- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 June 2016 16:29
- Hits: 1016
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
AWS ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้ตามหุ้นสหรัฐ นักลงทุนโลกยังคงลดการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้น ผลคือการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงซึ่งก่อให้เกิดแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมทั้งน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของตลาดน่าจะถูกจำกัดโดยตัวเลขการค้าของจีนซึ่งออกมาทั้งดีและไม่ดี และการที่ธนาคารโลกปรับลดประมาณการอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก ปัจจัยภายในประเทศวันนี้อยู่ในลักษณะเป็นกลางเป็นส่วนใหญ่ ธนาคารโลกคงประมาณการเศรษฐกิจไทยโต 2.5% ปีนี้และ IMF ก็คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้เช่นกันที่โต 3.0%
หุ้นเด่นวันนี้ : BTS (ราคาปิด 9.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 59 AWS 10.00 บาท)
บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการเร่งผลักดันโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐในปีนี้ นอกเหนือจากสัญญาเป็นผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งคาดว่าบริษัทจะได้เซ็นสัญญารับจ้างเดินรถให้แก่ กทม. ในเร็วๆ นี้ BTS ยังมีความพร้อมที่จะเข้าประมูลสัญญารถไฟฟ้าเพิ่มเติมหลังรัฐบาลได้อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู, สีเหลืองและสีส้มแล้วในปีนี้ นอกจากนี้ เราคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานของ BTS ในปี FY60 (เม.ย. 59 - มี.ค. 60) เติบโตโดยได้รับแรงหนุนจาก 1) การเติบโตตามปกติของบริษัทจากส่วนแบ่งกำไรผ่านการถือหุ้นใน BTSGIF, รายได้จากโรงแรมยูสาทร, ร้านอาหารเชฟแมน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบัตรแรบบิท 2) สื่อโฆษณาใหม่ ๆ ของ VGI ที่จะเริ่มทำรายได้เต็มปี รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก MACO หลัง VGI ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม 3) โครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง BTS และแสนสิริ จะเริ่มโอนกรรมสิทธิได้ในเดือนธ.ค. 59 เราประมาณการกำไรจากการดำเนินงานงวด FY60 จะเติบโตได้ 25% YoY นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.34 บาทต่อหุ้น หรือ 7.4% p.a. จากผลประกอบการงวด 2HFY59 และกำไรสะสม วันขึ้นเครื่องหมาย XD 28 ก.ค.59 ในส่วนของรูปแบบราคา BTS ยังคงมีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิดสัญญาณซื้อในรายวันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังคงโดนกดดันจากการเกิดสัญญาณขายในรายสัปดาห์และรายเดือนอยู่ โดยหากรูปแบบราคาของ BTS สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 9.20 บาท ก็จะเกิดความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการกลับมาเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์ครั้งใหม่ และหากสามารถยืนเหนือ 9.20 บาท ณ สิ้นเดือนนี้ก็จะกลับมาเกิดสัญญาซื้อในรายเดือนได้ ราคาคาดว่าจะไปทดสอบเป้าหมายสำคัญที่ 9.55 บาท มีจุด Stop Loss รอบนี้อยู่ที่ 8.95 บาท (แนวต้าน: 9.30, 9.35, 9.40; แนวรับ: 9.20, 9.15, 9.10)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
IMF คาดไทยฟื้นตัวไม่มาก แม้จะมีแรงส่งต่อเนื่องแต่เศรษฐกิจไทยก็น่าจะเติบโตได้ไม่มากและยังมีความเสี่ยง คาดว่าไทยจะเติบโต 3% ในปี 59 และ 3.2% ในปี 60 อุปสรรคในการฟื้นตัวมาจากเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนทางการเมืองและโครงสร้างที่เป็นคอขวดส่งผลต่อการเติบโต GDP (Bangkok Post)
ธนาคารโลกคงมุมมองต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 2.6% ในปีหน้า จนถึง 3% ในปี 61 โดยคาดว่าจะค่อยๆ เติบโตทีละน้อย แต่จะยังคงต่ำกว่า 3% โดยเฉลี่ย ในช่วงปี 2016-18 เนื่องจากยังคงมีหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออกยังคงเติบโตได้ไม่ดีนัก (Bangkok Post)
เส้นทางรถไฟฟ้าไฮสปีดรวมอยู่ในช่องทางด่วนของพีพีพี โครงการรถไฟฟ้าสองโครงการได้แก่ เส้นทางกรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. มูลค่า 1.53 แสนลบ. และ เส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. มูลค่า 9.47 หมื่นลบ. ได้ถูกบรรจุในมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ตามข้อมูลจาก รมว.กระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ โครงการนี้จะถูกส่งให้คณะกรรมการพีพีพีพิจารณาอนุมัติภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า และหากได้ผ่านการอนุมัติ พวกเขาจะเริ่มพิจารณาโครงการพีพีพีลำดับที่หกและเจ็ดต่อไป (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เทียบกับเงินสกุลหลักอื่น ๆ เนื่องจากเทรดเดอร์ลดความคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1397 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.4% อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินยูโรถูกจำกัดโดยความกังวลว่าเงินยูโรน่าจะได้รับผลกระทบมากหากอังกฤษมีการลงมติในวันที่ 23 มิ.ย. เพื่อออกจากอียู นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.4% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 106.86 เยน อยู่เหนือระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 18,000 จุดเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนเม.ย. เนื่องจากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐทำให้ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นและเสริมแนวโน้มที่ดีของบริษัทข้ามชาติของสหรัฐซึ่งมียอดขายส่วนใหญ่จากต่างประเทศ (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวลดลงหลังจากปรับตัวสูงขึ้นสองวันติดต่อกันก่อนหน้านี้ นำโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน อาทิ UniCredit ซึ่งเป็น ธ.พ.สัญชาติอิตาลีหลังจาก CEO คนใหม่เข้ามารับตำแหน่งและอาจมีการเพิ่มทุน รวมไปถึง Erste ซึ่งเป็น ธ.พ.สัญชาติออสเตรีย หลังจากมีข่าวว่าบริษัทประกันภัย Uniqa จะขายหุ้น Erste ที่ถือครองอยู่ (Reuters)
เอเชีย :
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นร่วงลง 11.0 % MoM และลดลง 8.2%YoY ในเดือนเมษายน แสดงสัญญาณว่าการลงทุนทางธุรกิจหดตัวลง มากกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยโดยนักเศรษฐศาสตร์ว่าจะลดลงเพียง 3.8%MoM และ 2.3%YoY ในขณะที่เดือนมีนาคมยอดดังกล่าวเพิ่มขึ้น 5.5%MoM (Reuters)
ความเชื่อมั่นในภาคบริการของญี่ปุ่นลดลงสู่ระดับต่ำสุดในพฤษภาคม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน ในตลาดที่อยู่อาศัย และการกลับเข้าสู่ภาวะเงินฝืด จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงาน เช่น คนขับรถแท็กซี่ คนงาน ของโรงแรมและ พนักงานร้านอาหาร และอื่น ๆ แสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของพวกเขาลดลง 0.5 จุด ไปอยู่ที่ 43.0 จากเดือนก่อนหน้า ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 (Reuters)
การนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคมมีมุมมองบวกแต่ผิดหวังจากการส่งออก: การส่งออกเป็นเงินสกุลเงินดอลลาร์ของจีนลดลง 4.1% YoY ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับที่คาดว่าจะลดลงเพียง 3.6% การนำเข้าลดลง 0.4% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6.0% และลดลงน้อยที่สุดตั้งแต่มียอดติดลบในเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ยอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนพฤษภาคม เท่ากับ 49.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ การคาดการณ์ที่ 58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เดือนเมษายนเกินดุล 45.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการส่งออกที่อ่อนแอ แต่ธนาคารกลางของจีน (PBOC) ยังคงคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 6.8 % ในปีนี้(Reuters)
ตลาดการเงินของจีนและไต้หวัน จะปิดทำการ 9-10 มิถุนายน เนื่องในวันหยุดแห่งชาติ Tuen Ng ตลาดการเงินของทั้งสองประเทศจะกลับมาเปิดทำการวันที่ 13 มิถุนายน แต่ฮ่องกงจะกลับมาเปิดตั้งแต่ 10 มิถุนายน (ปิดวันที่ 9 มิถุนายน หนึ่งวัน) (Reuters)
ธุรกิจของคนต่างด้าวในจีนถูกมองในแง่ร้ายมากขึ้นเนื่องจากความกลัวนโยบายปกป้องทางการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกิจธนาคารและประกันภัยและกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ยังคงค้างอยู่ซึ่งอาจจำกัดยอดขายของบริษัทต่างชาติเพื่อเอื้ออำนวยต่อบริษัทคู่แข่งในประเทศ นโยบาย “Made in China 2025” ที่จะผลิตสินค้าไฮเทคชั้นแนวหน้าของโลกเรียกร้องให้เพิ่มการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศมากขึ้นจากกลุ่มไอทีและจากผู้ผลิตหุ่นยนต์ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ให้คำมั่นในการให้รัฐบาลสนับสนุนบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเพิ่มความกังวลว่าบริษัทต่างชาติจะเสียเปรียบ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันในวันพุธปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะจุดสูงสุดในปีนี้เหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล บวกสามวันติดเพราะความกังวลกับการก่อวินาศกรรมต่อสาธารณูปโภคน้ำมันของไนจีเรีย แม้การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินท่ามกลางความต้องการน้ำมันในหน้าร้อนอาจกดดันราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 87 เซนต์ (+1.7%) ปิดที่ 51.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่า 1% สู่จุดสูงสุดรอบสามสัปดาห์ในวันพุธ หลังจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้นไปถึง 1.6% แตะ 1,263.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงสุดนับแต่ 20 พ.ค. และปิดบวก 1.4% ราคาทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1.2% ไปปิดที่ 1,262.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331