- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 June 2016 17:13
- Hits: 635
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET มีค่า ex P/E ที่ 16.2 เท่า จึงไม่แปลกที่จะปรับฐาน ยังแนะขายหุ้นแพง (TOP, PTTGC, SCB, ROBINS, HMRPO) มาสะสมหุ้นถูก/มี upside (ADVANC และหุ้นน้ำมัน PTT, PTTEP) วันนี้เลือก WORK(FV@B45) เป็น Top pick ซึ่งจัดการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ น่า update ข้อมูลที่จะหนุนผลประกอบการงวด 2Q59 และ 2559
ปัจจัยรอบด้านหนุน Fed ยังคงยืนดอกเบี้ยที่เดิม
เชื่อว่าในช่วงนี้ ตลาดน่าจะลดความคาดหวังต่อการที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยฯเร็วขึ้น ลดน้อยลง หลังจากยอดการจ้างงาน(Nonfarm payrolls) เดือน พ.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาด การประชุมของ Fed ในรอบ 14-15 มิ.ย. จึงไม่น่าจะกังวลที่จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วไป และหากพิจารณาดัชนีชี้นำเศรษฐกิจพบว่ายังมีความขัดแย้งกัน กล่าวคือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สิ้นสุด 4 มิ.ย.59 ได้ลดลง 4,000 ราย สู่ 2.64 แสนราย (คิดเฉลี่ย 4 สัปดาห์ลดลง 7.5 พันราย สู่ 2.69 แสนราย) ดีกว่าตลาดคาด แต่สวนทางกับยอดสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง เดือนเม.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.6%mom (สูงสุดในรอบ 10 เดือน) จากการเพิ่มขึ้นของสต็อกเครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร จึงยังต้องติดตามการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจอื่น ๆ ในสัปดาห์หน้า เช่น ยอดค้าปลีก เดือน พ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.3% ลดลงจาก 1.3% ในเดือน เม.ย. ซึ่งน่าจะตอกย้ำว่า Fed ยังไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
ส่วนการประชุมธนาคารอื่น ๆ ของโลกในสัปดาห์หน้ามีหลายแห่ง แต่คาดว่ายังไม่มีอะไรใหม่
15-16 มิ.ย. ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ซึ่งคาดว่าจะยังไม่มีอะไร แต่น่าจะมีการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมรอบถัดไปคือ ก.ค.
และ 16 มิ.ย.ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ตลาดคาดยังคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามเดิมเพื่อรอผลการทำประชามติของสหราชอาณาจักร (Brexit) 23 มิ.ย. (โพลสำรวจล่าสุด 10 มิ.ย.ของ Financial Times พบว่า 45% อยู่ต่อ ขณะที่ 43% อยากออก และ 11 %ไม่ลงความเห็น)
ขณะที่ไทย มหาวิทยาลัยหอการค้า รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ค. ปรับลงมาอยู่ที่ 72.6 จุด เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ปัจจัยกดดันจากภาวะภัยแล้งและราคาพืชผลเกษตรปรับลง ทั้งนี้แม้ภาครัฐได้กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และ SMEs นับจากปลายปี 2558 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะดีขึ้นต่อเนื่องต่อจากนี้ ด้วยแรงขับเคลื่อนการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ โดยตลอดเดือน มิ.ย.จะมีการประมูลโครงการรถไฟฟ้า อาทิ สายสีส้ม สายสีเหลือง สีชมพู ) มูลค่ารวมราว 2 แสนล้านบาท ตามมาด้วยรถไฟรางคู่ (สายประจวบ-ชุมพร) มอเตอร์เวย์ และ สุวรรณภูมิเฟส 2 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน (I) ในประเทศ ผ่านการขยายระยะเวลาสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาออกไปแบบไม่มีกำหนด สำหรับเอกชนที่ลงทุนในเครื่องจักรและอาคารถาวร ASPS จึงยังคาดการณ์ GDP Growth ปี 2559 ที่ 3.5% สูงกว่าที่ Consensus ในที่เฉลี่ย 3% ซึ่งขึ้นกับโครงการลงทุนภาครัฐ หาก ล่าช้ากว่าแผน อาจทำให้ มีโอกาสปรับลดประมาณการ GDP ลงได้
ต่างชาติยังคงซื้อหุ้นในภูมิภาค แต่สลับมาขายหุ้นไทยเล็กน้อย
แม้วานนี้ตลาดหุ้นไต้หวันหยุดทำการ เนื่องจากเป็นวันไหว้บ๊ะจ่าง (Dragon Boat Day) แต่ตลาดหุ้นอื่นๆยังคงเปิดทำการเป็นปกติ โดยภาพรวมพบว่า ต่างชาติยังคงซื้อหุ้นในภูมิภาคราวต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 ด้วยมูลค่ารวม 382 ล้านเหรียญ โดยยังซื้อเกือบทุกประเทศ ยกเว้นไทย กล่าวคือ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ซื้อสุทธิราว 356 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 31 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิเพียงวันเดียว) และฟิลิปปินส์ 4 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 12) ส่วน ไทย ขายสุทธิเล็กน้อยราว 9 ล้านเหรียญ หรือ 310 ล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิต่อเนื่อง 5 วัน) ตรงข้ามกับนักลงทุนสถาบันที่สลับมาซื้อสุทธิสุทธิ 379 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ยังคงซื้อสุทธิราว 6.0 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6.0 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 โดยมียอดซื้อสะสมรวมสูงถึง 5.8 หมื่นล้านบาท)
WORK ยังโดดเด่นทางกลางการแข่งขันโฆษณาที่รุนแรง
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น หลังจากที่มีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทีวี (เชิงพาณิชย์) มีจำนวน 24 ช่อง เทียบกับอดีตที่ผูกขาด อยู่กับผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย (ช่อง 3 และช่อง 7 ครองส่วนแบ่งผู้ชมรวมกันกว่า 80% ของผู้ชมโทรทัศน์ในประเทศที่มีอยู่ราว 5.3 ล้านราย) ทำให้ส่วนแบ่งตลาดถูกกระจายจากผู้ประกอบการกลุ่มเดิมมายังรายใหม่ ๆ กล่าวคือ ส่วนแบ่งตลาดของช่อง 3 และ ช่อง 7 ลดลงจากที่เคยสูงสุดในอดีตที่ 34.7% และ 40.6% มาเหลือเพียง 18% และ 31.2% ในเดือน พ.ค. 2559 ขณะที่รายใหม่ที่มาแรงและสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อย่างรวดเร็วก็ตาม WORK ล่าสุดอยู่ที่ 13.6% ตามมาด้วย MONO 6.1% และ RS 4.9%
แต่อย่างไรก็ตามก็ตาม ต้นทุนโดยรวมของผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี มีแนวโน้มที่สูง ทั้งต้นทุนคงที่ (ใบอนุญาต ค่าเช่าโครงข่าย ค่าเช่าดาวเทียม) ต้นทุนผันแปร ได้แก่ คอนเทนต์ และส่วนแบ่งรายได้ 2% ของรายได้ (ยังได้รับยกเว้นค่าใช้จ่ายอีก 2% ของรายได้ ที่ต้องนำเข้ากองทุนวิจัยฯ) ขณะที่การเพิ่มเงินค่าโฆษณายังเป็นไปอย่างล่าช้ากล่าวคือ ส่วนใหญ่ยังเก็บที่ไม่เกิน 2 หมื่นต่อนาที ยกเว้น WORK รายเดียวที่สามารถเพิ่มค่าโฆษณาขึ้นไปแตะระดับเกือบ 5 หมื่นบาทในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ประกอบการฯ ส่วนใหญ่ยังเผชิญภาวะขาดทุน ไม่ว่าจะเป็น MONO, GRAMMY, AMARIN, NMG, NBC และ NEWS ยกเว้น WORK และ RS ที่ยังมีกำไร เพราะมีจุดเด่นที่มี คอนเท้นต์เป็นของตนเอง และยังมีส่วนแบ่งผู้ชมที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรณีของ BEC(FV@B27) แม้ยังมีกำไรแต่มีแนวโน้มลดลง เพราะได้สูญเสียส่วนแบ่งผู้ชมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.- 10 ก.ค. จะมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2016 ซึ่ง BEC ได้สิทธิถ่ายทอดสดทางฟรีทีวี แต่เพียงผู้เดียว จึงคาดจะช่วยหนุนให้เรตติ้งของโทรทัศน์ช่อง 3 กระเตื้องขึ้น และมีผลต่อการผลประกอบการในไตรมาส 2 และ 3 เล็กน้อย แต่ยังสอดคล้องกับประมาณการเดิมที่ประเมินไว้ 2,172 ล้านบาท ลดลง 27% จากปี 2558 และแม้ว่ายังมีคำนำให้ switch แต่ประเด็นบวกดังกล่าว และ ราคาตลาด เทียบกับมูลค่าพื้นฐาน (Fair Value)ยังมี upside อีก 11% จึงแนะนำเก็งกำไรระยะสั้น
และวันนี้ WORK(FV@B45) จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งน่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลล่าสุด เกี่ยวกับส่วนแบ่งผู้ชมที่เพิ่มขึ้น การปรับอัตราค่าโฆษณา และ Utilization Rate ของการใช้เวลาโฆษณา ซึ่งน่าจะหนุนให้ งวด 2Q59 มีกำไรที่โดด ต่อเนื่องจาก 1Q59 ทั้งนี้ยังไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจากร่วมทุนใน Dianosaur Planet เข้ามาไตรมาสแรก (ถือหุ้น 30%) ซึ่งน่าจะหนุนให้ตลอดปี 2559 มีกำไรอยู่ที่ 335 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกิน 100% และกลับมาเติบโตต่อเนื่องอีก 43% ในปี 2560 หรือมีกำไรสุทธิราว 469 ล้านบาท เลือก WORK(FV@B45) เป็น Top pick กลุ่มบันเทิง
กลยุทธ์ แนะนำขายหุ้นแพง และซื้อหุ้นที่มี upside : TCAP, WORK, HANA, ADVANC
วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรงเกือบ 10 จุด จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก, ปิโตรเคมี และ ขนส่ง เนื่องจากกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นปีปรับเพิ่มขึ้นจน outperform มากกว่าตลาด ขณะที่กลุ่มพลังงานยังคงปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจากอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งขึ้นเหนือ 50 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน SET Index ให้ผลตอบแทนกว่า 11.5%ytd สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ทั้ง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 8.4%ytd และ 6.2%ytd ตามลำดับ ตรงข้ามกับตลาดหุ้นมาเลเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และจีน ที่ให้ผลตอบแทนลดลง คือ -2.5%, -2.8%, -12.4% และ -17.3% ตามลำดับ
แต่หากเปรียบเทียบระดับ P/E ของหุ้นไทยที่ระดับ 16.2 เท่า กับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่า สูงกว่าตลาดหุ้นจีน, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย ที่ 13.4, 15.5, 16.1 เท่า แต่ยังต่ำกว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ 19.2 เท่า จึงทำให้อาจต้องระมัดระวังการปรับฐาน
ในระยะสั้น ยังแนะนำขายทำกำไรในหุ้นที่ขึ้นไปมากกว่าตลาด หรือมี upside เหลือน้อย และให้สลับมาลงหุ้นที่ laggard โดยมีปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกรองรับ และมีระดับ P/E ต่ำ ราคาหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าตลาด (Beta ต่ำๆ ) ดังตารางด้านล่าง
หุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ได้แก่
TASCO (FV@B39) ราคาหุ้นวานนี้เพิ่งฟื้นหลังจากทรงตัวมานาน สวนทางกับผลการดำเนินงานปีนี้ที่ยังคงสดใส กำไรสุทธิยังอยู่ในระดับสูงมาก ขณะที่ระดับ P/E ต่ำมากเพียง 8.5 เท่า ขณะที่ upside สูงถึง 44%
MCS ([email protected]) ราคาหุ้นค่อนข้างนิ่งมานานกว่า 7 เดือน ขณะที่ฝ่ายวิจัยยังมองเป็นหุ้นในอุดมคติในแง่พื้นฐาน ทั้งผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง, อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูงกว่า 20% ระดับ P/E ที่ต่ำเพียง 8.5 เท่า และ Dividend Yield สูงถึง 6.5% ทั้งยังมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการในอนาคตสูง จากงานส่วนเพิ่ม และเงินเยนที่แข็งค่า ขณะที่ upside สูงถึง 47%
TCAP ([email protected]) คาดกำไร 2Q59 ยังทรงตัวสูงต่อเนื่อง โดยจะเห็นสัญญาณบวกของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปี ภาพรวมกำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโตถึง 20.5%yoy ขณะที่ราคาปัจจุบันยังคงซื้อขายกันต่ำกว่า PBV ที่ราว 0.8 เท่า และ P/E ต่ำเพียง 7 เท่าเท่านั้น ทั้งยังคาดหวัง Dividend Yield ได้ถึง 4.5% upside สูง 36%
WORK (FV@B45) ผลการดำเนินงานเติบโตได้สวนทางเศรษฐกิจซบเซา คาดเรตติ้งเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หนุนให้รายได้ค่าโฆษณาเติบโตอย่างมีนัยฯ คาดปีนี้ผลการดำเนินงานเติบโตเกินกว่าเท่าตัว ยังไม่รวมโอกาสในการปรับประมาณการกำไรฯ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการ waive ค่าธรรมเนียม ขณะที่ระดับ P/E แม้จะค่อนข้างสูงราว 48 เท่าในปีนี้ แต่จะลดลงเหลือราว 35 เท่าในปีหน้าจากการเติบโตของผลการดำเนินงาน ส่วน upside อยู่ที่ราว 14%
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์