- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 June 2016 17:10
- Hits: 519
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังมีแนวโน้มแกว่งลบให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นซื้อต่ออยู่...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ทรงตัวบวกได้เพียงครึ่งวัน ก่อนจะมีแรงขายกดดันอีก ทำให้ดัชนีแกว่งผันผวนในกรอบจำกัด ก่อนที่ภาคบ่ายแรงขายจะกดดันมากขึ้นทำให้ SET ลงมาปิดลบเกือบ 10 จุด คาดว่ามาจากการปรับลงของฟิวเจอร์สตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐ รวมทั้งการอ่อนแอของราคาน้ำมันดิบโลก
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET ยังแกว่งตัวลบได้อีก หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐยังแกว่งตัวด้านลบ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดปรับตัวลงโดยเฉลี่ยประมาณ 1% เศษ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 1% จากแรงเทขายทำกำไร หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือนด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET ปรับลงเพื่อลดความร้อนแรงของการขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่สภาพคล่องในตลาดยังมีสูง ทำให้มีลุ้นแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนเมื่อ SET ปรับตัวลง และสุดท้ายตลาดยังมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นต่อ เพื่อลุ้นวิ่งขึ้นหาเป้าหมาย 1500 จุดได้ในช่วงถัดไป จึงแนะนำเลือกหุ้นทยอยเข้ารับ แล้วเน้นถือต่อเนื่อง
แนวรับ 1433-1430, 1426-1420 , 1416-1410 จุด
แนวต้าน 1438-1442 , 1444-1446 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TNH, TISCO, VGI(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$388ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$355.8ล้าน และอินโดนีเซีย 31ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทยเป็นวันแรกในรอบ 1 สัปดาห์ US$8.8ล้าน (ไต้หวันปิดทำการ) กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงลงราว 1% เมื่อคืนนี้จากการขายทำกำไร
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) น้ำมันพักฐานฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบปรับลงราว 1.2% หลังปรับขึ้นติดต่อกันมา 3 วัน แรงกดดันมาจากเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดค้าส่งของสหรัฐค่อนข้างสดใส ภาพรวมหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้จะถูกกดดันด้วยสาเหตุเดียวกัน โดยเฉพาะ PTTEP ที่ช่วงก่อนปรับขึ้นมาแรงกว่าราคาน้ำมัน
(-) การประชุม Fed สัปดาห์หน้ายังเป็นตัวฉุดรั้งตลาด แม้ความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 14-15 มิ.ย. จะเหลือ 0% และโอกาสที่จะขึ้นปลายเดือน ก.ค. ก็ลดน้อยลง (ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ยปลายปี) แต่นักลงทุนยังกังวลกับความเสี่ยงของ Brexit (23 มิ.ย.) ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงชั่วคราวกลับเข้าซื้อดอลลาร์
(+) K เราเริ่ม Coverage โดยประเมินราคาพื้นฐานปีนี้ 6.20 บาท อิง PE 20 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าคาดไว้ 19% ธุรกิจของ K คือรับออกแบบบูธในงานแสดงสินค้า เช่นบูธในงาน Money Expo, Motor Show, Motor Expo และงานตกแต่งภายในของ Shop Brand ต่างๆ เช่น Uniqlo, Phillip Lim, Balanciaga จุดแข็งอยู่ที่แบรนด์และเครือข่ายของ Kingsmen ที่มีสาขา 14 ประเทศทั่วเอเชีย งานในมือมีรองรับคาดการณ์รายได้ปีนี้ 1.2 พันล้านบาทหมดแล้ว ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ราคาปัจจุบันมี PE 17 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า แนะนำซื้อ
(+) THANI เราปรับกำไรปี 2016 ขึ้น 5% สู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 834 ล้านบาท +11.4% Y-Y เพราะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลง ทำให้คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะลดลงเหลือไม่เกิน 4% จากโครงสร้างเงินกู้ที่เป็นระยะสั้น 50% ขณะที่คุณภาพพอร์ตดีขึ้น NPL ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สำหรับกำไร 2Q16 เราคาด +2.4% Q-Q, +12.5% Y-Y ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 4.46 บาท จากเดิม 3.60 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 11.5 เท่าและคาด Dividend yield 5% ต่อปี จึงยังคงแนะนำซื้อ
(0) BANPU ลูกหุ้นจากการเพิ่มทุน 1,291 ล้านหุ้น (2:1 @5 บาท) เข้าเทรดวันนี้ ในทางทฤษฎี ไม่กระทบราคาตลาดเพราะสะท้อนแล้วตั้งแต่วันขึ้น XR ที่ปรับลงไปต่ำสุด 11.50 บาท แต่การปรับขึ้นของราคาจะยาก เพราะ BANPU-W3 ที่คาดเข้าปลายสัปดาห์หน้าหรืออย่างช้า 21 มิ.ย. มีราคาใช้สิทธิเพียง 5 บาท ใช้สิทธิได้ทุกเดือน และมีอายุเพียง 1 ปี ข่าวดีในระยะสั้นยังไม่มี แนวโน้มกำไร 2Q16 อ่อนแอทั้งธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า ข่าวดีในระยะกลางคือการนำ BPP เข้า IPO ซึ่งให้สิทธิ Pre-emptive right ในสัดส่วน 12 BANPU : 1 BPP คาดว่าจะเข้าตลาดใน 2H16 (ขึ้นอยุ่กับภาวะตลาด) ราคาพื้นฐานของเราที่ 13 บาทเป็นราคา full dilution แล้ว แนะนำเพียงถือ
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเล็กน้อยหลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวลงหลังทำจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ต่ำกว่าที่ตลาดคคาด
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนยังปิดในแดนลบต่อจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง รวมถึงตลาดยังกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบจากบรรยากาศการลงทุนที่ไร้ปัจจัยบวกใหม่และถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลง
(-) ค่าเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาอ่อนค่าหลังจากแข็งค่ามาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.15-35.25 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 0.67 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.56 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีนี้ในช่วงก่อนหน้า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 10.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,272.70 ดอลลาร์/ออนซ์ แม้ค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 มิ.ย.
- ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่างและ Dragon Boat
12 มิ.ย.
- จีน: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
14-15 มิ.ย.
- สหรัฐ: FOMC ประชุม
14 มิ.ย.
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
15 มิ.ย.
- ยูโรโซน: ดุลการค้า (เม.ย.)
16 มิ.ย.
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
17 มิ.ย.
- สหรัฐ: Housing Starts, Building permits (พ.ค.)
20 มิ.ย.
- ไทย: ยอดขายรถ (พ.ค.)
21 มิ.ย.
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มิ.ย.)
22 มิ.ย.
- ไทย: กนง. ประชุม (ตลาดคาดดงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch