่งเม็ดเงินหาก MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน 5% จะหมายถึงเม็ดเงิน US$2 หมื่นล้านที่จะไหลออกจากตลาด EM เข้าตลาดหุ้นจีน
(0) ธปท.จะสรุปโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ทั้งหมด 15 มิ.ย. ก่อนเริ่มใช้ Any ID 15 ก.ค. เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศให้เป็น National E-Payment ตามนโยบายรัฐ ค่าธรรมเนียมของธนาคารน่าจะลดลงแต่ผลกระทบจำกัดเพราะรายได้ส่วนนี้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ค่าธรรมเนียมอื่นเช่น Bancasurance, mutual fund และในระยะกลาง-ยาว กลับเป็นบวกจาก volume ที่เพิ่มขึ้น หากหุ้นกลุ่มแบงก์พักฐานหลังจาก Outperform ตลาดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะถือเป็นโอกาสทยอยสะสมรอบใหม่ หุ้นเด่นยังเป็น KBANK (ราคาพื้นฐาน 194 บาท), TISCO (ราคาพื้นฐาน 52 บาท)
(+) ARROW ราคาหุ้นปรับลงมา 10% จาก high เมื่อ 2 เดือนก่อนที่ 14.60 บาทเพราะกังวลเรื่องราคาเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับสูงขึ้น เราคิดว่าตลาดกังวลมากเกินไป PE ปัจจุบันที่ 12 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มวัสดุฯที่ 16 เท่าทั้งที่ ARROW มีอัตรากำไรและ ROE สูงกว่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทเองที่ 16 เท่า ถ้าอิง PE 16 เท่าสะท้อนว่าตลาดมองกำไรปีนี้หดตัว 15% เหลือ 207 ล้านบาทซึ่งเป็นไม่ได้เพราะ 1Q16 ทำได้แล้ว 70 ล้านบาท กำไรปีนี้ที่เราคาด +8% คำนึงถึงราคาเหล็กที่ขยับขึ้นแล้ว และจริงๆแล้วบริษัทปรับราคาขึ้นได้จากความเป็นผู้นำในตลาดท่อร้อยสายไฟ เห็นจากอัตรากำไรขั้นต้น 1Q16 ที่ 36.2% สูงกว่าปกติที่ 30-35% ทั้งที่ราคาเหล็กเริ่มขยับขึ้น แสดงให้เห็นความสามารถในการบริหารต้นทุน ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเป็นโอกาสซื้อ ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท
(+) WORK เราคาดกำไรปกติ 2Q16 เร่งตัว +201% Q-Q จากรายได้ทีวีดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นตาม Utilization rate ที่เพิ่มตามฤดูกาลเป็น 80% จากไตรมาสก่อนที่ 60% และค่าโฆษณาเพิ่มต่อเนื่อง โมเมนตัมการฟื้นตัวของกำไรจะดีต่อเนื่องใน 3Q16 ก่อนชะลอลงในไตรมาสสุดท้ายเพราะค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงาน เรายังคาดกำไรปกติปี 2016-17 +60% และ +32% ตามลำดับ จากการขึ้นค่าโฆษณาได้เพราะ Content แข็งแกร่ง คงราคาพื้นฐาน 42 บาทซึ่งเหลือ upside ไม่ถึง 10% แต่แนวโน้มกำไร 2Q-3Q16 ที่ดีจึงแนะนำเก็งกำไร (ลดลงจากเดิมที่เป็นซื้อ)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนลบหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติ Brexit ในวันที่ 23 นี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดลบค่อนข้างแรงเช่นกันโดยตลาดกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจรวมถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือนนี้ไม่ว่าจะเป็น Brexit และการประชุม FED
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น โดยตลาดจับตาดูการประชุม FED และ BoJ รวมถึงการลงประชามติ Brexit ในเดือนนี้
(0) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.15-35.30 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.07 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันหลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,275.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลง และความไม่แน่นอนในการลงประชามติของอังกฤษว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ในปลายเดือนนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14-15 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
14 มิ.ย. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
15 มิ.ย. - ยูโรโซน: ดุลการค้า (เม.ย.)
16 มิ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
17 มิ.ย. - สหรัฐ: Housing Starts, Building permits (พ.ค.)
20 มิ.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
21 มิ.ย. - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มิ.ย.)
22 มิ.ย. - ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในวัน Nuzul Al-quran
- ไทย: กนง. ประชุม (ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch